ประวัติ เดวิด เบ็คแฮม
เดวิด เบ็คแฮม อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ ออกแถลงการณ์ถึงกรณีอื้อฉาวชุดใหญ่ของฟีฟ่าที่กำลังดำเนินอยู๋ในขณะนี้ ว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และทุกภาคส่วนควรใช้เหตุการณ์นี้เปลี่ยนแปลงฟุตบอลให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องหลังการบุกเข้าจับกุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงคาโรงแรมหรูในซูริค องค์กรลูกหนังโลกถูกผู้รักษากฎหมายไล่บี้อย่างหนัก ทั้งการตั้งข้อหา 14 ผู้บริหารโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ การเข้ามาสอบสวนการเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 โดยอัยการสวิส รวมไปถึงการออกหมายจับอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้เกี่ยวข้องโดยตำรวจสากล โดย เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่าที่เพิ่งชนะเลือกตั้งเข้ามาก็ต้องขอลาตำแหน่งทั้งที่เพิ่งทำงานในวาระใหม่ได้เพียงสี่วัน
"บางสิ่งที่เราได้รับรู้ว่าเกิดขึ้นในตอนนี้นั้นน่ารังเกียจ ยอมรับไม่ได้ และเป็นเรื่องแย่มากสำหรับเกมที่พวกเรารักเหลือเกิน" เบ็คส์กล่าวในแถลง
"แม้จะไม่ใช่เรื่องดีที่ต้องเห็นพาดหัวข่าวเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ในช่วงนี้ ผมหวังว่าในที่สุดเราจะเดินไปได้ถูกทาง
"ฟุตบอลไม่ได้เป็นของคนระดับสูงไม่กี่คน มันเป็นของคนนับล้านทั่วโลกที่รักกีฬานี้ ถึงเวลาที่ฟีฟ่าจะต้องเปลี่ยนแปลง และเราทุกคนจะยินดีกับมัน"
อดีตกองกลางซูเปอร์สตาร์เคยเป็นกำลังสำคัญในการรณรงค์เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 ของอังกฤษ ก่อนจะถูกรัสเซียคว้าชัยชนะในการโหวตไปอย่างน่ากังขา
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม :David Beckham วันเกิด :2 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 สถานที่เกิด :ลีย์ตันสโตน ลอนดอน อังกฤษ ส่วนสูง :183 ซ.ม. ( 6 ฟุต ) ฉายา :Becks, Goldenballs, DB7 ตำแหน่ง :กองกลาง ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน :แอลเอแกแล็คซี่ หมายเลข :23 สโมสรเยาวชน
1991?1992 :แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรอาชีพ
ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู) 1993 - 2003แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 265 (62) 2003 - 2007รีล มาดริด 116 (13) 2007 - แอลเอ แกแล็คซี่ 30 (5) 2009 - เอซี มิลาน (ยืมตัว) 14 (2) ทีมชาติ
ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู) 1994 - 1996อังกฤษ U21 9 (0) 1996 - 2006อังกฤษ 94 (17) เดวิด โรเบิร์ต โจเซฟ เบ็คแฮม (David Robert Joseph Beckham) เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันมีสัญญาอยู่กับสโมสรแอลเอแกแล็คซี่ในอเมริกา แต่ทีมเอซี มิลานยืมตัวมาเป็นฤดูกาลที่สองแล้ว และเป็นกัปตันของทีมชาติอังกฤษตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 ถึง 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2006
