ประวัติ ปีเตอร์ เช็ก
ปีเตอร์ เช็ค ผู้รักษาประตูของสโมสร อาร์เซนอล เผยรายชื่อ 6 นายด่านต้นแบบของตน โดยมีทั้งที่แขวนถุงมือไปแล้วและที่ยังวาดลวดลายอยู่ในตอนนี้
จอมหนึบไอ้ปืนใหญ่ที่เพิ่งทำสถิติเก็บคลีนชีตมากที่สุด 170 นัด เผยว่ามีผู้รักษาประตูต้นแบบที่ใช้เป็นแรงบัลดาลใจในการพัฒนาฝีมือ 6 คน ได้แก่ โอลิเวอร์ คาห์น, ซานติอาโก้ คานยิซาเรส, ปีเตอร์ ชไมเคิล, เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์, จานลุยจิ บุฟฟอน และ อิเกร์ กาซิยาส
"ตอนเด็กผมไม่มีผู้รักษาประตูคนไหนเป็นแบบอย่าง จนผมได้ชมเกมแบบเต็มๆและก็เข้าใจว่ามีผู้รักษาประตูหลายคนที่สุดยอดมากๆ"
"โอลิเวอร์ คาห์น และความมุ่งมั่นของเขา คานยิซาเรส กับความมีสมาธิของเขาคุณสามารถมองเห็นจากสายตาของเขาได้เลย ชไมเคิล กับบุคลิกโดยรวมของเขา" เช็ค ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
"จากนั้นก็เป็น ฟาน เดอร์ ซาร์ ที่เล่นกับ อาแย็กซ์ ในรูปแบบลิโบโร ซึ่งคุณไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ทำให้คนได้รู้ว่าผู้รักษาประตูไม่ใช่แค่เพียงคอยเซฟบอลอย่างเดียว ต่อมาก็เป็น กาซิยาส และ บุฟฟอน ที่โชว์ฟอร์มเก่งตั้งแต่อายุน้อย"
"อิเกร์ อายุมากกว่าผมแค่ปีเดียว และตอนนั้นผมคิดว่าถ้าเขาเล่นให้ เรอัล มาดริด ได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี แล้วทำไมผมจะทำไม่ได้ล่ะ ผมเข้าใจเลยว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับอายุแต่มันอยู่ที่การฝึกซ้อมและผลงานในสนาม นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้จากทุกคน"
ปีเตอร์ เช็ก
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : ปีเตอร์ เช็ก วันเกิด : 20 พฤษภาคม 1982 เกิดที่ : ปลาเซน, สาธารณรัฐเชค ตำแหน่ง : ผู้รักษาประตู ส่วนสูง : 196 ซม. สโมสรปัจจุบัน : เชลซี หมายเลขเสื้อ : 1
นับตั้งแต่สิ้นยุคของปีเตอร์ ชไมเคิล วงการฟุตบอลอังกฤษก็หานายทวารระดับสุดยอดที่จะขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งที่คู่ควรไม่ได้ แต่เวลานี้ทุกคนต่างยอมสยบยกตำแหน่งนายทวารมือหนึ่งของวงการฟุตบอลอังกฤษให้กับปีเตอร์ เช็ก สุดยอดนายทวารที่มีสิทธิ์จะเป็นมือหนึ่งของโลกคนต่อไปไม่ยาก
ปีเตอร์ เช็ก นายทวารทีมชาติสาธารณรัฐเชค ป้จจุบันเล่นให้กับทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี และก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดของโลก เคียงข้างจานลุยจิ บุฟฟ่อน, อิเคร์ คาซีญาส และเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เรียกว่าเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของชาวเชคเลยทีเดียว
เช็ก เกิดที่เมืองปลาเซน ในสาธารณรัฐเชค เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมวิคตอเรีย ปลาเซน ซึ่งเป็นสโมสรท้องถิ่น โดยในช่วงแรกเช็ก เล่นเป็นกองกลางและกองหน้าให้กับทีมชุดเยาวชน แต่ก็เคยโดนจับไปเล่นเป็นผู้รักษาประตูบ้าง
แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตครั้งแรกของเขาก็คือการการขาหักเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ ทำให้เช็ก หันไปเล่นเป็นผู้รักษาประตูถาวร
จากนั้นเช็กก็ย้ายไปสู่สโมสรที่ใหญ่กว่าอย่างชเมล บลาซานี่ ก่อนที่จะลงเล่นนัดแรกเมื่อตอนอายุ 17 ปีในปี 1999 และถูกสโมสรยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดอย่างสปาร์ต้า ปราก ซื้อตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัวถึง 700,000 ยูโร
การมาอยู่กับสโมสรใหญ่ในบ้านเกิดอย่างสปาร์ต้า ปราก เป็นการการันตีถึงฝีมือของยอดนายทวารดาวรุ่งรายนี้ได้ดี และพรสวรรค์ของเช็กก็ยิ่งโดดเด่นมากขึ้นอีกเมื่อสร้างสถิติไม่เสียประตูนานติดต่อกันถึง 855 นาที ซึ่งเป็นสถิติการไม่เสียประตูติดต่อกันนานที่สุดในเชคด้วย
นอกจากนี้เช็ก ยังไปสร้างชื่อในรายการใหญ่อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยช่วยป้องกันประตูให้กับทีมได้ตลอดจนไม่แพ้ใครนานถึง 4 นัด
ผลงานของเช็กเข้าตาแมวมองของสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่างจัง แต่กลับเป็นทางแรนส์ สโมสรในฝรั่งเศส ที่ได้ตัวเช็กไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 5 ล้านยูโร
