ประวัติ ชุสติน เอแน็ง

| 01/01/1970 07:00 น. | 417 Views

 

ประวัติชุสติน เอแน็ง

ชื่อ-นามสกุล : ชุสติน เอแน็ง
ประเทศ : เบลเยี่ยม
ที่พักอาศัย : มอนติ คาร์โล, โมนาโก
วันเดือนปีเกิด : 1 มิถุนายน 1982 (อายุ 25 ปี)
สถานที่เกิด : ลีเก้, เบลเยี่ยม
ส่วนสูง : 1.67 เซนติเมตร (5 ฟุต 6 นิ้ว)
น้ำหนัก : 57 กิโลกรัม (125 ปอนด์)
เริ่มเล่นเทนนิสอาชีพ : 1 มกราคม 1999
จุดเด่น : แบ็คแฮนด์มือเดียว
เงินรางวัล : 16,107,749 เหรียญสหรัฐ ฯ
สถิติในการเล่น : ชนะ 452 ครั้ง แพ้ 103 ครั้ง
สถิติการคว้าแชมป์ : 34 รายการ (Grand Slam 6, WTA Championships 1, Tier I 8, Tier II 14, Tier III 3, Tier IV & V 1 และ Olympics Games 1)
อันดับโลก : อันดับ 1 (20 ตุลาคม 2003)

 

 

ประวัติ

            ชุสติน เอแน็ง นักเทนนิสหญิงมือวางอันดับ 1 ของโลกคนปัจจุบัน เป็นยอดนักเทนนิสหญิงวัย 25 ปี ที่สามารถคว้าแชมป์เทนนิสรายการต่างๆ มากมาย ทั้งรายการยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง แกรนด์สแลม ซึ่งเธอคว้าแชมป์ได้ 6 ครั้ง จากการเข้าชิงทั้งหมด 10 ครั้งด้วยกัน, แชมป์ดับบลิวทีเอทัวร์ รวมถึงยังได้เหรียญทองกับทีมชาติเบลเยี่ยม ในกีฬาโอลิมปิกปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ อีกด้วย

            อาจกล่าวได้ว่า สื่อและแฟนๆ เทนนิสต่าง ก็ ยกย่องให้เธอเป็น "ราชินีคอร์ตดิน" เนื่องจากเธอสร้างประวิติศาสตร์คว้าแชมป์ เฟร้นช์ โอเพ่น ได้ถึง 4 สมัยติดต่อกัน ในปี 2003, 2005, 2006 และ 2007แซงหน้า โมนิก้า เซเลส นักเทนนิสสาวชาวอเมริกัน ที่เคยทำสถิติคว้าแชมป์ เฟร้นช์ โอเพ่น 3 สมัยซ้อน มาแล้ว ก่อนหน้านี้

            ความยอดเยี่ยมของ นักเทนนิสสาวชาวเบลเยี่ยม ซึ่งกวาดแชมป์มาได้ 34 รายการ ได้สร้างการยอมรับถึงความเป็นอัจฉริยะแห่งวงการลูกสักหลาดของเธอได้เป็นอย่างดี ถึงกระทั้งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวงการเทนนิสหลายคน กล่าวถึงเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัจจัยสำคัญยิ่งที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จดังเช่นทุกวันนี้ นั่นคือ มาจากจิตใจที่แกร่งดังหินผา และลูกตีแบ็คแฮนด์มือเดียวอันทรงพลังของเธอ นั่นเอง (แม้กระทั่ง จอห์น แม็คเอนโร่ นักเทนนิสชายระดับตำนาน ยังยกย่องว่า เป็นแบ็คแฮนด์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในวงการนักเทนนิสชายหรือนักเทนนิสหญิง)

 


ชีวิตครอบครัว

            ชุสติน เอแน็ง เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 1982 เกิดที่เมือง ลีเก้ ในประเทศเบลเยี่ยม เกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง โดยบิดาของเธอชื่อ โจเซ่ เอแน็ง ขณะที่มารดาของเธอชื่อ ฟรานโคเซ่ โรซิเออร์ ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสและมีอาชีพเป็นครูสอนวิชาประวัติศาสตร์ เอแนง มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน โดยมีพี่ชาย 2 คน (เดวิด และ โธมัส) และ น้องสาว 1 คน (ซาราห์) อย่างไรก็ตาม เธอยังมีพี่สาวคนโตอีกหนึ่งคน แต่เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะที่ ชุสติน เพิ่งจะลืมตาดูโลก

