ประวัติ เฟรดริก ลุงเบิร์ก
เฟรดริก ลุงเบิร์ก อดีตปีกขวาระดับตำนานระดับตำนานของ อาร์เซนอล เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ของตัวเองว่า จะกลับมาช่วยสโมสรคู่บุญคุมทีมชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี
สำหรับอดีตแข้งชาวสวีดิชรายนี้ เคยมาค้าแข้งอยู่เดอะ กันเนอร์สในช่วงปี 1998-2007 และประสบความสำเร็จอย่างสูง อยู่ในชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย เอฟเอคัพ 3 ครั้ง รวมถึงคอมมิวนิตี้ ชิลด์อีก 3 หนด้วย
"หวังว่าทุกคนจะมีความสุขในปีใหม่นี้นะ ผมเองก็เพลิดเพลินกับการไปพักผ่อนที่เคปทาวน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่ผมจะกลับไปรับงานโค้ชทีมชุด U15 ของอาร์เซนอล น่าตื่นเต้นมากจริงๆ" ลุงเบิร์ก โพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัว
ทั้งนี้ ลุงเบิร์ก แขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการไปเมื่อปี 2014 โดยลงเล่นให้มุมไป ซิตี้ ทีมในศึกอินเดียน ซูเปอร์ลีก เป็นสโมสรสุดท้าย
เฟรดริก ลุงเบิร์ก
เกิดวันที่ 16 เมษายน ปี 1977 เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นปีกคนสำคัญของสโมสร อาร์เซนอล แห่งลีกเมืองผู้ดี ที่ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส แทบจะขาดไม่ได้เลย แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่างานอดิเรกของเขาก็คือเป็นนายแบบให้กับชั้นในชายแบรนด์ดัง อย่าง Calvin Klein นอกจากนี้ก่อนที่เขาจะมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพยังมีกีฬาหลายอย่างที่ถนัด อย่าง แฮนด์บอล, ไอซ์ ฮ็อคกี้ และ กอล์ฟ
ลุงเบิร์ก ย้ายมาร่วมทัพ "เดอะ กันเนอร์ส" ในปี 1998 โดยก่อนหน้านั้นค้าแข้งอยู่ แฮมสตั๊ดส์ บีเค ทีมลูกหนังในลีกบ้านเกิด ซึ่งได้ลงสนามทั้งหมด 139 นัด ยิงได้ 16 ประตู แต่ทว่าทักษะการยิงประตูของเขาได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ในถิ่น ไฮบิวรี่ โดยกุนซือที่ชักจูงเขาเข้ามาค้าแข้งในลีกเมืองผู้ดีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือคู่บุญคนปัจจุบันนั่นเอง โดยเขาเห็นฟอร์มในการลงรับใช้ทีมชาติสวีเดน พ่าย อังกฤษ ทางทีวี โดยไม่มีการรู้จักเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็บอกกับสโมสรให้จัดการคว้า ลุงเบิร์ก มาร่วมทัพในที่สุด
ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หลังจากได้ฟังหลายคนสาธยายในศักยภาพให้ฟัง ในที่สุด ลุงเบิร์ก ก็พิสูจน์ให้เห็นด้วยการยิงประตู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อริสำคัญ ได้สำเร็จ จากการถูกส่งลงไปเป็นตัวสำรอง จากนั้นเขาก็กลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมมาโดยตลอด และเชื่อกันว่าช่วงที่น่าจะฟอร์มฮอตที่สุดคงอยู่ในฤดูกาล 2001/2002 ที่ดับเบิ้ลแชมป์ ทั้งพรีเมียร์ชิพ และ เอฟเอ คัพ
และยิ่งได้โชว์ฝีเท้าแบบเต็มที หลังจาก "ปืนใหญ่" ไม่มี เอ็มมานูเอล เปอร์ตี และ มาร์ค โอเวอร์มาร์ เพราะตั้งแต่นั้นเขาก็ยึดตำแหน่งตัวจริงเรื่อยมาก เรียกว่าแทบจะลงเล่นทุกนัด หากไม่ได้รับบาดเจ็บเสียก่อน เพราะเขาเคยต้องตู่สู้อาการปวดหัว ไมเกรน เมื่อปี 2005 มาแล้ว นอกจากนี้ยังเคยได้รับบาดเจ็บหนักที่สะโพกอีกด้วย ซึ่งช่วงแรกเป็นห่วงกันว่าอาจจะเรื้อรังจนกลายเป็นมะเร็งได้ แต่โชคยังเข้าข้างเขาเมื่อตรวจไม่พบอะไรทั้งสิ้น
อาการบาดเจ็บของเขา เรื้อรัง ถึงขนาดในฤดูกาล 2006/07 เขาได้ลงแค่ 18 นัดเท่านั้น และทำประตูไม่ได้เลย
ฤดูกาล 2007/08 เขาถูกบีบให้ออกจากทีม และสุดท้าย เขาก็ย้ายไปอยู่กับทีมขุนค้อน เวสท์แฮม ในท้ายที่สุด
ลุง ไปอยู่กับทีมขุนค้อน ในสัญญา 4 ปี มีผลงานที่ไม่โดดเด่นอะไรนัก และก็ดันมาโดน สตีเฟ่น เทย์เลอร์ ของนิวคาสเซิลสกัดซะบาดเจจ็บซี่โครงอีก แทบหมดอนาคตกันเลยทีเดียว แต่ท้ายที่สุดแล้ว ลุงก็ตัดสินใจที่จะยังไม่แขวนสตั๊ด แต่เลือกไปเล่นให้กับลีกที่มีการปะทะกันเบาลงมา อย่างเมเจอร์ลีก สหรัฐแทน โดยไปอยู่กับทีม ซีแอทเทิล ซอนเดอร์ส เอฟซี ซึ่งเป็นการซื้อตัว แบบที่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของเขาที่มีอยู่แล้วเลยด้วย
เมเจอร์ลีก เป็นลีกที่พักรักษาตัวในขณะที่ค้าแข้งไปด้วย ที่ดีของลุง ลุงลงสนามในฤดูกาลแรกกับทีม 2008/09 ไป 11 นัด ทำได้ 2 ประตู
ปัจจุบัน ลุงอายุ 32 แล้ว ต้องคอยดูต่อไปว่า เขาจะแขวนสตั๊ดเลยหรือไม่
สำหรับความสำคัญในทีมชาติ ลุงเบิร์ก เป็นนักเตะตัวหลักที่เคยผ่านทัวนาเมนต์ใหญ่ อย่าง ยูโร 2000 ,2004 และ ฟุตบอลโลก 2002 โดยติดธงมาแล้วราว 50 นัด ยิงได้ 8 ประตู ด้วยกัน
ในศึกบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน ลุงเบิร์กซัดไปลูกหนึ่งในรอบแรก ช่วยให้สวีเดน ชนะปารากวัยไป 1-0 เข้ารอบแบ่งกลุ่มไปได้ในอันดับสอง ก่อนไปพ่ายเยอรมัน 2-0 ตกรอบ
ในยูโร 2008 ลุงเบิร์กยังคงติดทีมชาติ เป็นกับตันทีมให้กับสวีเดนอยู่ แต่ทีมตกรอบที่สามไป โดยที่ลุงเบิร์ก ไม่มีสกอร์ในทัวร์นาเม้นต์นี้เลย