ประวัติ เจอร์เก้น คลินส์มันน์
“ฉลามขาว” เจอร์เก้น คลินส์มันน์
อีกหนึ่งบุคลากรระดับตำนานวงการฟุตบอลเมืองเบียร์ คงน้อยคนที่จะไม่รู้จัก “ฉลามขาว” เจอร์เก้น คลินส์มันน์ กองหน้าที่ดุดันที่สุดในยุค 90
คลินส์มัน เกิดเมื่อ 30 มิถุนายน 1964 ชีวิตค้าแข้งเริ่มต้นกับทีมเล็กๆในดิวิชั่น 2 สตุ๊ทการ์ท คิคเกอร์ส เมื่อปี 1982 ซึ่งก็ฉายแววความไม่ธรรมดาตั้งแต่ ณ เวลานั้นเมื่อนำโด่งเป็นดาวซัลโวของลีก ภายในเวลา 2 ปี
ฟรอมของคลินซี่ อยู่ในสายตาของแมวมองมาโดยตลอด จนกระทั้งทีมใหญ่ของเมือง อย่าง Vfb สตุ๊ทการ์ท จัดการยื่นโอกาสงามให้กระชากตัวมาร่วมทีมผูกมัดด้วยสัญญา 5 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลากับทีม “ม้าขาว” คลินส์มัน ประสบความสำเร็จไม่น้อยทั้งเรื่องส่วนตัวและกับทีม
ปี 1988 เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตครั้งแรกของคลินซี่ เมื่อกระซวกประตูจนได้ตำแหน่งดาวซัลโว บุนเดสลีกา ตามด้วยได้รับโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมัน จุดเล็กๆที่ดูจะเป็นจุดมืดของ คลินส์มัน คือการพ่ายคาบ้านให้กับ ฮอลแลนด์ ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ในยูโร 1988
ในช่วงซัมเมอร์ปี 1989 เจ้าฉลามขาวต้องเดินทางไปค้าแข้งยังต่างบ้านต่างเมืองเป็นครั้งแรก และจุดหมายใหม่คือ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ทีมรวมดาวยุโรปในขณะนั้น รวมถึงฮีโร่เพื่อนร่วมชาติอย่าง โลธาร์มัทเธอุส และ แอนเดรียส เบรห์เม่ ที่ช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานอลังการได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก พางูใหญ่เถลิงแชมป์ กัลโช่ เซรี่ อา
คลินส์มัน นับเป็นนักเตะต่างชาติที่สามารถปรับตัวเข้ากับระบบของทีมที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับวัฒนธรรมใหม่ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยไม่วาจะเป็นทีมในอังกฤษ,อิตาลี,เยอรมัน หรือฝรั่งเศส
หลังจากประสบความสำเร็จได้สคูเด็ตโต้ เป้าหมายต่อไปของฉลามขาวคือ ลีก เอิง ในฝรั่งเศสกับ โมนาโก ในปี 1992 สาเหตุที่ทำให้คลินซี่ เนื้อหอมปานนั้นนอกจากฟอร์มร้อนแรงแล้วยังมีดีกีแชมป์โลกปี 1990 การันตีด้วย เมื่อเป็ส่วนหนึ่งของ เยอรมัน ตะวันตก ไปคว้าแชมป์ที่ อิตาลี
ตลอดทัวร์นาเมนต์ คลินซี่ ได้ลงเล่นไป 5 เกมที่ มิลาน และก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดในโลกภายระยะเวลา 2 ฤดูกาลกับโมนาโก แต่การอยู่กับยอดทีมแห่งฝรั่งเศส คลินส์มัน ไม่เคยได้สัมผัสโทรฟี่แชมป์เลย และก็ถึงเวลากลับมาร่วมทัพ เยอรมัน ป้องกันแชมป์โลกอีกครั้งที่ อเมริกา
ช่วงเวลานั้น คลินซี่ อายุได้ 30 ปีซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพีคของฟอร์มการเล่น ยิงได้ 5 ประตูในทัวร์นาเมนต์ที่เมืองลุงแซม ซึ่งเป็นอีกทัวร์นาเมนต์ที่โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจตามมาตรฐาน ทว่าเหมือนโชคไม่เข้าข้างให้ คลินซี่ ได้ครองแชมป์โลกเป็นครั้งที่สองเมื่อพลาดท่าพ่าย บัลแกเรีย 2-1 ในรอบควอเตอร์ ไฟนัล และเป็นเหตุการณ์ณ์ที่ทำให้ทั้งโลกได้เห็นน้ำตาลูกผู้ชายของ “ฉลามขาว” ผู้นี้ ที่ไม่สามารถสะกดความเจ็บปวดไว้ได้