            ตอนที่เอแน็ง อายุได้ 2 ขวบ ครอบครัวของเธอก็ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่เมือง โรเชฟอร์ด ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ สโมสรเทนนิสของท้องถิ่น ที่ซึ่งเธอได้จับแร็คเก็ตเป็นครั้งแรกในชีวิต จนเมื่อเธออายุได้ 6 ขวบ เอแน็ง ก็ได้เข้าร่วมกับสโมสรเทนนิส ซิเน่ย์ หลังจากที่ โค้ชที่นี้เอง ก็ผู้ที่ค้นพบพรสวรรค์อันเจิดจรัสของเธอโดยบังเอิญ

            อาจกล่าวได้ว่า ผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เธอสามารถก้าวมาเป็นนักเทนนิสหมายเลข 1 ของโลกได้ น่าจะได้รับอิทธิพลมาจาก มารดาของเธอซึ่งมักจะพาลูกสาวคนนี้ข้ามเขตแดนจากประเทศเบลเยี่ยมไปประเทศฝรั่งเศส อยู่เสมอ เพื่อเข้าชม เทนนิสแกรนด์สแลม รายการ เฟร้นช์โอเพ่น ซึ่ง เอแนง ก็เคยมีโอกาสได้เข้าชม เฟร้นช์โอเพ่น รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง สเตฟฟี่ กราฟ นักเทนนิสชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นขวัญใจของเธอ ลงหวด กับ โมนิกา เซเลส นักเทนนิส
ชาวอเมริกัน ในปี 1992 แม้ว่าในเกมวันนั้น ฮีโร่ของเธอจะพลาดท่าพ่ายให้กับ โมนิก้า เซเลส แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่สร้างความประทับใจอันยิ่งใหญ่ให้กับ เด็กสาวชาวเบลเยี่ยมคนหนึ่ง ที่ได้บอกกับ ผู้ที่เป็นมารดาของเธอว่า
สักวันเธอจะได้เล่นที่สนามแห่งนี้ และจะเป็นผู้ชนะให้ได้

            ในปี 1995 ได้เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของ เอแนง ในวัยเพียง 12 ขวบ โดยเธอต้องสูญเสียมารดา และภายหลังจากที่มารดาของเอแนง เสียชีวิตได้ไม่นาน เอแนงต้องมีปัญหากับครอบครัวทั้งในด้านความขัดแย้งบิดาของตนเองเกี่ยวกับความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านเส้นทางการเป็นเทนนิสอาชีพของเธอ รวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับ ปิแอร์-เยฟส์ อาร์เดนน์ แฟนหนุ่ม จนทำให้เธอแยกออกมาอยู่ข้างนอก โดยได้ไปอาศัยอยู่กับ คาร์ลอส โรดิงเกวซ ซึ่งเป็นเทรนเนอร์ของเธอ อาจกล่าวได้ว่า โรดิงเกวซ ไม่เพียงแต่กลายเป็นเทรนเนอร์ของเธอ แต่ยังเป็น พ่อคนที่สองอีกด้วย

            เมื่อจวบจนเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2002 เอแนง ได้เข้าพิธีวิวาห์กับ ปิแอร์-เยฟส์ แฟนหนุ่มชาติเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2004 เอแนงก็ต้องถอนตัวจากรายการเทนนิสที่ออสเตรเลีย และยังรวมไปถึง รายการแกรนด์สแลม ออสเตรโอเพ่น ด้วย เนื่องจาก ปัญหาส่วนตัว โดยหลายสำนักข่าวต่างก็รายงานว่า เธอเตรียมที่จะหย่าสามีของเธอ ซึ่ง เธอก็ได้ออกมายืนยันผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวว่า เธอได้แยกกับสามีของเธอแล้ว
และได้กลับมาใช้ชื่อ-นามสกุล เป็น "ชุสติน เอแน็ง" เหมือนเดิม แทนที่ชื่อ "ชุสติน เอแน็ง-อาร์เดนน์" เหมือนเมื่อครั้งที่แต่งงาน

            ด้วยปัญหา การหย่าร้างของ เอแนง และอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของเธอ ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยให้เธอกลับไปติดต่อกับครอบครัวอีกครั้ง ซึ่งในระหว่างรายการ เฟร้นช์ โอเพ่น เมื่อปี 2007 ถือเป็นครั้งแรกที่ พี่ชายเธอและน้องสาวของ เอแนง ได้เข้ามานั่งให้กำลังใจเชียร์การแข่งขันเทนนิสอาชีพของเธอ และนี้ก็เป็นชัยชนะที่สำคัญที่สุดเหนือผลการแข่งขัน คือ การที่เธอได้ครอบครัวเธอกลับมา หลังจากที่ต้องแยกจากครอบครัวมาตั้งแต่อายุ 14