ช่วงเวลา 2 ปีที่เช็ก ได้อยู่กับแรนส์ แม้จะไม่ประสบความสำเร็จมากมายเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ผลงานในการป้องกันประตูของนายทวารวัยรุ่นที่โตเกินตัวอย่างเขา ทั้งยังมีคุณสมบัติที่ครบถ้วนของการเป็นยอดนายทวารไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่สูงใหญ่ถึง 196 ซ.ม. แขนขาที่ยาว การตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม และปฏิกริยาตอบสนองที่รวดเร็ว ทำให้เคลาดิโอ รานิเอรี่ ผู้จัดการเชลซีสนใจและรีบซื้อมาร่วมทีมตั้งแต่ช่วงต้นปี 2004 โดยเป็นการจองตัวเอาไว้ก่อนและรอย้ายทีมหลังฤดูกาลสิ้นสุดด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์
ทั้งนี้แม้จะรู้ว่าต้องเผชิญกับการแย่งชิงตำแหน่งกับ "ไอ้แมงมุม" คาร์โล คูดิชินี่ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดนายทวารของพรีเมียร์ลีก แถมยังมีการเปลี่ยนแปลงในทีมด้วยเมื่อรานิเอรี่ โดนไล่ออกและเป็นโชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีมแทนแต่เช็กก็ไม่ได้หวั่นแต่อย่างใด
จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งของเช็ก ได้รับโอกาสจากมูรินโญ่ในช่วงพรีซีซั่นหลังจากที่คูดิชินี่ ที่เคยให้เป็นมือหนึ่งทำผิดพลาด ซึ่งเช็กก็ทำให้ทีมได้มั่นใจกับความสามารถในการป้องกันประตูที่สุดยอด และทำให้นายใหญ่ชาวโปรตุกีส วางใจให้เป็นนายทวารมือหนึ่งของทีมทันที
จากเกมแรกที่ลงสนามอย่างเป็นทางการคือการเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยสกอร์ 1-0 ซึ่งเป็นการรักษาคลีนชีทได้ เช็กก็ไม่เคยสร้างความผิดหวังให้กับเพื่อนร่วมทีม ผู้จัดการ และแฟนบอลเลย
มีอยู่ช่วงที่เขาไม่เสียประตูติดต่อกันนานที่สุดถึง 1,025 นาทีด้วยกัน ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีก และจากนั้นก็ช่วยให้เชลซีประสบความสำเร็จได้แชมป์คาร์ลิ่ง คัพ รวมถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นสมัยแรกในรอบ 50 ปีอีกด้วย ก่อนที่จะได้รับรางวัลถุงมือทองคำเมื่อจบฤดูกาล 2004-05
เช็กยังคงเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่ 2 และช่วยนำเชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง ก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บที่ไหล่ ซึ่งก็ยังกลับมาลงเล่นได้ในช่วงเปิดฤดูกาล 2006-07 ได้พอดี
อย่างไรก็ตามในวันที่ 14 ต.ค.2006 เช็กก็ต้องประสบอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจถึงขั้นคร่าชีวิตได้เลย ในเกมกับเร้ดดิ้งที่มาเดจสกี้ สเตเดี้ยม เมือถูกสตีเฟ่น ฮันท์ มิดฟิลด์เจ้าบ้านเข้าชาร์จรุนแรงตั้งแต่นาทีแรกถึงเกมจนถึงขั้นหมดสติและโดนหามส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
จังหวะเข้าบอลสุดโหดผลการสแกนปรากฎว่าเช็กกระโหลกศรีษะร้าวซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่สุดท้ายก็ได้รับการผ่าตัดช่วยเหลือจนปลอดภัย แต่ก็ต้องพักรักษาตัวอยู่นานหลายเดือนก่อนที่จะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งแต่ต้องสวมเครื่องป้องกันพิเศษที่ศรีษะเพื่อป้องกันการกระทบกระแทก ที่ต่อมาได้กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเช็กไปด้วยในตัว
สำหรับในเวทีทีมชาติ เช็กลงสนามรับใช้ชาติมาแล้วถึงกว่า 53 นัด (นับถึง 17 ต.ค. 2007) โดยทำผลงานได้โดดเด่นตั้งแต่เวทียูโร 2004 ที่โปรตุเกสที่นำทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศและได้รับเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ด้วย แต่ไม่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2006 ที่ตกรอบแรก
ส่วนในยูโร 2008 ปีเตอร์ เช็ก พกพาดีกรีนายทวารระดับโลกติดตัวมาร่วมทัวร์นาเม้นท์ซึ่งใน 2 เกมแรกก็ยังคงทำหน้าที่ป้องกันประตูได้อย่างเหนียวแน่นตามมาตรฐาน และมีสถิติเซฟในรอบแรกสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ที่ 18 ครั้ง แต่ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในจังหวะออกมาตัดลูกโด่งหลุดมือจนถูก นิฮัต คาห์เวชี่ ยิงตีเสมอให้ ตุรกี แบบส้มหล่นก่อนโดนแซง 3-2 ทั้งที่ขึ้นนำก่อนถึง 2 ลูก ส่งผลให้ทีมต้องกลับบ้านชนิดน้ำตาตกใน และบั่นทอนเครดิตของ เช็ก ไปไม่น้อยเลย