ประวัติ รอย คีน

| 01/01/1970 07:00 น. | 3421 Views

     สองอริตลอดกาลอย่าง รอย คีน ตำนานฮาร์ดแมนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ อัลฟ์ อิงเก้ ฮาแลนด์ อดีตแข้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดศึกน้ำลายกันอีกครั้งผ่านทวิตเตอร์ หลัง คีน ออกมาเผยว่า เขาไม่มีทางขอโทษ ฮาแลนด์แน่นอน 

     คีน ซึ่งปัจจุบันรับงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมให้ แอสตัน วิลล่า และทีมชาติไอร์แลนด์ ได้ออกมายอมรับในพ๊อกเก๊ตบุ๊ค เล่มแรก ที่เผยว่า เขาตั้งใจย่ำใส่ ฮาแลนด์ จนบาดเจ็บหนักและต้องแขวนสตั๊ดในที่สุด และในพ๊อคเก็ตบุ๊คเล่มใหม่ ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "มีหลายคนในชีวิตที่ผมอยากจะขอโทษ แต่ ฮาแลนด์ ไม่ใช่หนึ่งในคนเหล่านั้นแน่"

     ทำเอา ฮาแลนด์ ตอบโต้กลับทันควันในทวิตเตอร์ เมื่อโพสต์ว่า "อย่าไปจริงจังอะไรกับมนุษย์พรรค์นี้ เมื่อเห็นๆ กันอยู่ว่าหนวดเคราของเขามันเหมือนกับ..." พร้อมมีภาพอดีตนักก่อการร้ายชาวอิรักอย่าง ซัดดัม ฮุสเซน ที่เสียชีวิตไปแล้วแนบมาด้วย แต่หลังจากนั้นเขาได้ลบโพสนั้นทิ้ง พร้อมบอกว่า "ขอโทษด้วยที่ลบโพสออกเมื่อคืน ผมต้องลบ เพราะครอบครัวของ ซัดดัม ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอดีตผู้นำของพวกเขา"

     "ผมไม่มีอะไรที่อยากจะพูดถึงเลยสักเรื่อง ผมบอกได้แค่ว่าผมจะไม่ขอออกความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเขา ผมจะไม่ทำตัวเป็นคนฉลาดอวดรู้ แล้วเที่ยวบอกว่าคนอื่นโง่เง่า หากพวกเขาไม่เห็นด้วยกับคุณหรอก"

     เรื่องราวบาดหมางของทั้งสองคนไม่เคยถูกลบเลือน เนื่่องจาก คีน คิดมาตลอดว่า ฮาแลนด์ แกล้งเจ็บจากการปะทะกับเขา ส่วน ฮาแลนด์ ก็โกรธแค้นไม่แพ้กันที่ทำให้เขาต้องเลิกเล่นก่อนวัยอันควร จนทั้งคู่ประกาศไม่เผาผีตลอดกาล พร้อมไม่ยอมยกโทษให้กันเลย

 Roy Keane

รอย คีน

รอย คีน เกิดวันที่ 10 ตุลาคม 1971 ที่เมืองคอร์ก เขาเริ่มเข้าสู่วงการฟุตบอลกับ คอบห์ รัมเบลอร์ส ต่อมา ไบรอัน เคลาจ์ ได้ติดต่อและพาเขาย้ายไปเล่นให้กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในขณะที่เขาอายุได้ 18 ปี โดยการลงสนามนัดแรกของเขาเป็นบทพิสูจน์ตัวเขาเองอย่างแท้จริง เมื่อทีมต้องไปเยือน ลิเวอร์พูล ทีมซึ่งได้แชมป์ลีกในปีนั้น และเขาก็จบฤดูกาลแรกที่เขาเล่นให้กับทีมแบบเต็มที่ กับการลงเล่นใน เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1991 เมื่อเขาอายุได้ 20 ปี

จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขา ก็ไม่สามารถหลุดรอดผ่านสายตาของผู้จัดการทีมชาติไปได้ โดย แจ็ค ชาร์ลตัน ผู้จัดการทีมสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในขณะนั้น เรียกเขาติดทีมชาติในเดือน พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1991