            ชัยชนะในครั้งนี้เธอจึงอุทิศแด่ครอบครัวของเธอ เป็นครั้งแรกที่เธอกล่าวขอบคุณพี่น้อง และที่สำคัญพ่อของเธอ แต่ยังไงเธอก็ไม่ลืมที่จะเงยหน้าขึ้นท้องฟ้า และขอบคุณคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ แม่คนที่มองความสำเร็จเธอจากบนฟ้า และอยู่ในใจเธอเสมอ

 



การเริ่มต้นเส้นทางลูกสักหลาด

            ในช่วงเริ่มต้นของการเทิร์นโปรเป็นนักเทนนิสอาชีพของ เอแน็ง ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในหมู่แฟนๆ เทนนิสของเธอซึ่งมักจะเรียกเธอว่า "จูจู้" ได้รับการถ่ายทอดวิชาเทนนิสจาก คาร์ลอส โดมิงเกวซ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนติน่า ขณะที่เธอมีอายุ 14 ขวบ และเมื่อปี 1997 เธอก็สามารถคว้ามแชมป์หญิงเดี่ยวในรายการ เฟร้นช์ โอเพ่น ในประเภทเยาวชนได้สำเร็จ นอกจากนี้ เอแนง ก็มักที่จะทะลุผ่านเข้าไปถึงรอบลึกๆ ในการแข่งขันระดับนานาชาติได้เสมอ
และเธอก็คว้าแชมป์มาได้ 5 รายการ ของ สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ เมื่อจบปี 1998

            จนกระทั่งในปี 1999 เอแนง ได้เริ่มการเป็นนักเทนนิสอาชีพเป็นครั้งแรกในรายการแข่งขันของ สมาคมนักเทนนิสหญิงนานาชาติ (ดับบลิวทีเอ) เมื่อเดือนพฤษภาคม 1999 โดยเธอเป็นมือไวด์คาร์ดเข้าไปเล่นในรายการ เบลเยี่ยม โอเพ่น ที่เมือง อันเวิร์บ และ เธอก็ได้สร้างความตะลึงให้กับวงการเทนนิสหญิงโดยการเป็นนักเทนนิสคนที่ 5 ที่โดยสามารถสามารถคว้าแชมป์รายการแรกได้ตั้งแต่เริ่มการเป็นนักเทนนิสอาชีพของรายการ ดับบิวทีเอ

            ในปี 2001 เอแนง ก็สามารถสร้างชื่อในวงการเทนนิสได้ เมื่อเธอเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ของรายการ เฟร้นช์ โอเพ่น และ รอบชิงชนะเลิศ ของรายการ วิมเบิลดัน และต้องพ่ายให้กับ เซเรน่า วิลเลี่ยส์ นักเทนนิสชาวสหรัฐฯ
ซึ่งเมื่อจบการแข่งขันในปีนั้น เอแนง ก็รั้งอยู่อันดับที่ 7 ของโลก ด้วยการคว้าแชมป์ประเภทหญิงเดี่ยวได้ 3 รายการ นอกจากนี้ ยังสามารถทะลุเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศประเภทหญิงคู่ ร่วมกับ อีเลน่า ตาตาร์โกว่า
ในรายการเฟร้นช์โอเพ่นในปีเดียวกันด้วย นอกจากนี้ เธอยังเป็นหนึ่งในทีมนักเทนนิสหญิงของทีมชาติเบลเยี่ยมที่ สามารถคว้าแชมป์ เฟดคัพ มาครองได้ด้วย ในปี 2001 (ชุสติน เอแนง และ คิม ไครจ์สเตอร์ส)

            เมื่อปี 2002 เอแนง ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ถึง 4 รายการ โดยที่คว้าแชมป์ได้ 2 รายการ และจบด้วยอันดับที่ 5 ของโลกในปีนั้น โดยที่ชัยชนะของเธอในรายการ เยอรมัน โอเพ่น ในปีนั้น ถือเป็นชัยชนะที่ควรค่าแก่การบันทึกสำหรับเธออย่างยิ่ง หลังจากที่เธอปราบสองยอดนักเทนนิสหญิงชาวอเมริกัน นั่นคือ เจนนิเฟอร์ คาปริอาตี้ ในรอบรองชนะเลิศ และ เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งขณะนั้นเป็นถึงมือวางอันดับ 2 และ 5 ตามลำดับ


