ประวัติ เปาโล มัลดินี

| 01/01/1970 07:00 น. | 2076 Views

maldini 

เปาโล มัลดินี

ชื่อเต็ม : เปาโล เซซาเร มัลดินี
วันเกิด : 26 มิถุนายน 1968
สถานที่เกิด : เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี
ส่วนสูง : 186 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : แบ็คซ้าย, เซนเตอร์

เปาโล มัลดินี (Paolo Maldini) เกิดเมื่อวันที่26 มิถุนายน ค.ศ. 1968 เป็นนักฟุตบอลชาวอิตาลีปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอล เอซี มิลาน มัลดินีได้ชื่อว่าเป็นกองหลังระดับโลก โดยเฉพาะการเล่นในฝั่งซ้าย

เปาโล มัลดินี เป็นลูกชายของเชซาเร มัลดินี นักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งของอิตาลี เปาโล มัลดินี เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน มาโดยตลอด ในระยะเวลากว่า 23 ปี เล่นให้กับมิลานกว่า 600 นัด เล่นมากที่สุดเป็นสถิติของสโมสร โดยนัดแรกที่เล่นในเซเรียอา พบกับ อูดิเนเซ่ ผลเสมอกันไป 1-1 คือวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1985

และนัดที่เล่นเป็นนัดที่ 600 ของเขากับ มิลาน ก็คือเกมที่เจอทีม คาตาเนีย ผลเสมอ 1-1 คือวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 มัลดินีเป็นกองหลังที่ดีคนหนึ่งของโลก มีความเยือกเย็นอ่านทางบอลได้ดี มีความแข็งแกร่งและเข้าบอลได้ดี ต่ำแหน่งที่เค้าถนัดคือฝั่งซ้าย

โมสร

เปาโล มัลดินี เล่นให้กับเอซีมิลานครั้งแรกในปี ค.ศ. 1985 ในนัดแรกพบกับ อูดิเนเซ่ ตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 16 ปี แต่ในฤดูกาลแรกที่เขาได้ลงนั้น เขาไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเลยสักครั้ง ซึ่งมัลดินีได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก จนติด 11 ตัวจริงในฤดูกาลต่อมา

ช่วงที่เล่นให้กับ เอซี มิลาน ประสบความสำเร็จมามากมายในการค้าแข้งในระดับสโมสร โดยแชมป์แรกที่เขาได้นั้นคือสคูเตตโต แชมป์เอเรียอาร์ มัลดินีช่วยให้ทีมได้แชมป์ กัลโช่ เซเรียอา 7 สมัย ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 5 สมัยจากการเข้าชิงทั้งหมด 7 ครั้ง ในรอบ 18 ปี

ในวันที่ 25 กันยายน 2005 มัลดินีทำลายสถิติผู้เล่นที่เล่นในเซเรียอามากที่สุดแซงสถิติเก่าของ ดีโน่ ซอฟ ที่ทำไว้ 571 นัด ในนัดที่พบกับเตวิโซ่ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2005 เปาโล มัลดินี ทำลายสถิติ 2 อย่างในปีเดียวกันคือ ทำสถิติยิงเร็วที่สุดใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในนัดชิงชนะเลิศที่พบกับลิเวอร์พูล โดยยิงประตูได้ในช่วง 51 วินาทีแรกของการแข่งขัน อย่างที่สองคือเป็นผู้เล่นที่อายุมากที่สุดที่ทำประตูได้ในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2005 มัลดินีประกาศว่าจะเลิกเล่นบอลอาชีพเมื่อหมดฤดูกาล 2006-2007 แต่อย่างไรก็ตามสัญญาของเค้าจะหมดลงในปี 2008 และเบอร์ 3 ก็อาจจะยกเลิกตามไปด้วยเพื่อเป็นเกียรติแก่มัลดินี แต่ยังไงก็ตามเบอร์ 3 นี้อาจจะได้ใช้อีกครั้งในอนาคตซึ่งคงจะเป็นลูกชายของเค้าที่มีอายุเพิ่งจะ 11 ปีซึ่งเล่นให้กับสโมสร เอซี มิลาน ระดับเยาวชน

แต่ท้ายที่สุด เขาก็เปลี่ยนใจกลับมาลงเล่นให้กับทีมต่อ จนกระทั่งในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 มัลดินีช่วยพา มิลาน คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เป็นสมัยที่ 7 ของสโมสรได้สำเร็จโดยเอาชนะลิเวอร์พูล 2-1

ฤดูกาล 2008/09 อายุของมัลดินีล่วงเลยไปถึง 40 ปีแล้ว และสัญญาของเขาก็หมดลงในปีนี้ ทุกคนเห็นพ้องต้องกันกับการที่เขาจะเลิกเล่น มัลดินี จากสโมสรไปด้วยความสุข ถึงแม้ว่าฤดูกาลสุดท้ายของเขาทีมเอซีมิลานจะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม

 

 

maldini

 

 

ทีมชาติ

มัลดินี ติดทีมชาตินัดแรกเมื่อปี 1986 โดยพ่อของเขา เซซาเร ซึ่งเป็นโค้ททีมชาติอิตาลีชุดอายุไม่เกิน 21 ปี และยิงประตูในนามทีมชาติได้แมทช์แรกในการลงสนามนัดที่ 44 ที่อิตาลีเอาชนะเม็กซิโกไปได้ 2-0 ในแมทช์อุ่นเครื่อง เมื่อวันที่ 20 มกราคม 1993

