ประวัติ อัลเลน ไอเวอร์สัน

| 01/01/1970 07:00 น. | 2702 Views

         

         อัลเลน ไอเวอร์สัน (อังกฤษ Allen Ezail Iverson, เกิด 7 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ที่เมืองแฮมป์ตัน มลรัฐเวอร์จิเนีย) มีฉายาว่า เอ.ไอ. (A.I. ตัวย่อจากชื่อจริง) และดิแอนเซอร์ (The Answer) เป็นนักบาสเกตบอลชาวสหรัฐอเมริกา เล่นในลีกเอ็นบีเอ ปัจจุบันอยู่ทีมเดนเวอร์ นักเก็ตส์ เป็นผู้เล่นระดับออลสตาร์ในตำแหน่งพอยท์การ์ดและชู้ตติ้งการ์ด ถือเป็นผู้เล่นทำคะแนนได้ดีที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน ในอดีตอยู่กับทีมฟิลลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอรส์และเป็นดาราประจำทีมนานถึงสิบปี


ก่อนเข้าสู่เอ็นบีเอ

วัยเด็ก
         อัลเลน ไอเวอร์สัน เกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ที่คาบสมุทรเวอร์จิเนียร์ เป็นบุตรของนาย อัลเลน บรอตัน (Allen Broughton) และนางแอน ไอเวอร์สัน (Ann Iverson) พ่อของเขาทิ้งครอบครัวไป เหลือแค่แม่ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 15 ปีอยู่ดูแลอัลเลนและน้องสาวเขาที่ชื่อ แบรนดี (Brandy) เมื่อเขาเกิดไม่นานนัก ยายของเขาซึ่งเป็นเสาหลักครอบครัวก็ได้เสียชีวิตไป เมื่อปี พ.ศ. 2534 อัลเลน แบรนดี และแม่ ก็ได้สมาชิกใหม่ในครอบครัว คือ ไลชา (Leisha) ซึ่งป่วย อัลเลนมักมีหน้าที่ดูแลน้องสาวของเขาซึ่งได้แก่ แบรนดี (เกิด พ.ศ. 2522) และ ไลชา (เกิด พ.ศ. 2534) โดยเฉพาะไลชาซึ่งมีปัญหากับเปลเพราะมีอาการชักบ่อย

         ภาระค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ทำให้ครอบครัวมีหนี้สินมาก พ่อเลี้ยงของอัลเลน ไมเคิล ฟรีแมน (Michael Freeman) ติดคุกอยู่บ่อย ๆ หลังจาก ฟรีแมน ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 2534 เขาก็ตกงานและถูกจับในข้อหาพกยาเสบติดเพื่อจำหน่าย ฟรีแมนเป็นคนที่สอนไอเวอร์สันให้เล่นบาสเกตบอลจนเก่ง ในอดีตไอเวอร์สันเคยโทษพ่อเลี้ยงเขาแต่ปัจจุบันกลับภูมิใจในฟรีแมน ไอเวอร์สันเคยพูดไว้ว่า "เขาไม่เคยปล้นใคร" "เขาเพียงต้องการหาเลี้ยงครอบครัวเขา" ไอเวอร์สันพูดถึงวัยเด็กของเขาว่า "ตอนกลับถึงบ้าน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีอาหาร บางครั้งก็ไม่มีน้ำ ตอนที่มีน้ำก็ไม่มีน้ำร้อน อาศัยในบ้านที่ท่อน้ำทิ้งแตกข้างใต้พื้น และต้องทนดูน้องสาวใส่ถุงเท้าเดินในบ้าน เพราะพื้นเปียกจากท่อรั่ว กลิ่นเหม็นทำให้น้องสาวป่วย"

         มีคนสองคนที่เป็นแบบอย่างให้ไอเวอร์สันตอนยังเด็ก คือ แม่ของเขา และ โทนี คล็าก (Tony Clark) คนที่ไอเวอร์สันใกล้ชิดมาก เมื่อไอเวอร์สันโดดเรียน โทนี จะบอกกับแม่ไอเวอร์สันให้เธอมาจัดการ โทนีมีปัญหากับครอบครัวและเพื่อนสาว เขาถูกฆ่าตายตอนไอเวอร์สันอายุ 15 ปี ไอเวอร์สัน ไปคบกับ อันเดร สตีล (Andre Steele) แต่ตอนนี้ไอเวอร์สันเป็นคนดูแลสตีลแทน