            จนในที่สุด ชุสติน เอแนง ก็ประกาศศักดาคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้เป็นครั้งแรกในชีวิตในศึกเฟร้นช์ โอเพ่น ในปี 2003 หลังโชว์ฟอร์มคว่ำ คิม ไครจ์สเตอร์ นักเทนนิสเพื่อนร่วมชาติไปในรอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์ 2 เซ็ตรวด 6-0, 6-4 ซึ่งก่อนหน้าที่จะทะลุมาถึงรอบชิง เธอก็สามารถเอาชนะ เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ นักเทนนิสผิวสีขาวอเมริกัน มาได้

            และในปีต่อมา เธอก็หยิบแชมป์แกรนด์สแลมที่สองของเธอมาได้สำเร็จ ในศึก ยูเอส โอเพ่น ด้วยการเอาชนะ คู่ปรับเดิม ในศึกเฟร้นช์โอเพ่น ในปีเดียวกัน อย่าง คิม ไครจ์สเตอร์ส ไปในรอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์ 2 เซ็ตรวด 7-5, 6-1ซึ่งก่อนที่เธอจะผ่านเข้ามสู่รอบนี้ เธอก็เอาชนะ เจนนิเฟอร์ คาปริอาตี้ นักหวดสาวชาวอเมริกัน อย่างมารอนธอน ซึ่งต้องเล่นกันถึงเวลาเที่ยงคืน จนส่งผลให้ ร่างการของเอแนงประสบปัญหาจากการสูญเสียน้ำอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เธอก็สามารถกลับมาลงเล่นได้ในนัดชิงชนะเลิศในวันรุ่งขึ้น และคว่ำ ไครจ์สเตอร์ได้สำเร็จ และในที่สุด เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2003 เอแนง สามารถเบียด ไครจ์สเตอร์ส เข้าไปเป็นนักเทนนิสหญิงหมายเลข 1 ของโลกได้สำเร็จ


 



2004-2005

            เอแน็ง เริ่มต้นในปี 2004 ด้วยการประเดิมชัยชนะในทัวร์เม้นท์อุ่นเครื่องที่ ซิดนีย์ ซึ่งหลังจากนั้น มันก็เป็นบันได้ให้เธอก้าวสู่แชมป์แกรนด์สแลม ในศึก ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ คิม ไครจ์สเตอร์ ไปได้อีกครั้ง ด้วยสกอร์ 2-1 เซ็ต 6-3, 4-6, 6-3 แต่การออกสตาร์ในปีนี้ เอแนงก็ต้องประสบปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพซึ่งติดเชื้อไวรัส และ ระบบภูมคุ้มกันในร่างกาย มีปัญหา ส่งผลให้เธอต้องนอนหลับพักผ่อนร่างกายให้ได้ถึง 18 ชั่วโมง ต่อวัน

            อย่างไรก็ตาม เธอก็ตัดสินใจลงทำการแข่งขันในศึกเฟร้นช์โอเพ่น ด้วยการจัดให้เป็นมือวางอันดับหนึ่งของรายการก็ตาม แต่เธอก็ต้องตกรอบไปตั้งแต่รอบที่สอง ในเกมที่พบกับ เตเธียน่า การ์บิน นักเทนนิสมือต่ำชั้นกว่า จากอิตาลี หลังจากนั้น เอแนงก็กลับมาแข่งขันในเดือนสิงหาคมในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงเอเธนส์และคว้าเหรียญทองให้กับ เบลเยี่ยมได้สำเร็จ หลังจากหวดเอาชนะ อเมลี โมเรสโม่ นักเทนนิสชาวฝรั่งเศส 2 เซ็ดรวด ด้วยสกอร์ 6-3, 6-3 ทำให้เมื่อจบปี 2004 ด้วยสถิติการลงเล่นไปเพียง 25 เกม แต่ก็สามารถชนะได้ถึง 22 และ แพ้ไปเพียง 1 ครั้งเท่านั้น

            ในเดือนกันยายน 2004 เธอต้องพ่ายให้กับ นาเดีย เปโตรว่า ไปในเทนนิสรายการ ยูเอสโอเพ่น ในรอบที่สี่ ซึ่งการแพ้ในครั้งนี้ ทำให้เธอต้องร่วงจากอันดับ 1 ของโลก หลังจากยึดตำแหน่งนี้มานานกว่า 45 สัปดาห์ ด้วยกัน
หลังจากนั้น เอแนงก็ถอนตัวจากอีก 10 รายการที่เหลือในปีนั้น เพื่อพยายามฟื้นฟูรักษาร่างกายของเธอให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง โดยเป้าหมายของเธอที่หวังว่าจะกลับมาลงเล่นให้ได้อีกครั้งช่วงต้นปี 2005 ก็มีอันต้องเลื่อนออกไป
หลังจากที่เธอได้รับบาดเจ็บที่เข่าอีกครั้งระหว่างการฝึกซ้อมในเดือนธันวาคม

