ประวัติ มาร์โก มาเตรัซซี่

| 01/01/1970 07:00 น. | 882 Views

 

มาร์โก มาเตรัซซี่

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ

: มาร์โก มาเตรัซซี่
วันเกิด : 19 สิงหาคม 1973
เกิดที่ : เลชเช่, อิตาลี
ตำแหน่ง : กองหลัง
ส่วนสูง : 193 ซม.
นิคเนม : The Matrix
สโมสรปัจจุบัน : อินเตอร์ มิลาน
หมายเลขเสื้อ : 23

แม้ไม่ใช่กองหลังที่ดีที่สุดเท่าที่วงการฟุตบอลอิตาลีจะพึงมีในยุคสมัยนี้ แต่ชื่อของมาร์โก มาเตรัซซี่ กลับเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกอย่างไม่น่าเชื่อ

นั่นเป็นเพราะวีรกรรมความเป็นแบ๊ดบอยของเจ้าตัว ประกอบกับลีลาการเล่นที่ดุเดือดเลือดพล่าน ทำให้แฟนลูกหนังต้องยอมรับว่าหากไม่ชอบ ก็ต้องเกลียดเขาไปโดยปริยาย

มาเตรัซซี่ คือลูกไม้ใต้ต้นของ จูเซ็ปเป้ มาเตรัซซี่ ตำนานลูกหนัง และกุนซือคนดังของอิตาลี แต่ดูเหมือนเขาจะประสบความสำเร็จมากกว่าพ่อมากมายหลายเท่าตัวนัก

มาร์โก เกิดที่เลชเช่ แต่ก็ยังไม่เคยได้เล่นให้สโมสรในถิ่นเกิด เหมือนกับผู้เป็นพ่อที่ได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ของทีมหมาป่าปูเยียแห่งนี้

กองหลังร่างโย่งเริ่มต้นค้าแข้งอาชีพกับมาร์ซาล่า ทีมในเซเรียซี 2 จากนั้นก็วนเวียนให้กับทีมระดับล่างๆ จนมีผลงานเตะตาตอนที่ย้ายไปเล่นให้เอฟเวอร์ตันในช่วงปี 1998-99 และย้ายกลับมาดังสุดขีดกับเปรูจาในช่วงปี 1999-2001

ผลงานที่ยอดเยี่ยม นอกจากจะทำให้เขาติดทีมชาติอิตาลีครั้งแรกในปี 2001 แล้ว ยังทำให้อินเตอร์ มิลาน ทีมยักษ์ใหญ่ในอิตาลีทุ่มเงิน 10 ล้านยูโรดึงเขาไปเสริมแนวรับด้วย

แม้จะต้องต่อสู้แย่งตัวจริงในทีมงูใหญ่พอสมควร แต่มาเตรัซซี่ก็แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทยามลงสนาม จนกลายเป็นตัวหลักในแนวรับของทัพเนรัซซูรี่ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ทีเด็ดของเขา ก็คือฟรีคิกหนักหน่วงที่เคยช่วยให้อินเตอร์เก็บ 3 แต้มสำคัญๆ มาแล้ว

แม้ฝีเท้าจะไม่เป็นรองใคร แต่นิสัยไม่ดีของเขาแก้ไม่หาย มาเตรัซซี่มักจะโดนใบแดงไล่ออกจากสนามเป็นว่าเล่น เพราะเสียบหนักคู่ต่อสู้ หรือออกลูกตุกติก กางแขนกางศอก เจตนาเอาคืนคู่แข่งตลอด

อย่างเมื่อตอนไปค้าแข้งในอังกฤษกับเอฟเวอร์ตัน เขาเคยโดนใบแดงไล่ออกจากสนามมาแล้วถึง 4 ครั้ง จากการลงเล่นแค่ 27 นัด

ด้วยเหตุนี้ ความเถื่อน ความห่าม ความเป็นแบ๊ดบอย เลยกลายเป็นยี่ห้อติดตัวของเขาไปโดยปริยาย แม้ว่านอกสนามเขาจะเป็นแฟมิลี่ แมนของภรรยา และลูกๆ อีก 3  คนก็ตามที

แต่ถึงจะเลวแค่ไหน มาเตรัซซี่ก็ประสบความสำเร็จในชีวิตค้าแข้งของเขาอย่างน่ายกย่องเขาเป็นแชมป์เซเรีย อา กับอินเตอร์ 2 สมัย (2006, 2007), แชมป์โคปปา อิตาเลียอีก 2 สมัย (2005, 2006) และแชมป์ซูเปอร์ โคปปา อิตาเลียอีก 2 หน (2005, 2006)

แถมยังเคยสร้างสถิติเป็นกองหลังที่ยิงประตูสูงสุดใน 1 ฤดูกาล ด้วยผลงานสังหารตาข่ายไปถึง 12 ลูกในซีซั่น 2000-01  ทำเอากองหน้าบางคนยังอายม้วนไปเลย

ส่วนผลงานในสีเสื้ออัซซูรี่ ทุกคนคงจำได้ดีว่า มาเตรัซซี่คือ 1 ใน 23 ขุนพลทีมชาติอิตาลีชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ณ ประเทศเยอรมัน