ระดับไฮสคูล
         ตอนที่เขาอยู่ที่ บีเทลไฮสคูล (Bethel High School) ในแฮมพ์ตัน ไอเวอร์สันเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลและบาสเกตบอลที่เก่ง เขาได้รับการเสนอทุนจากทั่วประเทศเพราะเขาเล่นตำแหน่งควาเตอร์แบคพาทีมไปคว้าแชมป์ประจำมลรัฐระหว่างที่อยู่ปีที่ 3 ช่วงที่เขากำลังนำทีมบาสเกตบอลแข่งชิงแชมป์มลรัฐอยู่นั้น เขาก็ไปเล่นโบว์ลิงกับเพื่อนในวันวาเลนไทน์ปี 2536 ก็เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นระหว่างเพื่อนเขาซึ่งเป็นคนผิวดำและวันรุ่นผิวขาวหลายคน

         ไอเวอร์สันอ้างว่าเรื่องวิวาทกันเกิดจากการเหยียดสีผิว เขาถูกกล่าวหาว่าเอาเก้าอี้ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่ง เขาและเพื่อนอีกสามคนก็ถูกจับ ตอนอายุ 17 ปีไอเวอร์สันถูกตัดสินว่ามีความผิด และมีโทษจำคุก 15 ปี แต่ให้ลงอาญา 10 ปี ทุนการศึกษาต่าง ๆ ถูกยกเลิก เขาใช้เวลาสี่เดือนในเรือนจำพิเศษเมืองนิวพอร์ตนิวส์ซิตี (Newport News City Farm) ก่อนที่จะได้รับอภัยโทษโดยผู้ว่าการมลรัฐเวอร์จิเนีย ในปี 2538 ศาลอุทธรณ์ของเวอร์จิเนียก็กลับคำตัดสินเนื่องจากหลักฐานไม่ชัดเจน


ระดับมหาวิทยาลัย
         ระหว่างที่ไอเวอร์สันจำคุกอยู่นั้น แม่ของเขาก็ได้ไปอ้อนวอนโค้ชมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ จอห์น ทอมป์สัน (John Thompson) ให้ช่วยเหลือลูกเมื่อธันวาคม 2536 ฤดูใบไม้ผลิของ 2537 โค้ชได้ไปเยี่ยมไอเวอร์สันที่ไฮสคูล ริชาร์ด มิลเบิร์น (Richard Milburn High) ที่รับนักเรียนที่มีปัญหาโดยเฉพาะ และเสนอทุนให้ไอเวอร์สัน โดยมีข้อแม้ว่าจะถูกส่งกลับหากไม่ทำตามกฎของโรงเรียนและโค้ช

         ตอนที่เรียนอยู่ที่จอร์จทาวน์ ไอเวอร์สันเรียนสาขาศิลปศาสตร์ ซึ่งยังเป็นที่รู้จักในปัจจุบันสำหรับภาพล้อเลียนเพื่อนร่วมทีมและดารา

         เนื่องจากปัญหาทางการเงินของครอบครัว ไอเวอร์สันเรียนเพียงสองปีและหันไปเล่นอาชีพ ไอเวอร์สันได้รางวัลผู้เล่นเกมรับแห่งปี (Defensive Player of the Year) ของกลุ่มบิ๊กอีส (Big East) สองปี รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี (Rookie of the Year) เหรียญทองการแข่งขัน World University Games ที่ญี่ปุ่นปี 2538 ระหว่างที่เรียน


ในเอ็นบีเอ

ปี 2539 ถึง 2542
         หลังจากเล่นให้จอร์จทาวน์มาสองปี อัลเลน ไอเวอร์สัน ถูกดราฟเป็นคนแรกในการดราฟผู้เล่นเอ็นบีเอในปี 2539 (ค.ศ. 1996) โดยทีมฟิลลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอรส์ ไอเวอร์สัน สามารถพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นพอยท์การ์ดที่เก่งคนหนึ่งในเวลาไม่นานนัก ในเกมแรกที่เล่นเขาสามารถทำได้ 30 คะแนน และได้เลือกเป็นผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี (Schick Rookie of the Year) ของฤดูกาล 1996-97 (พ.ศ. 2539-40) โดยไอเวอร์สันเล่นได้เฉลี่ย 23.5 แต้ม (เป็นอันดับหกในเอ็นบีเอ) 7.5 แอสซิสต์ (อันดับ 11) และ 2.07 สตีล (อันดับ 7) นำผู้เล่นปีแรกคนอื่น ๆ ทั้งหมด