            ในวันที่ 25 เดือนมีนาคม หลังจากห่างหายจากการลงสนามแข่งไปกว่า 6 เดือน เอแนง ก็ได้กลับมาจับแร็คเก็ตอีกครั้ง ด้วยการเข้าร่วมทำศึกในรายการ แนสแดค วันฮันเดรด โอเพ่น ที่ ไมอามี่ ซึ่งเธอก็ต้องแพ้ให้กับ มาเรีย ชาราโปว่า นักเทนนิสสาวสวยชาวรัสเซียซึ่งในขณะนั้น เป็นมือวางอันดับ 2 ไปในรอบรองชนะเลิศ และเธอก็กลับมาเล่นอีกครั้งในรายการต่อกมา โดยสามารถกลับมาคว้าแชมป์ได้ในรายการ เทนนิส คอร์ตดิน ได้ในรายการ แฟมิลี่ เซอร์เคิล คัพ ที่ เซาธ์โคโรไลน่า และเธอก็ยังกวาดชัยชนะได้อีก 2 รายการก่อนที่จะลงทำศึกในแกรนด์สแลม เฟร้นช์ โอเพ่น 2005 ซึ่งชัยชนะของเธอที่มีเหนือมือวางอันดับต้นๆ ของโลก อย่าง ลินเซ่ ดาเวนพอร์ต, ชาราโปว่า, อีเลน่า เดเมนเตียว่า, สเว็ตลาน่า คุซเน็ตโซว่า และ เปโตรว่า ได้ทำให้เธอกลับมาเจิดจรัสได้อีกครั้ง

            ในรายการเฟร้นช์ โอเพ่น เอแน็ง ถูกจัดให้เป็นมือวางอันดับ 10 ของ และเธอก็ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ และสามารถล้ม แมรี่ เพียส นักเทนนิสสาวชาวฝรั่งเศสไปได้ 2 เซ็ตรวด 6-1, 6-2 และก้าวสู่บันไดแชมป์ โรแลนด์ การ์โรเป็นครั้งที่สองได้สำเร็จ นับเป็นการชนะบนคอร์ตดิน 24 ครั้ง ติดต่อกันของเธอ และเป็นการชนะในรอบชิงชนะเลิศครั้งที่ 10 หลังจากมันได้เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายที่ ซูริค ในเดือน ตุลาคม 2003 ซึ่งหนทางก่อนจะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เธอก็ต้องฝ่าด่านทั้ง คุซเน็ตโซว่า ในรอบที่สี่, ชาราโปว่า ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และ เปโตรว่า ในรอบรองชนะเลิศ

            จากชัยชนะในศึกเฟร้นช์โอเพ่น ดันให้เธอกระโดดจากมืออันดับ 12 ของโลก ไปอยู่ที่มืออันดับ 7 ของโลก และเธอก็กลายเป็นนักเทนนิสคนที่ 2 ของ ดับบลิวทีเอ ทัวร์ ต่อจาก โมนิก้า เซเลส ที่สามารถคว้าแชมป์ เฟร้นช์โอเพ่น อย่างน้อย 2 ครั้ง และไม่เสียเกมให้คู่ต่อสู้เลยสักครั้ง

            จบจนมาถึงศึกวิมเบิลดัน 2005 ชัยชนะ 24 เกมติดต่อกันของเธอ ก็ต้องมาสะดุดเมื่อเธอพลิกล็อคแพ้ให้กับ อีเลนี่ เดนิลิดูวร์ 2-1 ด้วยสกอร์ 7-6, 2-6, 7-5 ส่งผลให้เธอกลายเป็นแชมป์เฟร้นช์โอเพ่นคนแรกที่ตกรอบในศึกวิมเบิลดันในการประเดิมสนามรอบแรก และด้วยอาการบาดเจ็บที่เอ็นหัวเข่าอย่างรุนแรงเมื่อต้นปี จึงทำให้เอแนง ทำการแข่งขันไปเพียง 11 เกมเท่านั้น ในปี 2005 อย่างไรก็ตาม ในปีเดียวกันนี้ นิตยสาร เทนนิส ได้ยกย่องให้เธอเป็นนักเทนนิสที่ดีที่สุดอันดับที่ 31 จากทั้งหมด 40 คน ในประวัติศาตร์วงการลูกสักหลาดอีกด้วย

 