ในทีมชาติ เปาโล มัลดินี ช่วยพาทีมชาติอิตาลี ได้อันดับที่ 3 ในฟุตบอลโลก 1990 ที่อิตาลีเป็นเจ้าภาพ ในฟุตบอลโลก 1994 อิตาลีเป็นทีมเต็งทีมหนึ่งที่มีโอกาสได้แชมป์ แต่แล้วในรอบชิงชนะเลิศ อิตาลี ต้องพบกับ บราซิล สู้กันอย่างสูสีจนถึงขั้นต่อเวลาก็ยังยิงกันไม่ได้ จึงต้องยิงจุดโทษตัดสินผลปรากฏว่าอิตาลีพ่าย นั้นเป็นช่วงที่ใกล้เคียงที่สุดของมัลดินีกับการได้แชมป์บอลโลก

หลังจากนั้นในฟุตบอลโลก 1998 อิตาลีก็ต้องตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการพ่ายต่อ ฝรั่งเศส ด้วยการยิงลูกจุดโทษเช่นกัน ในปี 2000 ทีมชาติอิตาลีเข้าชิงศึกยูโร 2000 อิตาลีพบกับฝรั่งเศสและก็เป็นความผิดหวังอีกครั้งเมื่อพ่ายต่อทีมชาติฝรั่งเศสทั้งที่ขึ้นนำไปก่อนโดยเสีย 2 ลูกในช่วง 5 นาทีสุดท้าย แพ้ไปด้วยสกอร์ 2-1 ฟุตบอลโลก 2002 อิตาลีเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายพบกับเจ้าภาพเกาหลีใต้ ทีมชาติอิตาลีต้องเสียลูกจุดโทษปัญหาในช่วงท้ายเกมและ ต๊อตติโดนไล่ออกก่อนที่จะเสีย 2 ลูกในช่วงใกล้หมดเวลาและต่อเวลาพิเศษด้วยการโหม่งของ ฮาน จูง วาน ทำให้ตกรอบในที่สุด

ในช่วงติดทีมชาติไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้าย 4 ครั้งที่ผ่านมา มัลดินีใกล้เคียงแชมป์โลกมากที่สุดคือในปี 1994 แต่ในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันนีเป็นเจ้าภาพนั้น มัลดินีไม่ได้ติดทีมชาติ ต่ำแหน่งที่มัลดินีเล่นถูกทดแทนโดยฟราบิโอ กรอสโซ่ ทีมชาติกลับได้แชมป์โลก ซึ่งเป็นความโชคร้ายในชีวิตของเค้าที่ไม่สามารถมาถึงจุดสูงสุดในการเล่นให้กับทีมชาติได้เลย โดยนัดที่เล่นเป็นครั้งสุดท้ายของมัลดินีคือนัดที่เล่นในฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเป็นนัดที่เจอเกาหลีใต้

ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด

หลังฤดูกาล 2008/2009 จบลง ชีวิตการค้าแข้งของเขาก็จบลงด้วย อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคนต้องการตัวเขาอยู่ ซึ่งนันก็คือโรมัน อบราฮิโมวิช นายใหญ่ทีม"สิงห์บลู" เชลซีนั่นเอง เขาต้องการทาบมัลดินี ให้มาร่วมงานเป็นสต๊าฟโค้ชของ คาร์โล อันเชลอตติ หลังจากยอดกุนซือชาวอิตาลี ย้ายจากทีมเอซีมิลาน มาคุมทีม"สิงโตน้ำเงินคราม" ซึ่งนั่นจะเป็นการร่วมงานกันอีกครั้งของพวกเขา

เกียรติประวัติที่เคยได้รับ

กับทีมเอซี มิลาน
แชมป์เซเรียอาร์       : 1988, 1992, 1993, 1994, 1996, 1999, 2004 รองแชมป์ 1990, 1991, 2005
แชมป์โคปปา อิตาเลีย : 2002-03 รองแชมป์ 1984-85, 1989-90, 1997-98
ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย : 1988, 1992, 1993, 1994, 2004, รองแชมป์ 1996, 1999, 2003
ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก     : 1989, 1990, 1994, 2003, 2007 รองแชมป์ 1993, 1995, 2005
ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ        : 1989, 1990, 1994, 2003, 2007 รองแชมป์ 1993, 1995, 2005

กับทีมชาติอิตาลี
ฟุตบอลโลก           : 1990(ได้ที่สาม), 1994(ได้ที่สอง)
ยูฟ่ายูโร               : 1988(ได้ที่สาม), 2000(ได้ที่สอง)

รางวัลส่วนตัว
นักฟุตบอลอายุไม่เกิน 21 ปี แห่งปี 1989
ติดสุดยอดทีมประจำทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลก 1994
ติดสุดยอดทีมประจำทัวร์นาเม้นต์ยูฟ่ายูโรเปี้ยน : 1996, 2000
แมนออฟเดอะแมทช์ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกรอบชิงชนะเลิศ : 2003
สุดยอดกองหลังของเซเรีย อาร์ : 2004
ติดรายชื่อ 1 ใน "ฟีฟ่า 100"
ยูฟ่าทีมออฟเดอะเยียร์ : 2003, 2005
ติด 11 ผู้เล่นทีมระดับโลก : 2005
ติดทีมชาติมากที่สุด 126 นัด

ADS