         ถึงแม้ว่าเขาจะเล่นได้ดีในสนาม ไอเวอร์สันมักไม่ลงรอยกับสื่อมวลชน และมักถูกผู้เล่น โค้ช นักข่าว พูดถึงเรื่องการไม่เคารพผู้เล่นอื่น และเรื่องการเล่นแบบเห็นแก่ตัวของเขา โดยใช้สถิติที่แย่ของทีมแม้ว่าผลงานส่วนตัวของไอเวอร์สันจะดีมาเป็นข้อสนับสนุน

         ในฤดูกาลต่อมา (1997-98) แม้ว่าไอเวอร์สันจะได้คะแนนเฉลี่ยน้อยลงเป็น 22 คะแนนต่อเกม แต่เขาก็เล่นเป็นทีมมากขึ้น ในฤดูกาล 1999-2000 (พ.ศ. 2542-43) ไอเวอร์สัน ก็ได้นำทีมเข้ารอบเพลย์ออฟเป็นครั้งแรก เขาเล่นได้ดีในปีนั้น เป็นผู้เล่นที่ทำคะแนนสูงสุดในเอ็นบีเอ ได้เล่นเป็นตัวจริงในเกมรวมดารา ไอเวอร์สันลงเล่นในเกมเพลย์ออฟทั้ง 10 เกม เฉลี่ยเกมละ 44.4 นาทีแม้ว่าจะมีปัญหาบาดเจ็บ เฉลี่ยในเพลย์ออฟได้ 26.2 แต้ม 4.5 แอสซิสต์ 4.0 รีบาวด์ และ 1.20 สตีลต่อเกม และทำคะแนนสูงสุด 40 คะแนนในเกมเปิดของรอบแรกกับชาล็อต เมื่อ 22 เมษายน


ฤดูกาล 2000-2001 กับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า
         ฤดูกาลที่ไอเวอร์สันเล่นได้ดีที่สุดน่าจะเป็น ฤดูกาล 2000-01 (พ.ศ. 2543-44) เขาพาทีมชนะรวดสิบเกมแรกของฤดูกาล ได้รับรางวาลผู้เล่นทรงคุณค่าในเกมรวมดารา ทำคะแนนและสตีลสูงสุดในเอ็นบีเอ และนำทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ลอสแองเจลีส เลเกอรส์ ซึ่งมีแชคิล โอนีล และ โคบี ไบรอันต์


ความสัมพันธ์กับโค้ชแลรี บราวน์
         โค้ชในระยะแรกในอาชีพการเล่นของไอเวอร์สันคือ แลรี บราวน์ โค้ชทีมเซเว่นตี้ซิกเซอรส์ ไอเวอร์สันมักยกย่องบราวน์ว่าเขาคงไม่ประสบความสำเร็จเท่านี้ถ้าไม่ได้การชี้นำของบราวน์ แต่ทั้งสองก็มีปัญหากระทบกระทั่งอยู่เสมอ โดยเฉพาะตอนที่เซเว่นตี้ซิกเซอรส์แพ้รอบแรกของเพลย์ออฟเอ็นบีเอปี 2002 (พ.ศ. 2545) บราวน์ว่าไอเวอร์สันเรื่องการไม่มาซ้อมกับทีม

         ตอนที่บราวน์ออกจากทีมเซเว่นตี้ซิกเซอรส์ในปี 2003 ทั้งบราวน์และไอเวอร์สันบอกว่าทั้งสองคนยังเข้าใจกันดีและชื่นชมอีกฝ่าย ตอนที่แข่งเพลย์ออฟกับดีทรอยต์ พิสตันส์ทีมใหม่ของบราวน์เกมหนึ่ง ไอเวอร์สันล้มลงเจ็บและไม่ได้ลุกขึ้น แลรี บราวน์เป็นคนแรกที่วิ่งไปช่วย ไอเวอร์สันและบราวน์ก็ได้ร่วมงานกันอีกครั้งในฐานะตัวแทนทีมชาติบาสเกตบอลชายของสหรัฐอเมริกาตอนแข่งกีฬาโอลิมปิกปี 2004