ในฤดูกาลหลังจากนั้น น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมของเขาก็พ่ายให้กับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 – 0 ในลีก คัพ รอบชิงชนะเลิศ อีกทั้งทีมต้องตกชั้นในฤดูกาลถัดมา ทำให้ในช่วงปิดฤดูกาลการแย่งชิงตัวเขาจึงเกิดขึ้น และผู้ที่สามารถเซ็นต์สัญญาได้ตัวเขาไปร่วมทีมก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับค่าตัว 3.75 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าตัวที่แพงที่สุดของสโมสรและของทีมในเกาะอังกฤษเวลานั้น

ในระหว่างที่เขาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งทักษะ การขับเคลื่อน การตัดสินใจ และความมุ่งมั่นในเกมทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้ ทำให้หลายคนต่างเปรียบเขากับอดีตนักเตะตำนานของทีมไบรอัน ร็อบสัน เลยทีเดียว

keane

เขามีตำแหน่งเป็นถึงกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งรับช่วงต่อจาก เอริค คันโตน่า หลังจบฤดูกาล 1996/97 เมื่อ ก็องโต้ ประกาศแขวนสตั๊ด แต่ก่อนเริ่มฤดูกาลแรกของการเป็นกัปตันทีมเพียงไม่กี่วัน เขากลับต้องพบกับอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ทำให้ต้องพักเป็นระยะเวลานานทีเดียว

มีผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายคนให้ข้อสังเกตว่า ฤดูกาลใดก็ตามที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สะดุด หรือโชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังนั้น มักสืบเนื่องมาจากการขาด รอย คีน และจากการบาดเจ็บของเขาในเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1997 ทำให้ทีมปีศาจแดงต้องพลาดแชมป์ในปีนั้น และทีมชาติของเขาเองก็ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1998 ด้วย

ในฤดูกาล 1998/99 รอย คีน กลับมาลงเล่นด้วยความฟิตเหมือนเดิม และเขาสามารถช่วยทีมได้มากทีเดียว จนกระทั่งในรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เขาต้องถูกใบแดงไล่ออกจากสนามตามด้วยการถูกใบเหลืองในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ semi-final ที่พบกับ ยูเวนตุส ทำให้เขาไม่ได้ร่วมทีมในนัดแห่งความทรงจำที่ บาร์เซโลน่า อย่างไรก็ดี เขาสามารถกลับมาลงเล่นให้กับทีมได้ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่พบกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และขึ้นรับถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ชิพ ในที่สุด

การเจรจาเซ็นต์สัญญากับเขาในฤดูกาล 1999/2000 ก็เริ่มขึ้นด้วยการประโคมข่าวต่างๆ นานาของสื่อ ทั้งข่าวที่ว่ากัปตันทีมผู้นี้ ปฏิเสธข้อเสนอของสโมสร จนกระทั่ง ก่อนเริ่มเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ บาเลนเซีย ก็มีการประกาศออกมาว่าเขาเซ็นต์สัญญาฉบับใหม่กับสโมสรแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่า เขาจะเล่นให้กับทีมเหมือนไม่มีอะไรหนักอกหนักใจอีกแล้ว

รอย คีน สามารถทำประตูให้กับทีมได้ถึง 12 ประตูในฤดูกาลนั้น ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นประตูที่ได้ในฟุตบอลถ้วยยุโรป และด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็น “นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล” โดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หลังจากนั้น เขาก็ยังพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก เป็นครั้งที่ 7 ของสโมสรในฤดูกาล 2000/2001

ทางด้านการลงเล่นให้ทีมชาติ เขาก็ลงเล่นนัดที่ 50 ให้กับทีมชาติ ด้วยชัยชนะเหนือ ไซปรัส 4 – 0 จากฟอร์มการเล่นของเขาช่วยพาทีมผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2002 รอบสุดท้ายได้สำเร็จ โดยอยู่ในกลุ่มเดียวกับ โปรตุเกส และ ฮอลแลนด์ แต่เขาได้มีปัญหากับผู้จัดการทีมชาติ มิค แม็คคาธี่ย์ ทำให้ต้องถูกส่งตัวกลับประเทศและไม่สามารถลงเล่นช่วยทีมชาติได้ในขณะนั้น สื่อต่างก็ประโคมข่าวกันมากมาย ว่าเกิดอะไรขึ้น และทำนายกันว่าจะเกิดอะไรตามมา โดยหลังจากนั้นไม่กี่เดือน รอย คีน ก็ออกมาประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติไอร์แลนด์ ในที่สุด