เบ็คแฮมเป็นนักเตะหนึ่งในสี่คนที่เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมากกว่า 100 นัด เขายังเป็นนักเตะที่เล่นให้ทีมชาติอังกฤษ 94 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 5 (ก.ค. 49) และเป็นคนอังกฤษเพียงคนเดียวที่ทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง ใน ฟุตบอลโลก 1998 2002 และ 2006 รวมทั้งหมด 17 ประตู ชื่อเสียงของเบ็คแฮมนอกสนามแข่งนั้นโด่งดังกว่าในสนามมาก เฉพาะในสหราชอาณาจักรแล้ว ชื่อเบ็คแฮมเทียบได้กับแบรนด์อย่างโค้กหรือไอบีเอ็มเลยทีเดียวเบ็คแฮมได้รับเครื่องราชเป็นนายทหารแห่งจักรวรรดิบริเตน (Officer of the British Empire) จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เบ็คแฮมเกิดในเมือง ลีย์ตันสโตน ในกรุงลอนดอน โดยพ่อของเขา เท็ด เบ็คแฮม เป็นแฟนของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และเดินทางไปดูการแข่งขันที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดอยู่เสมอ เบ็คแฮมจึงได้เข้าเป็นนักเตะฝึกหัดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เมื่อผู้เล่นชุดใหญ่ของสโมสรออกจากทีมไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 94-95 ผู้จัดการทีมอเล็กซ์ เฟอร์กูสันจึงนำนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาเล่น เดวิด เบ็คแฮมเป็นหนึ่งในนักเตะเหล่านั้น เบ็คแฮมสามารถทำประตูได้ในนัดแรกของฤดูกาล (ชนะ เวสต์แฮม 3-1) และได้เป็นตัวจริงถาวรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฤดูกาลแรกของเบ็คแฮมนั้นชนะเลิศทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ
ชื่อเสียงของเบ็คแฮมเริ่มโด่งดังขึ้นในเดือนสิงหาคม 1996 เมื่อเขายิงลูกจากครึ่งสนามเข้าในนัดที่พบกับวิมเบิลดัน เขาติดทีมชาติอังกฤษนัดแรกวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1996 ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกที่อังกฤษพบกับมอลโดวา ในฤดูกาลนี้เขายังได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอซึ่งโหวตโดยผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก
ฟุตบอลโลก 1998
เบ็คแฮมได้เล่นในรอบคัดเลือกของฟุตบอลโลก 1998ครบทุกนัด แต่ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศฝรั่งเศส ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเกล็น ฮ็อดเดิลได้วิจารณ์ว่าเขาไม่มีสมาธิกับเกมฟุตบอล ทำให้เบ็คแฮมไม่ได้ลงเล่นใน 2 นัดแรก เขากลับมาลงสนามอีกครั้งในนัดที่อังกฤษชนะโคลัมเบีย 2-0 และทำประดูได้
เบ็คแฮมกลายเป็นตัวร้ายของทีมชาติ เมื่อได้รับใบแดงจากการทำฟาล์วนอกเกมกับดิเอโก ซิโมเน นักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาในการแข่งขันรอบที่สอง การแข่งขันนัดนั้นเสมอกันและอังกฤษแพ้ในการยิงจุดโทษ สื่อมวลชนอังกฤษจึงกล่าวหาว่าเขาเป็นต้นเหตุของความพ่ายแพ้ในนัดนี้
ฤดูกาลทริปเปิลแชมป์ (1998-1999)
สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จสูงสุดในฤดูกาล 1998-1999 เมื่อสามารถคว้าแชมป์รายการสำคัญได้ถึง 3 รายการ คือ พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเบ็คแฮมมีส่วนร่วมอย่างมากในการทำประตูการแข่งขันนัดสำคัญ ผลจากการเล่นที่มีประสิทธิภาพในฤดูกาลนี้ทำให้แฟนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดให้อภัยความผิดพลาดในฟุตบอลโลก และคอยปกป้องเบ็คแฮมจากแฟนชาวอังกฤษของสโมสรอื่นที่ยังโจมตีเบ็คแฮมอยู่
เมื่อชื่อเสียงของเบ็คแฮมนอกสนามเริ่มโด่งดัง เขาเริ่มมีปัญหากับผู้จัดการทีมอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งมองว่าวิคตอเรีย เบ็คแฮม ภรรยาของเขามีส่วนต่อพฤติกรรมแย่นอกสนาม ซึ่งทำให้เบ็คแฮมไม่มีสมาธิกับการแข่งขันเท่าที่ควร