2006

            จัสติน เอแนง กลับมาลงแข่งขันเทนนิสอีกครั้งในทัวร์นาเม้นท์ที่ ซิดนีย์ ร่วมถึงลงแข่งขันในศึก ออสเตรเลีย โอเพ่น 2006 ด้วย ซึ่งเธอถูกจัดให้เป็นมือวางอันดับ 5 ของรายการ โดยที่รอบแรกเธอต้องมาพบกับ มาร์ติน่า ฮินกิส นักหวดสาวชาวสวิส และอดีตมือหนึ่งของโลก แต่เธอก็เอาชนะไปได้อย่างไม่ยากเย็น 2 เซ็ตรวด ด้วยสกอร์ 6-3, 6-3 แล้ว เอแนง ก็เอาชนะ สเว็ตลาน่า คุซเน็ตโซว่า อดีตแชมป์ยูเอส โอเพ่น ปีที่แล้ว 2 เซ็ตรวด
ด้วยสกอร์ 6-3, 6-1 ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่จะหวดเอาชนะ ฟราเชสก้า สเชียโวเน่ ไป 2-1 เซ็ต ในรอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์ 4-6, 7-5, 7-5

            ในการแข่งขันรายการ ออสเตรเลียโอเพ่นของ เอแน็ง เธอสามารถล้มได้ทั้ง ลินเซ่ ดาเวนพอร์ต มือวางอันดับ 1 ของโลก และ มาเรีย ชาราโปว่า มือว่าอันดับ 4 ของโลก และก็เกือบที่จะล้ม อเมลี โมเรสโม่ มือวางอันดับ 3 ของโลกได้เช่นกัน ขณะที่ เอแนง นำอยู่ 1 เซ็ต และแข่งค้างในเซ็ตที่ 2 อยู่ที่ 2-0 เอแนง ก็ต้องถอนตัวออกจากเกม หลังจากมีอาการปวดท้องอย่างหนัก ซึ่งสาเหตุก็น่าจะเกิดจากใช้ยาแก้อักเสบเกินขนาดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ไหล่

            เอแนง ถูกสื่อวิพากวิจารณ์ในกรณีดังกล่าว เพราะว่า เธอเคยกล่าวหลังเกมเอาชนะ ชาราโปว่าในรอบที่แล้วว่า เธอมีร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์และเป็นการเล่นที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ ซึ่งการถอนตัวของเธอในครั้งนั้น ทำให้เธอเป็นนักเทนนิสเพียงคนที่สองและเป็นคนแรกในประเภทหญิง ที่ถอนตัวออกจากศึกแกรนด์ สแลม ในรอบชิงชนะเลิศ

            ในที่สุด เธอก็หยิบแชมป์รายการที่สอง ในปี 2006 ให้กับตนเองได้ในรายการเทนนิสที่ ดูไบ ด้วยการเอาชนะ ชาราโปว่าไปได้ 2 เซ็ตรวด ด้วยสกอร์ 7-5, 6-2 และนี้เป็นแชมป์ที่ดูไบ รายการที่สามของเธอ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยคว้าแชมป์ได้ในปี 2003 และ 2004 ต่อมาในศึก แปซิฟิค ไลฟ์ โอเพ่น ที่ อินเดียน เวลลส์ เอแนง ก็ต้องมาตกรอบไปในรอบรองชนะเลิศ โดยพ่ายให้กับ อีเลน่า เดเมนเตียว่า 1-2 เซ็ต หลังจากที่เธอเป็นฝ่ายนำก่อนในเซ็ตแรก

            และในศึกเทนนิสแนสแดค วันฮันเดรด โอเพ่น ที่ ไมอามี่ เธอก็ถูกเขี่ยตกรอบไปในรอบที่สอง โดยน้ำมือของ เมกาห์นน์ ชาช์เนสซี่ รวมถึงการพลาดหวังที่จะสามารถป้องกันแชมป์ศึกเทนนิสรายการ แฟมิลี่ เซอร์เคิล โอเพ่น ที่ เซาธ์โคโรไลน่า ซึ่งเป็นศึกคอร์ดดินรายการแรกของฤดูกาลอีกด้วย โดยเธอแพ้ให้กับ แพตตี้ ชไนเดอร์ มือวางอันดับ 3 ของรายการไป 1-2 เซ็ต ในรอบรองชนะเลิศ และความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้หยุดสถิติชัยชนะ 27 เกมบนคอร์ดดินของเธอลง

