ประวัติ โทนี่ แจ๊คลิน
โทนี่ แจ๊คลิน
เมื่อ Tony Jacklin ชนะการแข่งขันรายการ US Open ที่ Hazeltine ในปี 1970 เขาก็ได้กลายเป็น ผู้เล่นอังกฤษคนแรกในรอบ 70 ที่ได้ครอบครองตำแหน่งแชมป์รายการ The British และ US Open ในเวลาเดียวกัน เขาได้รับการกล่าวขานว่า เป็นวีรบุรุษแห่งชาติ เขาได้รับรางวัล OBE และก้าวต่อไป จนกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการก่อให้เกิดการพัฒนาการรายการ European Tour
ในช่วง 1980’s Jacklin ได้บรรลุถึงแนวความคิดใหม่ ๆ ที่ปรากฎออกมา ในขณะที่เขา เป็นกัปตัน ของทีม European Ryder Cup และในช่วง 1990’s เขาได้กลับไปสหรัฐฯ เขาเตรียมตัวสำหรับการกลับไปเข้าร่วมการแข่งขัน รายการกอล์ฟแบบเต็มตัว ในรายการ US Senior Tour
การเป็นลูกชายของคนขับรถบรรทุก เมืองหล่อเหล็กในอังกฤษของ Scunthorpe Lincolnshire ดูเหมือนกับว่าเขาแทบจะไม่มีภูมิหลัง ที่จะทำให้เห็นแม้แต่น้อยว่า จะมีชื่อเสียง หรืออนาคต ทางด้านกอล์ฟเลย แต่เมื่ออายุ 9 ขวบ Jacklin ได้สร้างความฝันของเขา จนได้กลายเป็น นักกอล์ฟที่ดีที่สุด และพรสวรรค์ของเขาก็มีมากพอ ที่จะช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ เมื่อเขาอายุ 13 ปี เขาชนะรายการ Lincolnshire Boy’s Championship และครองตำแหน่งนี้ไว้ สองปีต่อมา เมื่อเขาอายุได้ 16 ปี เขาเอาชนะผู้นำมืออาชีพไป 9 สโตรค เป็นการเน้นย้ำในรายการ Lincolnshire Open ให้กับชัยชนะของเขา
Jacklin เทิร์นโปรในปี 1962 และในปี 1963 ได้รับสมญานามว่า Rookie of The Year ในปี 1968 Jacklin ได้ร่วมการแข่งขันรายการ US Tour และ ชนะรายการ Jacksonville Open พร้อมทั้งได้รับการบันทึกสถิติ เป็นการพิสูจน์ว่า เขาสามารถเอาชนะ นักกอล์ฟชาวอเมริกัน ฝีมืออันดับต้นๆ สิ่งนี้เป็นการตอกย้ำคำยืนยันได้ ด้วยการที่เขาคว้าชัยชนะในรายการ Open Championship ที่ Royal Lythamและที่ St Annes ในปี 1969 ซึ่งทำให้เขาเป็นชาว อังกฤษคนแรก ที่ได้ครองตำแหน่งแชมป์รายการในช่วง 18 ปี ในปีต่อมาเขาได้เอาชนะ ชาวอเมริกันที่สนามบ้านพวกเขา ชนะรายการ US Open ที่ Chaska Minnesota ไป 7 สโตรค ด้วยคะแนน 281 ช่องว่างของผลต่าง ในการชนะที่มากขนาดนี้ได้เกิดขึ้น ตั้งแต่คะแนน 9 สโตรค ของ Jim Barnes ที่ชนะในปี 1921 Tony Jacklin เป็นความหวังใหม่ของทาง ด้านยุโรป เมื่อเขาไปที่ St Andrews ภายหลังในทันที ฝูงชนได้จับตาดูเขาป้องกันตำแหน่ง รายการ Open Championship และเก็บชาวอเมริกันที่อ่าว แต่การป้องกันตำแหน่งของเขา ก็ต้องใช้ความทรหดอดทน และเต็มไปด้วยความยากลำบากอย่างที่สุด
Jacklin เริ่มต้นด้วยการสร้างกอล์ฟคุณภาพที่มีมาตรฐาน เขาไปลงเล่นและตีไป 29 สโตรค แต่แล้วการเล่นที่ลื่นไหลของเขาก็หยุดลง ด้วยพายุฝนซึงวันต่อมาความอัศจรรย์ก็หมดไป และ Jacklin สามารถทำได้ดีที่สุดด้วยการจบลง โดยการคว้าอันดับที่ 5
สองปีต่อมาที่ Muirfield Jacklin ตั้งความหวังไว้ว่าจะเอาชนะการแข่งขันรายการ Open Championship อีกครั้งเมื่อ Lee Trevino กับ Jacklin ลงเล่นที่หลุม 17 ด้วยกัน เป็นการเล่นผ่านจากด้านหลังกรีน ใน 4 สโตรค ตีเข้ามาในระยะปลอดภัยในการตีครั้งที่ 3 Jacklin ดูเหมือนว่าตีเกือบทุกหลุม และอยู่ในภาวะที่สงบนิ่ง แต่ Tervino โชคดีอย่างมาก ในการพิชิตจากนอกกรีน และ Jacklin ก็สั่นในตอนที่พัตต์ครั้งที่ 3 Tervino เดินไปสู่ชัยชนะการเป็นแชมป์เปี้ยน ซึ่งเขาก็ยอมรับในเวลาต่อมาว่านั่นเป็นความเสียหาย
Jacklin ชื่นชมยินดีย้อนหลังในฐานะ กัปตันของ Ryder Cup และชื่นชมกับคนรุ่นใหม่ ของผู้เล่นยุโรปหนุ่ม ที่มีความยอดเยี่ยมกับชัยชนะ อันใกล้กับความพยายามครั้งแรกใน Florida ปี 1983 สองปีต่อมา ชาวยุโรปได้ร่วมชื่นชมในชัยชนะรายการ The Belfry และในปี 1987 Jacklin ได้นำทีมของเขารับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่า ในการชนะเป็นครั้งแรกที่อเมริกา
หลังจากการแข่งขันในรายการ The Belfry ปี 1989 เขาได้อำลาตำแหน่งกัปตัน กับการประชุม เกี่ยวกับการเริ่มต้นยุคใหม่ ของวงการกอล์ฟยุโรป เมื่อเขาปรากฏตัวเพื่อที่จะหาหนทาง แก้ไขปัญหาการพัตต์ ซึ่งต้องใช้ความพยายามในปีสุดท้ายของการเล่นอาชีพ ตระเวนไปเรื่อยๆ ของเขา พร้อมกับการเป็นนักพัตต์ที่พัตต์ได้ไกล คนใหม่ เขาไปเล่นที่อเมริกา ในรอบคัดเลือก สำหรับรายการ US Senior Tour พร้อมกับได้รับเชิญเข้าร่วม ในรายการเขา ได้ลงเล่น ในหลายรายการ เขาชนะ 2 ครั้ง แต่ว่าความพยายามของเขา ที่จะกลายเป็นผู้เล่น Senior Tour ทั่วไป ก็ค่อยๆจางไป