ประวัติ มิโรสลาฟ โคลเซ่
ปิดฉากอีกหนึ่งตำนาน!!โคลเซ่ประกาศแขวนเกือกซัมเมอร์2015มิโรสลาฟ โคลเซ หัวหอก "อินทรีเหล็ก" ทีมชาติเยอรมัน ชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ประกาศขอค้าแข้งอีกเพียงหนึ่งฤดูกาล ก่อนจะยุติอาชีพนักเตะในช่วงหน้าร้อนปี 2015หัวหอกวัย 36 ปี จากทัพ "อินทรีฟ้าขาว" ลาซิโอ ลงเล่นให้กับทีมชาติเยอรมนี ไป 5 นัด ยิงไป 2 ประตู ในศึกชิงแชมป์โลกที่ผ่านมา พร้อมกับทำลายสิติดาวยิงตลอดกาลในเวลิด์ คัพ ด้วยการกดไปทั้งสิ้น 16 ลูก ผงาดแซง โรนัลโด ตำนานลูกหนังของบราซิล อีกทั้งมีส่วนในการพาทีมชาติเยอรมัน คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 4สำหรับการประกาศแขวนสตั๊ดครั้งนี้ โคลเซ ที่เพิ่งต่อสัญญากับ ลาซิโอ ไปถึงปี 2015 ได้กล่าวกับ บิลด์ สื่อดังของเยอรมนี เพียงสั้นๆว่า "ตามหลักการ ผมได้ตัดสินใจที่จะเลิกเล่นในปี 2015" ทั้งนี้ "เจ้าเวหา" ยิงประตูให้ "อินทรีเหล็ก" ไปทั้งสิ้น 71 ลูก จากการรับใช้ชาติ 137 นัด นอกจากนี้ยังเคยคว้าแชมป์บุนเดสลีก้า กับสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ในปี 2007-08 และ 2009-10
มิโรสลาฟ โคลเซ่
มิโรสลาฟ โคลเซ่ อาจไม่ใช่นักเตะประเภทเร็วจี๊ดหรือมีเทคนิคแพรวพราว แต่ความยอดเยี่ยมในลูกกลางอากาศและสัญชาตญาณการทำประตูที่มีอยู่ในตัวก็ทำให้บาเยิร์น มิวนิค ยอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อดึงตัวมาร่วมทีม และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อพาทีมเสือใต้คว้าดับเบิลแชมป์ได้ตั้งแต่ซีซั่นแรก
อาจจะผิดแผกไปจากบรรดานักเตะชื่อดังคนอื่นบ้าง เพราะกว่าโคลเซ่จะเริ่มเป็นที่พูดถึงในวงการลูกหนัง เขาก็อายุปาเข้าไปเกือบ 27 ปีแล้ว หลังจากที่ถล่มประตูให้กับแวร์เดอร์ เบรเมน อย่างเป็นกอบเป็นกำโดยเฉพาะในฤดูกาล 2005-06 ที่ยิงรวมทุกถ้วยถึง 30 ประตู ซึ่งทำให้เขากลายเป็นตัวหลักในแดนหน้าของทีมชาติเยอรมัน
จริงๆ แล้ว โคลเซ่ เกิดที่ประเทศโปแลนด์ ก่อนที่จะครอบครัวจะย้ายหนีระบบการปกคองแบบคอมมิวนิสต์มาอยู่ที่ฝรั่งเศสในปี 1981 ตั้งแต่อายุได้เพียง 3 ขวบ แต่ด้วยความที่พ่อของเขามีเชื้อสายเยอรมันอยู่แล้วจึงทำให้ตัดสินใจย้ายมาตั้งรกรากที่เมืองอ๊อดซีดเลอร์ แทน
ในขณะที่นักเตะรุ่นหลังๆ หันมาเอาดีในวงการลูกหนังแบบเต็มตัวตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ โคลเซ่ กลับเลือกที่จะฝึกเป็นช่างไม้ในระหว่างเล่นฟุตบอลกับทีมเล็กๆ ระดับหมู่บ้านอย่าง Blaubach-Diedelkopf ซึ่งเป็นทีมระดับดิวิชั่น 7 ของเยอรมัน ก่อนที่จะเข้าสู่การเล่นอาชีพเป็นครั้งแรกกับไกเซอร์สเลาเทิร์นเมื่อปี 1999
ว่ากันว่าสาเหตุที่ โคลเซ่ แจ้งเกิดได้ช้ากว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันนั้นเป็นเพราะเขามีทักษะและความสามารถที่ด้อยกว่า ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกโกรธกับคำวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะเมื่อถูกนำไปเปรียบเทียบกับกองหน้าระดับสตาร์อย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น หรือ รุด ฟาน นิสเตอรอย ยิ่งไปกว่านั้น โคลเซ่ ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับดาวดังคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ
หลังจากที่ค้าแข้งกับทีมปีศาจแดงของเมืองเบียร์ได้ 5 ฤดูกาล โคลเซ่ ก็ย้ายไปร่วมทีมเบรเมน ด้วยค่าตัว 5 ล้านยูโร (ราว 250 ล้านบาท) ในปี 2004 และกลายเป็น 3 ประสานในแกนรุกร่วมกับ โยฮัน มิกูด์ เพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศส และ อิวาน คลาสนิค และทำประตูในลีกได้ถึง 15 ลูกในฤดูกาลแรกกับ "เจ้านกนางนวล"
ฤดูกาล 2005-06 ถือเป็นช่วงพีคของเขาอย่างแท้จริงเพราะสามารถจบด้วยการเป็นดาวซัลโวบุนเดสลีก้าแบบไร้คู่แข่งด้วยจำนวน 25 ประตู และรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีอย่างต่อเนื่องด้วยการคว้ารางวัลรองเท้าทองคำจากศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย หลังเป็นดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ด้วยการกดไป 5 ประตู ก่อนจะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมันไปแบบไร้ข้อโต้แย้ง
แม้ว่าจะมีรูปร่างที่ค่อนข้างผอมบาง แต่ โคลเซ่ กลับเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีที่สุดในบุนเดสลีก้าและอาจจะรวมถึงในยุโรปด้วย นอกจากนั้น สัญชาตญาณการทำประตูในกรอบเขตโทษ และการครองบอลที่แข็งแกร่ง ก็ทำให้ยักษ์ใหญ่หลายทีมในยุโรปต้องการคว้าตัวไปร่วมทีมไม่ว่าจะเป็น บาเยิร์น, บาร์เซโลน่า และ ยูเวนตุส
ในวันที่ 7 มิ.ย. 2007 แฟนบอลเบรเมนก็ต้องช็อกเมื่อ โคลเซ่ ออกมายืนยันว่าเขาจะย้ายไปเล่นให้ทีม "เสือใต้" ในฤดูกาล 2007-2008 หลังอยู่กับ "เจ้านกนางนวล" จนกระทั่งหมดสัญญาในปี 2008 และย้ายไปแบบไม่มีค่าตัว ซึ่งการประกาศดังกล่าวสร้างความโกรธเคืองให้กับกองเชียร์เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด เบรเมน ก็จำใจต้องปล่อยจอมถล่มประตูประจำทีมออกไปเนื่องจากหากรั้งไว้ก็จะไม่ได้ค่าตอบแทนตามกฎบอสแมน และวันที่ 28 มิ.ย. 2007 โคลเซ่ ก็เซ็นสัญญากับ บาเยิร์น อย่างเป็นทางการ ระยะเวลา 4 ปี ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร (ประมาณ 750 ล้านบาท)
นับตั้งแต่ย้ายมาเล่นให้กับทีม "เสือใต้" หัวหอกวัย 29 ปี ก็ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่อได้ประสานงานกับอีก 2 นักเตะใหม่อย่าง ลูก้า โทนี่ ดาวยิงทีมชาติอิตาลี และ ฟรองค์ ริเบรี่ เพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศส
แม้ว่าจะยิงประตูไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเท่ากับ โทนี่ แต่ โคลเซ่ ก็มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้บาเยิร์น มิวนิค ทวงถาดแชมป์บุนเดสลีก้า กลับมาได้อีกครั้ง ก่อนจะได้กลับไปร่วมสังฆกรรมในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ รวมถึงพาทีมสอยแชมป์เดเอฟเบ โพคาลด้วย
ฤดูกาลที่ผ่านมา โคลเซ่ก็ยังอยู่กับทีม โดยได้ลงเล่นทั้งสิ้น 37 ทำได้ 20 ลูก