เบ็คแฮมเริ่มกลับมาเอาชนะใจแฟนฟุตบอลอังกฤษได้อีกครั้ง เมื่อผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเควิน คีแกน ลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2000 ปีเตอร์ เทย์เลอร์ ผู้จัดการชั่วคราวในขณะนั้นมอบตำแหน่งกัปตันทีมให้กับเบ็คแฮม และสืบต่อมาถึงช่วงของ สเวน โกรัน อีริคสัน ผู้จัดการคนถัดมา เบ็คแฮมมีบทบาทอย่างมากในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2002 โดยเฉพาะนัดที่เอาชนะทีมชาติเยอรมนี 5-1 และตีเสมอให้อังกฤษ 2-2 ในนัดที่เจอกับทีมชาติกรีซ ซึ่งทำให้อังกฤษเข้ารอบสุดท้ายในที่สุด
ฟุตบอลโลก 2002
เบ็คแฮมได้รับบาดเจ็บจากการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับสโมสรฟุตบอลดีปอร์ติโว ลา คอรุญญ่า ในเดือนเมษายน 2002 จึงหมดสิทธิ์เล่นทั้งฤดูกาล แต่เขาหายทันการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วม เขาทำประตูชัยในนัดที่พบกับอาร์เจนตินา แต่สุดท้ายอังกฤษแพ้ให้กับบราซิลในการแข่งขันรอบถัดมา
เบ็คแฮมได้รับบาดเจ็บอีกครั้งต้นฤดูกาล 2002-03 และเริ่มเสียตำแหน่งตัวจริงในทีม ความสัมพันธ์ของเขากับเฟอร์กูสันถึงจุดแตกหัก เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 หลังการแข่งขันที่แพ้ให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล ในห้องแต่งตัว เฟอร์กูสันได้เตะรองเท้าสตั๊ดไปโดนบริเวณเหนือคิ้วของเบ็คแฮมจนได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นในการย้ายทีมของเบ็คแฮมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล
เบ็คแฮมลงสนามกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งหมด 394 นัด ทำได้ 85 ประตู
เรอัล มาดริด
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต้องการขายเบ็คแฮมให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา แต่เบ็คแฮมกลับเซ็นสัญญา 4 ปีกับสโมสรฟุตบอลรีลมาดริดด้วยค่าตัวประมาณ 35 ล้านยูโร การย้ายทีมครั้งนี้ถูกวิจารณ์ว่ารีลมาดริดต้องการซื้อความเป็นดาราของเบ็คแฮมเพื่อหวังรายได้จากการขายสินค้า มากกว่าต้องการตัวเบ็คแฮมจากฝีมือการเล่นฟุตบอล ตัวอย่าง.ที่ชัดเจนคือเสื้อของเบ็คแฮมนั้นขายหมดทันทีในวันแรกที่เขาย้ายมายังมาดริด
เมื่อเล่นกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เบ็คแฮมใส่เสื้อหมายเลข 7 แต่เมื่อย้ายมามาดริด หมายเลข 7 ถูกครอบครองโดยราอูล กอนซาเลซดาวยิงชาวสเปนอยู่แล้ว เบ็คแฮมจึงเปลี่ยนไปใส่หมายเลข 23 โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นแฟนของไมเคิล จอร์แดน นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง
ฤดูกาลแรกของเบ็คแฮมที่มาดริดเริ่มต้นได้ค่อนข้างดี แต่มาดริดไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆ ได้เมื่อจบฤดูกาล เบ็คแฮมตกเป็นข่าวอื้อฉาวว่ามีความสัมพันธ์กับอดีตผู้ช่วย และนางแบบชาวออสเตรเลีย เบ็คแฮมได้ปฏิเสธข่าวเหล่านี้ ปีนั้นเขายังได้ลงแข่งขันยูโร 2004 และยิงลูกโทษพลาด ทำให้อังกฤษแพ้โปรตุเกสในรอบสี่ทีมสุดท้าย
ฤดูกาล 2007/08 ถึงจุดเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเบ็คแฮม จากการเข้ามาคุมทีมของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ซึ่งไม่เห็นค่าของเบ็คแฮมเท่าไหร่นัก เขาจับเบ็คแฮมเป็นตัวสำรอง หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งจุดเปลี่ยนแปลงที่เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกก็เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2007 เบ็คแฮมได้ประกาศ เซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีม "แอลเอ แกแล็คซี่" หลังจบฤดูกาล 2007!!!
