ประวัติ จานลูก้า ซามบร็อตต้า
จานลูก้า ซามบร็อตต้า
ออกจะน่าประหลาดใจไม่น้อยกับการที่ซามบร็อตต้าถูกยกให้เป็นนักเตะระดับ "คีย์แมน" ของทีม แต่ความสงสัยจะหมดไปเมื่อเรารู้ถึงศักยภาพของเขา ไม่ว่าจะเป็นการเล่นได้สารพัดตำแหน่ง, มีเกมรับที่เหนียวแน่น, เล่นรุก-รับบริเวณริมเส้นได้ทั้งสองฝั่ง รวมไปถึงสามารถสอดขึ้นไปทำเกมเอง ในยามที่บรรดาแนวรุกของทีมหมดไอเดียอีกด้วย
ซามบร็อตต้า เริ่มต้นอาชีพกับ โคโม่ สโมสรในบ้านเกิด ด้วยวัย 17 ปี ในปี 1994 ฤดูกาลแรกของเจ้าตัวกับสโมสรใน เซเรีย บี เจ้าตัวได้รับโอกาสให้ลงเล่นเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น ก่อนที่สโมสรจะร่วงลงไปอยู่ใน เซเรีย ซี 1 แต่เจ้าตัวได้ลงเล่นเป็นตัวจริงมากขึ้น ในฤดูกาล 1995-96 และ 1996-97 ได้ลงเล่นไปทั้งสิ้น 47 นัด ทำได้ 6 ประตู
ในปี 1997 ก็ได้ย้ายมาร่วมทีม บารี่ พร้อมกับขึ้นมาโลดแล่นอยู่ในเซเรีย อา เป็นครั้งแรกพร้อมๆกับสโมสร โดยเจ้าตัวลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย และก็กลายเป็นตัวหลัก แถมยังทำผลงานให้กับต้นสังกัดได้น่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง จนก้าวขึ้นติดทีมชาติอิตาลี ชุดยู-21 ปี ภายใต้การคุมทัพของ ดิโน่ ซอฟฟ์ และกลายเป็นนักเตะบารี่คนแรกในรอบ 50 ปี ที่ได้ลงเล่นในระดับชาติ
ก้าวย่างสำคัญในอาชีพเกิดขึ้นระหว่างกลางฤดูกาล 1998-99 เมื่อ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ ยูเวนตุส ในเวลานั้นเป็นคนทุ่มคว้าตัวมาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 15.85 ล้านยูโร (ประมาณ 792.5 ล้านบาท) และได้สวมชุดแข่งสีขาว-ดำ ลงเล่นในฤดูกาลต่อมา
หลังจากย้ายมาร่วมทัพเบียงโคเนรี่ ซามบร็อตต้า ยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง และในฤดูกาล 2000-01 ซึ่งเป็นซีซั่นที่ 2 กับสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งแดนมะกะโรนี ทีมกลับทำได้เพียงแค่ตำแหน่งรองแชมป์เป็นปีที่สองติดต่อกัน แต่ในฤดูกาล 2001-02 เจ้าตัวก็สมหวังเสียที ด้วยการผงาดคว้าสคูเด็ตโต้มาครองได้เป็นครั้งแรก
แต่อาการบาดเจ็บซึ่งติดตัวมาตั้งแต่การลงแข่ง ฟุตบอลโลก 2002 เจ้าตัวก็ต้องเสียตำแหน่งปีกขวาไปให้กับ เมาโร คาโมราเนซี่ ดาวเตะคนใหม่ของทีมในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 2002-03 เนื่องจากเจ็บจนไม่สามารถลงเล่นได้นั่นเอง ก่อนที่ มาร์เชลโล่ ลิปปี้ กุนซือ ม้าลาย ในเวลานั้นจะสลับสับเปลี่ยนให้มาเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายแทน และก็ปรับตัวให้เข้ากับบทบาทใหม่ที่ได้รับมอบหมายอย่างรวดเร็ว เขาพาทีมคว้าสคูเต็ดโตรอบสอง และได้เข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก แต่ดวลจุดโทษแพ้เอซี มิลาน ไปอย่างน่าเสียดาย
ซามบร็อตต้าคว้าแชมป์ สคูเต็ดโต กับทีมม้าลาย 2 ครั้ง(จริงคิอ 4 ครั้ง แต่อีก 2 ครั้งถูกริบรางวัลในข้อหาติดสินบนกรรมการในทีหลัง) ลงเล่นให้กับทีมทั้งหมด 185 นัด ยิงได้ 7 ประตู ใน 6 ฤดูกาล ซึ่งในปี 2006 ที่ยูเวนตุสถูกปรับตกชั้น เขาก็ได้ย้ายออกมาจากทีม ไปเล่นยังบาร์เซโลน่า โดยเป็นการย้ายตามกองหลังรุ่นพี่อย่าง ลิลิยง ตูราม ไป
กับทีมบาร์เซโลน่า ซามบร็อตต้าเดินทางมาร่วมเล่นกับทีมครั้งแรกที่อเมริกา ซึ่งทีมเจ้าบุญทุ่มกำลังตระเวนออกทัวร์โชว์ตัวที่นั่นอยู่ ซึ่งลงเตะครั้งแรกกับทีม นิวยอร์ค เรด บุล ส่วนการลงเล่นอย่างเป็นทางการนั้น คือแมทช์ที่ลงเตะกับทีมเอสปันญอล ในสแปนิช ซูเปอร์คัพ เลกแรก วันที่ 17 สิงหาคม 2006 ส่วนประตูแรกที่ทำให้กับทีมนั้น คือแมทช์ที่ลงเล่นกับ ครีเอติโว่ ฮูเอบ้า 17 มีนาคม 2007 ซึ่งซามบร็อตต้าลงเล่นให้กับทีมทั้งหมด 78 นัด ยิงได้ 3 ลูก อยู่กับทีมมา 2 ฤดูกาล จนในที่สุด ทีมดังในบ้านเกิดของเขาอย่าง เอซี มิลาน ก็ดึงตัวเขากลับมาเล่นให้ประเทศบ้านเกิดอีกครั้งหนึง
สำหรับสถิติการลงเล่นให้กับทีมชาติอิตาลีนั้น ซามบร็อตต้า ได้รับโอกาสประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ช่วงปลายฤดูกาล 1999-00 และติดทีมชุดลุยศึก ยูโร 2000 ซึ่งถือเป็นทัวร์นาเมนต์แรกของตนกับทีมอัซซูรี่ และก็ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ แต่ต้องพลาดเกมนัดชิงชนะเลิศไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องจากติดโทษแบน ต่อจากนั้นก็กลายเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมมาโดยตลอด
ในยูโร 2004 ซามบร็อตต้าได้ลงเล่นให้กับแบ็คซ้ายของทีมชาติ แทนเปาโล มัลดินี ซึ่งประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปก่อนแล้ว ซึ่งเขาก็สามารถทำประตูแรกในการลงเล่นทีมชาติได้ในทัวร์นาเม้นต์นี้ จากการวอลเล่ลูกสุดสวยช่วยให้ทีมอิตาลีเอาชนะตูนิเซียไป 4-0
ในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน ซามบร็อตต้าเป็นหนึ่งในแผงหลังตัวเก่งที่ช่วยให้ทีมเอาตัวรอดผ่านทีมต่างๆมาได้ โดยเฉพาะฝรั่งเศส จนได้แชมป์โลก ไปในที่สุด