            ในเดือนเมษายน เอแน็งนำทีมชาติเบลเยี่ยม คว่ำทีมชาติรัสเซีย อดีตแชมป์ในศึกเทนนิสรายการ เฟดคัพ รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ หลังจากที่เธอหวดเอาชนะ นาเดีย เปโตรว่า นักเทนนิสมือวางอันดับ 5 ของโลก และอีเลน่า
เดเมนเตียว่า มือวางอันดับ 9 ลงได้ ชัยชนะครั้งนี้ ถือว่าสำคัญกับ เอแนงอย่างมาก เพราะว่า เปโตรว่า มีสถิติที่ดีจากการชนะบนคอร์ดดินมาแล้ว 10 เกมติดต่อกัน ขณะที่ เดเมนเตียว่า ก็เคยเอาชนะ เอแนงได้ในการพบกันล่าสุดที่ อินเดียน เวลลส์ รวมทั้งยังเอาชนะ คิม ไครจ์สเตอร์ นักเทนนิสชาวเบลเยี่ยม มือวางอันดับ 2 ของโลก ได้ในการแข่งขันวันแรกอีกด้วย หลังจากนั้น เธอก็ลงป้องกันแชมป์ในรายการ เยอรมัน คัพ และตบเอาชนะ อเมลี โมเรสโม่ ไปได้ 2 เซ็ตรวด ในรอบรองชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้ว เธอก็พลาดท่าแพ้ให้กับ เปรโตว่า ไป 1-2 เซ็ต ด้วยสกอร์ 4-6, 6-4, 7-5

            เข้าสู่ศึกเทนนิสรายการเฟร้นช์โอเพ่น เอแนง ได้โยนทิ้งความพ่ายแพ้ที่เบอร์ลินไว้เบื้องหลัง และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการหวดเอาชนะ คิม ไครจ์สเตอร์ มือวางอันดับ 2 ของรายการไป 2 เซ็ตรวด แล้วเธอก็ยังสามารถเอาชนะ คุซเน็ตโซว่า ไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ และทำให้เธอคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 3 จาก 4 ปีที่ทำการแข่งขันที่นี้ ซึ่งเอแนง ได้แชมป์โดยที่ไม่เสียเซ็ตให้คู่ต่อสู้เลย และกลายเป็นแชมป์เฟร้นช์โอเพ่นคนแรกที่ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ นับตั้งแต่ที่ สเตฟฟี่ กราฟ เคยทำได้เมื่อปี 1996

            เอแนง ได้ลงแข่งขันรายการ อีสบัวร์น ซึ่งเป็นรายการเทนนิสคอร์ดหญ้า และเธอก็คว้าแชมป์มาครองได้ด้วยการเอาชนะ อนาสตาเซีย มีสกิน่า 2-1 เซ็ต ถือเป็นการอุ่นเครื่องก่อนลงทำศึกวิมเบิลดัน ซึ่งเอนแน็ง ถูกจัดให้เป็นมือวางอันดับ 3 ของรายการ และยังเดินหน้าสร้างสถิติด้วยการไม่เสียเซ็ตให้กับคู่แข่งขันเลยจนถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยเธอสามารถเอาชนะ คิม ไครจ์สเตอร์ (มือวางอันดับ 2 ของรายการ) ในรอบรองชนะเลิศ แต่น่าเสียดายที่เธอก็ต้องไปพ่ายให้กับ อเมลี โมเรสโม่ 1- 2 เซ็ต ด้วยสกอร์ 2-6, 6-3, 6-4 ในรอบชิงชนะเลิศ

            เอแนง ถอนตัวออกจากรายการเทนนิสที่ ซานดิเอโก้ และ มอนทรีอัล เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่เธอก็ยังลงแข่งขันในรายการ ไพลอต เพ็น ที่ นิวเฮเว่น ซึ่งที่นั่นเอง ที่ เธอ สามารถเอาชนะ คุซเน็ตโซว่า และ ดาเวนพอร์ต และหยิบแชมป์มาครองได้สำเร็จ นับเป็นแชมป์รายการที่ 28 ในดับบลิวทีเอทัวร์ ของเธอ และส่งผลให้เธอขยับขึ้นมาเป็นมือวางอันดับ 2 ของโลก และกวาดเงินรางวัลไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 12 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 420 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ในศึก ยูเอส โอเพ่น 2006 ชาราโปว่า ก็เอาชนะ เอแนงไปด้วย 2 เซ็ตรวด ด้วยสกอร์ 6-4, 6-4 ในรอบชิงชนะเลิศ

            จากผลการแข่งขันในปี 2006 ทำให้ จัสติน เอแนง ถือเป็นผู้หญิงคนแรก นับตั้งแต่ ฮินกิส ที่เคยทำไว้ในปี 1997 ในการทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของทั้ง 4 แกรนด์สแลม ในปีเดียวกัน และยังถือเป็นครั้งแรกที่นักเทนนิสทั้งในประเภทชายและประเภทหญิง ที่มีนักเทนนิสคนเดียวกันที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมทั้ง 4 รายการในปีด้วยกัน ซึ่งฝ่ายก็คือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลกคนปัจจุบัน

            เมื่อจบฤดูกาลแข่งขันเทนนิสในปี 2006 เอแน็ง ได้รับการการันตีให้ครองมือหนึ่งของโลก หลังจากที่เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ในรายการ ดับบลิวทีเอทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ และเอาชนะ ชาราโปว่า ไปได้ 2 เซ็ตรวด ด้วยสกอร์ 6-2, 7-6(5) และเธอก็สามารถคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในอาชีพนักเทนนิส หลังจากเอาชนะ โมเรสโม่ ไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ 2 เซ็ตรวด ด้วยสกอร์ 6-4,6-3 ส่งผลให้ เอแนง ถือเป็นนักเทนนิสคนแรก นับตั้งแต่ ฮินกิส เคยทำได้ในปี 2000 ในการคว้าแชมป์ ดับบลิวทีเอ ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ และจบฤดูกาลแข่งขันด้วยการเป็นมือ 1 ของโลก ซึ่งเธอทำเงินรางวัลในปีนั้นได้ทั้งสิ้น กว่า 4,204,810 เหรียญสหรัฐฯ

 




2007

            ก้าวเข้าสู่ปี 2007 ในวันที่ 4 มกราคม เอแน็ง ถอนตัวจากรายการ ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น และทัวร์นาเม้นต์ อุ่นครื่องที่ ซิดนีย์ ด้วยปัญหาส่วนตัวอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลให้อันดับโลกของเธอเสียตำแหน่งอันดับ 1 ให้กับ มาเรีย ชาราโปว่าไป และทัวร์นาเม้นต์แรกของเธอในปีนี้ เอแน็ง ต้องแพ้ไปในรอบรองชนะเลิศในศึกรายการ โอเพ่น กาซ เดอ ฟร้องซ์ ให้กับ ลูเซีย ซาฟาโรว่า นักเทนนิสสาวชาวเซ็กไป 2 เซ็ตรวด

            อย่างไรก็ตาม เธอก็สามารถกลับมาคว้าแชมป์เทนนิสรายการ ฮาร์ทคอร์ต ได้ 2 รายการ ในแถมตะวันออกกลาง นั่นคือ รายการมิดเดิ้ล เวสต์ และ ดูไบ ดิวดี้ ฟรี วูเม้น โอเพ่น ซึ่งเธอคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 4 จาก 5 ปีหลังสุดที่เข้าแข่งขัน ด้วยการเอาชนะ อเมลี โมเรสโม่ ไปในรอบชิงชนะเลิศ 2 เซ็ตรวด ด้วยสกอร์ 6-4, 7-5 และรายการ กาตาร์ โททอล โอเพ่น ที่ โดฮา โดยในรายการนี้ ถือสามารถคว่ำ สเว็ตลาน่า คุซเน็ตโซว่าไปในรอบชิงชนะเลิศ 2 เซ็ตรวด ด้วยสกอร์ 6-4, 6-2 การคว้าแชมป์สองรายการนี้ ส่งผลให้เธอกลับทวงมือหนึ่งของโลก จาก ชาราโปว่า ได้อีกครั้ง ในวันที่ 19 มีนาคม


            ในรายการ โซนี่ อีริคส์สัน โอเพ่น ที่ ฟลอริดา เอแน็ง ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เป็นครั้งแรกในรายการนี้ แต่เธอก็ต้องแพ้ให้กับ เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ นักหวดเจ้าถิ่นไป 1-2 เซ็ต และเอแน็ง ต้องมาถอนตัวออกจากรายการ แฟมิลี่ เซอร์เคิ้ล คัพ ที่เซาธ์โคโรไลน่า เนื่องด้วยปัญหาเกี่ยวกับระบบการหายใจ อย่างไรก็ตาม ในทัวร์นาเม้นต์ต่อมาของเธอ นั่นคือ รายการ เจแอนด์เอส คัพ ที่ โปแลนด์ เธอก็กลับมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ หลังจากหวดเอาชนะ อโลน่า บอนดาเรนโกไป 2 เซ็ตรวด ในรอบชิงชนะเลิศ

            ต่อมาหลังจากรายการ กาตาร์ เทเลคอม เยอรมัน โอเพ่น ที่ เยอรมัน เอแน็ง ต้องเล่นกับ เยเลน่า ยานโควิช นักเทนนิสชาวเซิร์บ อย่างมาราธอน ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนที่จะชนะไปได้ 2-1 เซ็ต อย่างไรก็ตาม เธอก็ต้องมาเสียท่าให้กับ คุซเน็ตโซว่า ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นการแพ้ครั้งที่สองของเอแน็งที่มีต่อ คุซเน็ตโซว่า ในการพบกันทั้งหมด 16 คร

ADS