มีข่าวต่างๆออกมามากมายในกรณีดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านั้น ทางมาดริดได้เสนอสัญญา 2 ปี ให้กับเบ็คแฮม แต่เจ้าตัวต้องการสัญญาระยะยาวกว่านั้น ซึ่งจนแล้วจนรอดก็ไม่มีสัญญาฉบับใหม่มายื่นให้บักเบ็คเซ็น จนเป็นผลให้จอมวางบอล ย้ายไปรับทรัพย์มาหาศาลจากสัญญา 5 ปี ของทีมของเมเจอร์ลีก แทน
จากกรณีดังกล่าว ทำให้คาเปลโล่ ประกาศตัดเบคแฮมออกจากทีม และไม่ให้ลงเล่นอีกต่อไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เบคแฮมเลิกล้มช่วงเวลาที่เหลือ กับทีมชุดขาวแต่อย่างใด เขายังคงมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมเป็นปกติ จนกระทั่ง มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทีมราชัน ฟอร์มบู่เป็นอย่างมาก มีเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ ให้ส่งเทพบุตรสุดหล่อ ลงมาเปิดเกมส์ทางกราบขวาเหมือนเป็นปกติ จนในที่สุด เบคแฮมก็ได้กลับมาลงเล่นอีกจนได้ ซึ่ง ณ ขณะนั้น บักเบคโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมาก จ่ายใส่พานให้คนอื่นทำประตูสุดสวยหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเรอัล มาดริด คว้าแชมป์ลาลีกา ไปครองในที่สุด ซึ่งคาเปลโล่ ถึงกลับมาให้สัมภาษณ์เลยว่า "ผมเสียใจจริงๆที่เราไม่ยื่นสัญญาในระยะเวลาอย่างที่เขาต้องการ"
แอลเอ แกแล็คซี่
เบ็ค เปิดตัวในฐานะนักเตะแอลเอ ที่โฮม ดีโป เซ็นเตอร์ สนามของทีม โดยเบ็คเลือกใส่หมายเลข 32 ซึ่งในวันเปิดตัวนั้น มีแฟนบอลมาต้อนรับมากมายถึง 250,000 คนเลยทีเดียว
เบ็คแฮม ลงสนามเล่นแมทช์แรกกับทีม เชลซี ในแมทช์อุ่นเครื่อง ซึ่งทีมแพ้ไป 0-1 และลงเล่นในลีกแมทช์แรกเจอกับทีม ดีซี ยูไนเต็ด ซึ่งสามารถจ่ายบอลให้ แลนดอน โดโนแวน ยิงได้ด้วย และพาทีมเอาชนะไป 2-0
และในแมทช์ที่แข่งศึกซูเปอร์ลีกา(ยูฟ่าแชมเปี้ยน ของอเมริกาใต้) เจอกับทีมพาชูร่า ของเม็กซิโก เบ็คแฮมได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ส่งผลให้เขาพักยาวถึง 6 สัปดาห์เลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะกลับมาเล่นได้ก็แทบจบฤดูกาลแล้ว สรุปในฤดูกาลแรกกับทีมแอลเอ เบ็คแฮมได้ลงทั้งสิ้น 8 นัด ( 5 นัดในลีก) และทำได้ 1 ประตู (0 ในลีก) เล่นเอาแฟนๆถึงกับทำป้ายบอกเลยว่า "กุซื้อแฮรี่มาอ่านยังจะถูกกว่าคุ้มกว่าอีก"
ช่วงปิดฤดูกาล เบ็คแฮมสร้างความฮือฮาด้วยการมาซ้อมบอล กับทีมอาร์เซนอล ซึ่งถือเป็นข่าวครึกโครมในช่วงนั้นเลยทีเดียว
สำหรับลูกแรกที่ทำได้ในเมเจอร์ลีกนั้น เป็นการเจอกับทีม ซาน โจเซ่ เอิร์ธเควกเกส โดยเบ็คทำได้ในนาทีที่ 9
และวันที่ 24 พฤษภาคม 2008 เบ็คแฮมก็สร้างตำนานการยิงไกลร่วมครึ่งสนามอีกครั้ง ในแมทช์เจอกับแคนซัสซิตี้ วิซาร์ด ซึ่งยิงไกลในระยะร่วม 70 หลา
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อจบฤดูกาล ทีมก็ไม่ได้สิทธิอะไรเลย จบฤดูกาลแบบมือเปล่า ซึ่งหลังจากความหวังที่จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของทีม กลับไม่ประสบความสำเร็จใน 2 ฤดูกาลที่อยู่กับทีม ทำให้ช่วงปิดฤดูกาลที่ 2 เบ็คแฮมเลยตัดสินใจ......