นอกจากจะยิง 2 ประตูในเวิลด์คัพครั้งนั้น มาเตรัซซี่ยังสร้างวีรกรรมบันลือโลกที่ไม่มีใครลืมลง นั่นก็คือพูดยั่วยุซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพฝรั่งเศส จนสุภาพบุรุษลูกหนังบรรจงเอาหัวไข่ดาว โหม่งใส่ยอดอกกองหลังร่างโย่งจนลงไปดิ้น

zidane

ผลก็คือ ซีดานโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในเกมนัดสั่งลาชีวิตการค้าแข้งของเขา และสุดท้าย ฝรั่งเศสก็่พ่ายในการดวลจุดโทษต่ออิตาลีในที่สุด หลังเสมอกัน 1-1 ตลอด 120 นาที

แม้อิตาลีจะได้ฉลองแชมป์เวิลด์คัพสมัยที่ 4 ของตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ แต่ดูเหมือนเฮดบัตต์ของซีดานจะดังกลบแชมป์โลกไปเสียหมด

สื่อทุกแขนงทั่วโลกต่างตามล่าหาสาเหตุที่ทำให้ซิซูคิดสั้นทำเฮดบัตต์ใส่มาเตรัซซี่ไม่เลิก มีการคาดเดากันต่างๆ นานาว่ากองหลังแบ๊ดบอยคงด่าพ่อล่อแม่ หรือพูดจาเหยียดเชื้อชาติศาสนาของจอมทัพตราไก่

จนในที่สุด มาเตรัซซี่ก็ออกมาเฉลยเองว่า เหตุเกิดจากการที่เขาต้องตามประกบซีดานตลอดเกม ทำให้มีการปะทะ ดึงเสื้อ และสบถใส่กันตลอดเวลา

กระทั่งถึงจุดหนึ่งที่ซีดานอาจจะรู้สึกรำคาญจนทนไม่ไหว จึงได้หันมาบอกกับเขาด้วยสายตาดูถูกว่า "โอเค อยากได้เสื้อตัวนี้นัก เดี๋ยวหลังจบเกมจะถอดให้"

มาเตรัซซี่บอกว่า เขารู้ดีว่าซีดานเจตนาพูดยั่วโมโหเขา และสายตาที่มองมานั้นมีความหยามเหยียดเกลียดชังปนอยู่ด้วย ทำให้เขาทนไม่ได้ต้องตอบโต้กลับไปว่า "ขอเป็นพี่สาวแกจะดีกว่า"

งานนี้ดูเหมือน คนส่วนใหญ่จะยืนข้างซีดาน ด้วยเหตุผลที่มาเตรัซซี่ไปพาดพิงญาติพี่น้องคนอื่น และความที่กองหลังอัซซูรี่มีประวัติไม่ค่อยดีอยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะตกเป็นจำเลยสังคมมากแค่ไหน และอาจไปเหยียบฝรั่งเศสไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ แต่มาเตรัซซี่ก็สมควรได้รับการยกย่อง ในฐานะที่มีส่วนสำคัญต่อการทำให้อิตาลีเป็นแชมป์โลกอย่างไม่ต้องสงสัย

สำหรับ ฤดูกาล 2007-08 ที่กำลังจะปิดฉากนี้ อันที่จริง กองหลังร่างโย่งน่าจะได้ฉลองแชมป์เซเรีย อา สมัยที่ 3 ติดต่อกันร่วมกับอินเตอร์ ต้นสังกัดของเขาไปตั้งนานแล้ว

แต่เป็นอีโก้ และความเห็นแก่ตัวของเขาอีกจนได้ ที่ทำให้ทีมงูใหญ่ต้องมารอลุ้นตัวโก่งจนถึงนัดสุดท้าย

แม็ทริกซ์ แย่งหน้าที่ฮูลิโอ ครูซ คว้าบอลมารับหน้าที่ยิงจุดโทษเองในเกมเซเรีย อา นัดก่อนสุดท้ายระหว่างที่ทีมเสมอกับเซียน่าอยู่ 2-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับซัดไปติดเซฟของอเล็กซ์ แมนนิงเกอร์ นายทวารออสเตรียของเซียน่า

แทนที่จะเก็บชัยชนะ เพื่อการันตีคว้าแชมป์ เพราะเซียน่าเองก็ลงเล่นโดยไม่มีลุ้นอะไรเนื่องจากรอดตกชั้นไปแล้ว มาเตรัซซี่กลับทำให้ต้นสังกัดตัวเองเจอความยุ่งยาก ด้วยการได้แค่เจ๊าเซียน่า

แข้งเนรัซซูรี่หลายรายไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของเขา หลายคนรุมจวกมาเตรัซซี่ว่าอยากทำตัวเด่นดัง อยากเป็นฮีโร่ โดยเฉพาะครูซนั้นโกรธจัด ถึงกับเข้าไปจะเอาเรื่อง ที่เพื่อนมาแย่งซีนยิงเอง แต่กลับยิงไม่เข้า

ยังดีที่ มาเตรัซซี่ยอมรับความผิดครั้งนี้แต่โดยดี ไม่ตอบโต้ใดๆ พร้อมทั้งยังขอโทษสโมสร แฟนบอล และเพื่อนๆ ด้วย


 

ADS