คีน โชคไม่ค่อยดีนักเมื่อต้องเข้ารับการผ่าตัดบริเวณสะโพก และต้องพักไปอีกหลายเดือนในช่วงต้นฤดูกาล และเมื่อเขากลับมา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะสงบและใจเย็นขึ้นในการลงสนาม และแม้ว่าจะมีคำถามมากมายจากแฟนบอลและสื่อมวลชนว่า เขาจะอยู่กับทีมอีกนานแค่ไหน และจะย้ายออกไปเมื่อไหร่ แต่ รอย คีน เองก็ตอบคำถามนี้ด้วยตนเองว่า “ผมยังคงมีงานต้องทำที่นี่อีกอย่างน้อย 2 – 3 ปีนี่แหละ” ซึ่งนั่นก็คงสร้างความมั่นใจให้กับแฟนปีศาจแดง ได้ไม่น้อย

ช่วงปี 2005 คีนซึ่งมีอาการเจ็บออดๆแอดๆ ทำให้ไม่ค่อยได้ลงสนามอยู่แล้ว และยังมีเหตุการณ์ที่ทำให้เฟอร์กี้โมโหคีนด้วย ซึ่งนั่นก็คือ การที่ท่านเซอร์ ไปรู้มาว่า คีนกำลังเตรียมตัวที่จะไปเล่นให้ทีมอื่น รวมถึงไปวิจารณ์นักเตะคนอื่น เช่น ริโอ เฟอร์ดินาน ว่าค่าเหนื่อยสูงเกินไป (120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์) ปัญหาต่างๆ ทำให้เซอร์ ซึ่งไม่ชอบนักเตะที่ไม่มีวินัยอยู่แล้ว ปล่อยตัวเขาออกจากทีมไป

คีน ย้ายไปเล่นให้กับเซลติก โดยได้รับค่าเหนื่อ 40,000 ปอนด์ เขาทำหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเอง ซึ่งลงข้อความไว้ด้วยว่า เขาตั้งใจที่จะเสียบสกัด อัฟ อิงเก้ ฮาร์แลนด์ อย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลให้เขาขาหักอย่างสาหัส จนต้องเลิกเล่นไปเลย ทำให้คีนถูกปรับเป็นเงิน 150,000 ปอนด์ต่อกรณีดังกล่าว และจบชีวิตการค้าแข้งลงที่นี่ ด้วยจำนวนการลงแข่ง 10 นัด

ชีวิตของ คีโน่ หวนกลับเข้ามาในวงการฟุตบอลอีกครั้ง เมื่อทีมซันเดอร์แลนด์ ได้แต่งตั้งคีน ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ ซึ่งคีนสามารถทำทีมซันเดอร์แลนด์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพ ทะลุขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ ในฐานะ แชมป์พรีเมียร์ชิพ! สร้างปรากฎการณ์ให้กับคีนเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ดี การคุมทีมของคีน ณ ศึกพรีเมียร์ลีก ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทำทีมพ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งจมสู่ส่วนท้ายของตาราง ทำให้ต้องไขก๊อกลาออกไปในที่สุด

ปัจจุบัน รอย คีน อดีตกุนซือ ซันเดอร์แลนด์ กลายเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ อิปสวิช ทาวน์ ทีมในลีกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อแทนที่ จิม มาจิลตัน ที่เพิ่งถูกปลดออกไป เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

โดย คีน ว่างงานมาตลอด หลังลาออกจากการคุมทีม ซันเดอร์แลนด์ เมื่อเดือนธันวาคม ปีก่อน ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ตัดสินใจหวนคืนวงการฟุตบอลอีกครั้ง ด้วยการตัดสินใจรับงานคุมทีม อิปสวิช ทาวน์ ด้วยสัญญายาวสองปี ขณะที่เจ้าตัวก็ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า เป็นงานที่ท้าทายไม่น้อย ในการพาทีมกลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีก อีกครั้ง หลังตกชั้นมาเมื่อปี 2002

"มันเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก ในการทีมพยายามกลับขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ผมตื่นเต้นนะ และก็กำลังมองไปข้างหน้า หลังจากได้พักมาเต็มที่ ขณะเดียวกันมันก็เยี่ยมสุดๆ ที่ได้กลับมาอีกครั้ง"

"สอง - สามสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมนั่งคิดมาตลอดว่า ผมพร้อมหรือยัง หากว่า มีโอกาสเข้ามา ตอนนี้ผมเซ็นสัญญาไปสองปี แต่ผมก็จะพยายามพาทีมเลื่อนชั้นให้ได้ภายในปีเดียวเท่านั้น" คีน กล่าว

ADS