มามิลานแบบยืมตัว
ช่วงปี 2008 เบ็คแฮมซึ่งกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง เพราะโค้ชฟาบิโอ คาเปลโล ซึ่งเคยคุมทีมเรอัล มาดริด สมัยที่ยังมีเบ็คแฮมอยู่กับทีม ในเล็งเห็นศักยภาพการเปิดบอลใส่พานของเขา และเรียกตัวกลับมาติดทีมชาติ ซึ่งก็ทำผลงานในบอลโลกรอบคัดเลือกได้เป็นอย่างดี ซึ่งการที่ฟอร์มของเขายังดีอยู่ ทำให้ยอดทีมจากอิตาลี เอซี มิลาน อยากได้ความสามารถของเขามาช่วยทีม จึงอาศัยช่วงที่ปิดฤดูกาลของอเมริกา ยืมตัวเบ็คแฮมมาใช้งาน ซึ่งทางแอลเอก็ได้ตอบตกลงอย่าง่ายดาย ด้วยเหตุผลที่ว่า ทีมปีศาจแดงดำจะสามารถเรียกความสามารถระดับท๊อปฟอร์มของเบ็คแฮมกลับมาได้ ซึ่งเบ็คก็ไม่รอช้า รีบบินมาเล่นให้ในทันที
เบ็คแฮม ลงเล่นอย่างเป็นทางการให้กับเอซี มิลาน ในแมทช์ที่เสมอกับโรม่า 2-2 เบ็คยิงได้ลูกแรกในเซเรีย อาร์ ในนัดถล่มโบโลญญ่า 4-1 ซึ่งเป็นการลงสนามนัดที่สามของเขา ซึ่งพอโชว์ฟอร์มได้ดีกับทีมปีศาจ เบ็คแฮมก็แสดงอาการ ไม่อยากกลับไปเล่นในลีกที่ระดับต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองอย่างเมเจอร์ลีก ทันที เขาแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่า อยากอยู่กับมิลาน ต่อไป ซึ่งทีมมิลาน ก็ได้ยื่นข้อเสนออยู่หลายครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายมีมูลค่าสูงสุดที่ 10.5 ล้านปอนด์ แต่เงินแค่นี้ ทีมเศรษฐีจากอเมริกาไม่ยอมขายอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเล่นให้กับแอลเอ ต่อไป
ฟุตบอลโลก 2006
เบ็คแฮมมีส่วนในการทำประตูในรอบแรกของฟุตบอลโลก 2006 และยิงได้ในนัดที่พบกับเอกวาดอร์ในรอบที่สอง ทำให้เขาเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่ทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง อย่างไรก็ตามในการแข่งขันกับโปรตุเกสในรอบถัดมา เบ็คแฮมบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง และอังกฤษแพ้จุดโทษให้กับโปรตุเกสอีกครั้ง
หลังจากตกรอบฟุตบอลโลก เบ็คแฮมประกาศลาออกจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษ เพื่อเปิดทางให้รุ่นน้องคนอื่นเข้ามารับหน้าที่นี้แทน
ปัจจุบัน เบ็คแฮมได้กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง ภายใต้การคุมทีมของคาเปลโล่ ซึ่งกำลังทำศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก อยู่ในขณะนี้
ชีวิตส่วนตัว
เบ็คแฮมแต่งงานกับ วิคตอเรีย อดัมส์ นักร้องสาวของวงสไปซ์เกิลส์ ฉายา "Posh Spice" ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนอย่างมาก ทั้งคู่ถูกเรียกจากสื่อว่า "Posh and Becks" และชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป
ครอบครัวเบ็คแฮมมีลูกชาย 3 คน คือ บรุคลิน โจเซฟ เบ็คแฮม (เกิด 1999), โรมีโอ เจมส์ เบ็คแฮม (เกิด 2002) และครูซ เดวิด เบ็คแฮม (เกิด 2005)