หลังจากเดินทางค้าแข้งมาทั่วยุโรปแล้ว สเปอร์ส ทีมแห่งพรีเมียร์ชิพ อังกฤษคือเป้าหมายต่อไป และก็กลายเป็นขวัญใจของถิ่น ไวท์ ฮาร์ทเลน ได้ไม่ชาก ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีเมื่อปี 1995 หลังจากคว้าแชมป์ยุโรปกับเยอรมันที่เวมบลีย์ ซึ่ง คลินซี่ รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมด้วยลงเล่นแม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บก็ตาม
คลินส์มัน ค้าแข้งอยู่กับ สเปอร์ส เพียงฤดูกาลเดียวแล้วก็กลับไปบ้านเกิดที่เยอรมันกับ บาเยิร์น มิวนิค ต่อด้วย ซามพ์โดเรีย ก่อนจะกลับสู่สเปอร์ส อีกครั้งช่วยทีมหนีตกชั้นสำเร็จในปี 1998
คลินส์มัน ประกาศว่าจะรีไทร์จากวงการฟุตบอลหลังจบฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส ซึงเจ้าตัวก็ลั่นวาจาจะพาเยอรมันไปให้ถึงที่สุด และทำได้ดีที่สุดแค่ยิง 3 ประตู พาเยอรมันไปได้แค่รอบ ควอเตอร์ ไฟนัล หลังพ่ายให้กับ โครเอเชีย
จากสถิติรับใช้ชาติ 108 เกม ยิง 50 ประตูให้อินทรีเหล็ก เล่นฟุตบอลโลก 3 สมัย ไม่น่าแปลกใจว่า คลินซี่ ถึงได้เป็นหนึ่งในนักเตะตำนานของทีมอินทรีเหล็ก
ปี 2003 หลังจากที่เขาแขวนสตั๊ดไปแล้วถึง 5 ปี เขาก็กลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพอีกครั้ง! แต่ครั้งนี้เป็นการเล่นนอกลีกยุโรป ซึ่งนั่นก็คือ ทีมออเรนจ์ คันที บลู สตาร์ ในลีกอเมริกานั่นเอง ดาวยิงของเยอรมัน ซึ่งขณะนั้นอายุ 39 ปีแล้ว ได้ลงเล่นไป 8 นัด ทำประตูได้ 5 ลูก และแขวนสตั๊ดอย่างถาวรที่นี่
โค้ท
หลังจากจบชีวิตการค้าแข้ง คลินสมันน์ ก็ได้มาประกอบอาชีพเป็นรองประธานฝ่ายการตลาดกีฬา ของทีมแอลเอแลแล็คซี่ ของลีกอเมริกา ได้สักพักหนึ่ง อาชีพผู้จัดการทีมของเขาก็เริ่มขึ้น
วันที่ 26 กรกฏาคม 2004 ภายหลังจากการลาออกของรูดี ฟอลเดอร์ ซึ่งทำทีมมาในศึกยูโร 2004 ชนะเพียงแค่แมทช์เดียว บอร์ดบริหารทีมชาติเยอรมัน ก็ได้เชิญตัว คลินสมันน์ มาเป็นกุนซือคนใหม่ ซึ่งในระยะแรกๆ หลายๆคนได้ปรามาสว่า เยอรมันจะไปได้ไม่ถึงไหน เพราะคลินสมันน์ ไม่เคยมีประสบการคุมทีมมาก่อนเลย แต่ก็ไม่เป็นไปดังนั้น
ในทัวนาเม้นต์ เวิร์ลดคัพ 2006 ที่เยอรมัน คลินสมันน์พาทีมเยอรมัน ทะลุเข้าถึงรอบสี่ทีมสุดท้าย ก่อนพ่ายอิตาลีอย่างน่าเสียดายไป 2-0 จนกระทั่งไปถล่มชนะโปรตุเกส 3-1 คว้าที่สามไปครอง ซึ่งเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่สร้างชื่อให้กับคลินสมันน์เป็นอย่างมาก ในการคว้าที่สามในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ทั้งๆที่เพิ่มคุมทีมเป็นครั้งแรกได้
หลังจบทัวร์นาเม้นต์ คลินสมันต์ปฏิเสธที่จะต่อสัญญากับทีม โดยให้เหตุผลว่า ต้องการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวมากกว่า
หลังจากมีข่าวลือในการที่จะเข้ามาคุมทีมต่างๆ รวมถึงสุดยอดทีมอย่าง "ลิเวอร์พูล" แต่ท้ายที่สุด คนที่ได้ประเดิมการคุมทีมสโมสรครั้งแรกของคลินสมันน์ ก็คือทีม"เสือใต้"บาเยิร์น มิวนิค ของลีกเยอรมันนี่เอง
แต่ฤดูกาลแรก ของการคุมทีมสโมสรไม่ดีนัก เขาคลินสมันน์พาทีมเสือใต้รั้งอันดับสามในขณะที่เหลือการแข่งอีกไม่กี่แมทช์ มีสิทธิ์หล่นลงมาอันดับ 4 ซึ่งจะทำให้ไม่ได้ไปเล่นในยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกด้วยซ้ำ ทางบอร์ดบริหารเลยมีมติ ไล่คลินสมันน์ออกจากตำแหน่ง ในท้ายที่สุด