ประวัติ เซร์คิโอ รามอส
แฟนๆของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องตื่นจากความฝันในการคว้าตัว เซร์คิโอ รามอส เสียเเล้ว หลังจากที่ดาวเตะทีมชาติสเปนเตรียมได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ของ เรอัล มาดริด
มาร์ก้า สื่อชื่อดังของสเปน ยืนยันว่า รามอส จะขยับซีขึ้นอีกหนึ่งขั้นหลัง ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือขคนใหม่ของ ราชันชุดขาว เตรียมมอบหมายให้เขาเป็นกัปตันทีมหลังจากที่ อิเคร์ กาซิยาส กัปตันทีมคนเก่าได้ย้ายไปอยู่กับ เอฟซี ปอร์โต้
รามอส มีข่าวเชื่อมโยงกับ ยูไนเต็ด อย่างหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา และหลายสื่อยังดึงเขาเข้าไปมีเอี่ยวกับการซื้อตัว ดาบิด เด เคอา นายทวารของปีศาจเเดงอีกด้วย
หาก รามอส ได้เป็นกัปตันทีมคนใหม่จริงนั่นเท่ากับว่าเขาจะอยู่กับ เรอัล มาดริด ต่อไปอย่างแน่นอน และการย้ายทีมในฤดูกาลนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น ซึ่งนั่นอาจทำให้ ยูไนเต็ด ต้องมองหาแนวรับระดับท๊อปตัวใหม่มาเสริมทีมกันต่อไป
รามอส วัย 29 ปีลงสนามให้กับ มาดริด ทั้งหมด 35 เกมในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเขาทำประตูได้ถึง 7 ประตู นอกจากนี้ยังทำไปอีก 1 แอสซิสต์อีกด้วย
ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีกองหลังคนไหนจะได้รับการยกย่องและจับตามองเท่า เซร์คิโอ รามอส แบ๊กสุดหล่อผมสลวยของเรอัล มาดริดอีกแล้ว
นอกจากจะยืนตรงไหนก็ได้ในแผงหลัง ไม่เฉพาะตำแหน่งถนัดอย่างแบ๊กขวา รามอสยังมีทักษะเยี่ยมในการสกัดบอล เปิดบอลแม่นยำ และยังเป็นกองหลังจอมซัลโว สังหารประตูได้มากมายด้วย
เนื่องจากเกิดที่เซบีย่า รามอสจึงเป็นเด็กสร้างของทีมเยาวชนเซบีย่านั่นเอง เขาเริ่มต้นจากตำแหน่งแบ๊กขวา ซึ่งเจ้าตัวทำได้ดี และมักจะเติมเกมบุกทุกครั้งที่มีโอกาส
เขาได้ประเดิมเวทีลาลีกาให้เซบีย่าชุดใหญ่ครั้งแรกในเกมที่พ่ายต่อเดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า 0-1 เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2004 หลังจากโชว์ลีลาในลีกสูงสุดของสเปนได้ 2 ปี รามอสก็เป็นที่รู้จัก กระทั่งเรอัลมาดริด ยอดทีมประจำลาลีกาเห็นแววจึงทุ่มเงิน 27 ล้านยูโร ซื้อมาร่วมทีม
กองหลังผมยาวเซ็นสัญญายาวถึง 8 ปี โดยที่มูลค่ารวมทั้งหมดถึง 85 ล้านยูโรเลยทีเดียว เมื่อย้ายมาสู่รังซานติอาโก เบร์นาเบว เขาได้รับมอบหมายให้สวมเบอร์ 4 ซึ่งเดิมเป็นของเฟร์นันโด เอียร์โร่ อดีตกัปตันผู้ยิ่งใหญ่ของชุดขาว
เขายิงประตูแรกให้เรอัล มาดริด ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่พ่ายต่อโอลิมเปียกอส เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2005 โดยในช่วงแรกๆ ที่อยู่กับเรอัล รามอสโดนจับไปยืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก และในช่วงที่ทีมเจอปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บรุมเร้า รามอสยังต้องทำหน้าที่มิดฟิลด์ตัวรับขัดตาทัพไปก่อนด้วย
