ประวัติ นิฮัต คาห์เวซี่
นิฮัต คาห์เวซี่
นิฮัต คาห์เวซี่ คนนี้คือฮีโร่ ผู้ซัด 2 ประตูพาทีมชาติตุรกีผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของยูโร 2008 ครั้งนี้ได้สำเร็จเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของทีมไก่งวง เขาก็คือ นิฮัต คาห์เวซี่ กองหน้าตัวความหวังของทีมตุรกี จากสโมสรบียาร์เรอัล นั่นเอง
นิฮัต เริ่มต้นค้าแข้งกับสโมสรบ้านเกิดอย่าง เบซิคตัส โดยลงเล่นให้กับทีมยักษ์ใหญ่แดนเติร์กไป 114 นัด ยิงไปทั้งสิ้น 27 ประตู ก่อนที่จะถูกเรอัล โซเซียดาด ทีมหนีตกชั้นของศึกลา ลีกา ดึงตัวไปร่วมทีม ในปี 2002
ที่สเปน นิฮัต โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ ประสานงานกับดาร์โก โควาเซวิช หัวหอกชาวเซอร์เบีย ได้อย่างเข้าขา จนได้รับการขนานนามว่าเป็น คู่หูต่างไซส์ โดยนิฮัตสูง 175 ซม. ขณะที่โควาเซวิชสูง 187 ซม. ทั้งสองคนพังประตูเป็นว่าเล่น จนทำให้เรอัล โซเซียดาด กลายสภาพจากทีมหนีตกชั้น กลายมาเป็นทีมที่ลุ้นแชมป์อย่างน่าอัศจรรย์
แม้ว่าโซเซียดาดจะมาถูกมาดริด เฉือนคว้าแชมป์ไปในช่วงท้ายของซีซั่นเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น แต่ฟอร์มของนิฮัตก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในศึกลา ลีกา โดยเขายิงไปทั้งสิ้น 23 ประตู เท่ากับโรนัลโด้ ของเรอัล มาดริด และเป็นรองเพียงแค่ รอย มาคาย ที่คว้ารางวัลรองเท้าทองคำของยุโรปด้วยจำนวน 29 ประตู
ปีถัดมาแม้ว่าโซเซียดาด จะไม่ได้มามีลุ้นแชมป์เหมือนเดิม แต่ฟอร์มการทำประตูของนิฮัตก็ยังคงความร้อนแรงไม่ต่างจากฤดูกาลก่อน โดยปีนี้ เขาลงเล่นให้กับ โซเซียดาด ไปทั้งสิ้น 23 นัด ยิงไปถึง 19 ประตู
หลังจากที่เริ่มอิ่มตัวกับโซเซียดาด นิฮัตก็ชีพจรลงเท้าอีกครั้ง โดยคราวนี้ย้ายมาร่วมทีม "เรือดำน้ำสีเหลือง" บียาร์เรอัล แบบไม่มีค่าตัว ซึ่งนิฮัตก็ยังคงรักษาระดับการเล่นเอาไว้ได้เช่นเคย โดยยิงไป 18 ประตู จากการเล่น 25 นัดให้กับบียาร์เรอัล พาทีมเป็นรองแชมป์ลา ลีา ในฤดูกาล2007/08 และได้ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ รอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัติ
แต่ในฤดูกาล 2008/09 อาการบาดเจ็บรบกวนนิฮัตอีกครั้ง จึงส่งผลให้ไม่ได้ลงเล่นช่วยทีมเลย และสุดท้าย ก็ถูกขายให้กับทีมเก่าของเขาอย่าง เบซิคตัส เป็นคนเซ๊งตัวเขาออกไป
ในการแข่งขันยูโร 2008 นิฮัตได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติตุรกี จากฟาติห์ เตริม เนื่องจากว่ากัปตันคนเดิมอย่างเอ็มเร่ เบโลโซกลู มีอาการบาดเจ็บไม่สามารถลงสนามได้
ตุรกีเริ่มต้นรายการนี้ได้อย่างกระท่อนกระแท่น แพ้ในเกมนัดแรกให้กับโปรตุเกสชนิดที่สู้กันไม่ได้ด้วยสกอร์ 0-2 ก่อนที่จะมาเอาชนะ สวิตซ์เซอร์แลนด์ ชาติเจ้าภาพไปได้ 2-1 ทำให้มีลุ้นเข้ารอบจนถึงนัดสุดท้ายกับทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก
ในเกมนัดชี้ชะตา ตุรกี ถูกเช็กนำไปก่อนถึง 0-2 ถึงตอนนั้นโอกาสที่ตุรกีจะเข้ารอบเลือนรางเต็มที แต่แล้วก็มาได้ประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 ก่อนหมดเวลา 15 นาที ก่อนที่นิฮัตจะมาเป็นฮีโร่ เมื่อฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของปีเตอร์ เช็ก รับบอลพลาด ปราดเข้ามายิงลูกเก็บตกตีเสมอไปได้
เกมทำท่าว่าจะจบด้วยการดวลลูกโทษตัดสิน แต่แล้วแฟนเติร์กก็ได้เฮกันลั่น เมื่อนิฮัตได้ลูกหลุดเดี่ยวก่อนที่จะปั่นเช็ดคานเข้าประตูไปอย่างสุดงามให้ตุรกี พลิกแซง 3-2 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างเหลือเชื่อ
ซึ่งในรอบ 8 ทีมนี่เอง นิฮัตมีอาการเจ็บน่อง พลาดลงช่วยทีม และทีมก็แพ้เยอรมันไปอย่างน่าเสียดาย