ไม่ว่าจะตำแหน่งใด กองหลังหน้าหวานก็ทำผลงานได้ดี กระทั่งการมาของคริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์ และเปเป้ ในฤดูกาล 2007-08 ทำให้เขาได้กลับมายืนแบ๊กขวาอย่างที่ถนัดอีกครั้ง เมื่อได้กลับมาลากริมเส้น เขาก็ช่วยเติมเกมบุกอย่างที่ชอบอยู่เนืองๆ จนมีส่วนยิงประตูช่วยทีมหลายต่อหลายครั้ง
รามอสได้สมญาใหม่ เป็นกองหลังดาวซัลโว เพราะยิงประตูให้ชุดขาวทั้งหมดจนถึงตอนนี้มากกว่า 30 ลูกเข้าไปแล้วจากทุกรายการ และรามอสก็มาเฉลยในการให้สัมภาษณ์ผ่านนิตยสารของสโมสรว่า จริงๆ แล้วตอนเด็กๆ เขาเคยเล่นเป็นกองหน้ามาก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นกองหลังด้วย
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2008 รามอสจ่ายให้กอนซาโล่ อิกัวอีน ยิงประตูในนาทีที่ 89 ช่วยให้ชุดขาวเฉือนชนะโอซาซูน่า 2-1 คว้าแชมป์ลาลีกามาครองได้อย่างยิ่งใหญ่
อย่างไรก็ดี มีกระแสข่าวว่าเขามีปัญหากับเพื่อนร่วมทีมหลายคน ด้วยความเป็นกองหลังอารมณ์ร้อน ทำให้โดนใบแดงไล่ออกอยู่เนืองๆ ประกอบกับที่เคยยอมรับว่ารู้สึกว้าเหว่ เหมือนไม่มีเพื่อนที่เข้าใจในรังเบร์นาเบว ทำให้มีหลายสโมสรให้ความสนใจอยากได้ตัวเขา
แต่สิ่งสำคัญเหนือกว่านั้น คือผลงานสุดยอด ที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมจากอังกฤษติดต่อขอซื้อตัวเขาอย่างจริงจัง ในตอนนั้น รามอสยอมรับว่าดีใจที่มีสโมสรใหญ่สนใจ แต่คงต้องขอตัดสินใจอีกทีหลังจบยูโร 2008 ปรากฏว่าเขาร่วมเป็นแชมป์ยุโรปกับสเปน และนั่นทำให้ชุดขาวพยายามรั้งตัวเขาไว้จนประสบความสำเร็จในที่สุด
แต่ก่อนจะก้าวสู่ทำเนียบแชมป์กับทีมกระทิงดุ รามอสเริ่มไต่เต้าจากการติดธงสเปนชุดยู 21 แต่เล่นได้แค่ 6 นัด ฟอร์มก็โดดเด่นเข้าตาจนถูกเรียกมาติดธงชุดใหญ่ในวัยแค่ 18 ปีเท่านั้น ทำให้เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ติดทีมชาติสเปน ในรอบ 55 ปีหลังสุด แต่สุดท้ายสถิตินี้ ก็โดน เชส ฟาเบรกาส ดาวยิงอาร์เซน่อลทำลายไปในเวลาต่อมา
รามอสเริ่มต้นกับทีมชาติได้ดี เขาก้าวขึ้นมาเป็นหลักในแนวรับของสเปนในเวิลด์คัพ 2006 แทนที่ มิเชล ซัลกาโด้ รุ่นพี่ร่วมสังกัดที่โดนตัดออกไป
ในยูโร 2008 รามอสถือโอกาสโชว์ความสามารถให้โลกประจักษ์ เขาประสานงานกับ คาร์ลอส มาร์เชน่า, คาร์เลส ปูโยล และโจน คัปเดบีย่า จนแนวรับของสเปนเหนียวแน่นแข็งแกร่งดังหินผา ตลอดทั้งทัวร์นาเม้นท์ สเปนเสียแค่ 2 ประตูเท่านั้น
ในวัยแค่ 22 ปี จึงไม่มีกองหลังคนไหนจะประสบความสำเร็จได้มากเท่าเซร์คิโอ รามอสอีกแล้ว และเชื่อว่าเขาจะยังโลดแล่นในสังเวียนลูกหนัง ไล่ล่าเกียรติยศมาประดับเส้นทางค้าแข้งได้อีกนาน
และเป็นอีกครั้งที่เขาติดทีมชาติ ชุดลุยศึกคอนเฟดเดเรชั่นคัพ 2009 โชว์ฟอร์มในรอบคัดเลือกได้ดีมาก ไม่เสียประตูเลยสักนัด แต่ดันมาออกฟอร์มบู่แพ้ อเมริกา 2-0 ขนิดที่ว่าเห็นรามอสพยายามลากขึ้นมายิงหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เป็นกระตูสักครั้ง จบทัวร์นาเม้นในอันดับที่ 3