โอลิมปิกปี 2004
         ผลงานของทีมบาสเกตบอลสหรัฐอเมริกาในเกมโอลิมปีนั้นเป็นที่น่าผิดหวัง ไอเวอร์สันและเลอบรอน เจมส์ มาฝึกซ้อมสายและถูกลงโทษไม่ให้ลงแข่งหนึ่งเกม ไอเวอร์สันช่วยให้ทีมชนะในการแข่งเกมแรกโดยการชู้ดลูกลงห่วงทำให้ไม่ต้องเล่นช่วงต่อเวลา เกมต่อๆ มาทีมยังเล่นไม่ดีนัก สุดท้ายสหรัฐได้เพียงเหรียญทองแดง ผิดจากผลงานครั้งก่อนๆ


การเทรดปี 2006
         เมื่อ 18 เมษายน ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ไอเวอร์สัน และ คริสต์ เว็บเบอร์ มาสายในเกมสุดท้ายที่แข่งที่บ้านและเป็นเกมขอบคุณแฟนๆ ผู้เล่นจะต้องมารายงานตัวก่อนเวลาเล่น 90 นาที แต่ทั้งสองมาถึงก่อนเวลาเล่นเล็กน้อย โค้ชมอริส ชีกส์บอกกับสื่อมวลชนว่าทั้งสองจะไม่ได้ลงเล่นและผู้จัดการทีมบิลลี คิงประกาศว่าจะปรับทั้งคู่ ตลอดช่วงพ้นฤดูกาลของปี 2006 มีข่าวลือถึงการเทรดไอเวอร์สันไปเดนเวอร์ แอตแลนตา หรือ บอสตัน แต่ก็ไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้น ไอเวอร์สันก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่ายังอยากอยู่กับซิกเซอรส์ต่อไป

         หลังความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในการซ้อมเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2006 ไอเวอร์สันวิ่งออกจากสนาม เย็นวันนั้นไอเวอร์สันก็ไม่ได้ไปร่วมงานสปอนเซอร์ที่ผู้อื่นในทีมเข้าร่วมทั้งหมดยกเว้นไอเวอร์สัน ไอเวอร์สันถูกปรับ ต่อมาวันที่ 8 ธันวาคม ได้รับรายงานว่าไอเวอร์สันต้องการเทรดจากทีมซิกเซอรส์ วันที่ 19 ธันวาคมฟิลลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอรส์ ก็ได้ส่งไอเวอร์สันและฟอร์เวิร์ด อิแวน แม็กฟาร์ลิน แลกกับ อังเดร มิลเลอร์ โจ สมิธ และสิทธิ์การดราฟรอบแรกสองคน ของเดนเวอร์ นักเก็ตส์


เรื่องที่เป็นข่าว
         ไอเวอร์สันเป็นบุคคลที่ตกเป็นข่าวในทางที่ไม่ดีอยู่หลายครั้งตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น


พ.ศ. 2540
         ไอเวอร์สันและเพื่อนถูกตำรวจเรียกให้จอดรถหลังขับรถเร็วเกินกำหนดกลางดึก และถูกจับโทษฐานที่ซุกซ่อนอาวุธและมีกัญชาไว้ในครอบครอง เขาไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหาและถูกลงโทษให้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์[1]


พ.ศ. 2543
         ไอเวอร์สันบันทึกเพลงแร็พที่ชื่อ 40 Bars แต่เนื่องจากถูกวิพากย์วิจารณ์เรื่องเนื้อร้องที่ดูถูกพวกรักร่วมเพศโดยกลุ่มผู้คัดค้านและคอมมิชชันเนอร์ของเอ็นบีเอ เขาตกลงจะเปลี่ยนคำร้องแต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำอัลบัมออกเผยแพร่[2]


พ.ศ. 2545
         ไอเวอร์สันถูกกล่าวหาว่าโยนภรรยาของเขาออกจากบ้านหลังทะเลาะกัน คืนถัดมาไอเวอร์สันก็บุกไปบ้านลูกพี่ลูกน้องเขาเพื่อหาภรรยา จากบันทึกของตำรวจเขาขู่ที่จะฆ่าลูกพี่ลูกน้อง ชาร์ลส์ โจนส์ และเพื่อนร่วมห้องที่ไม่ยอมให้เข้าไป ไอเวอร์สันถูกจับและตั้งข้อหา 14 รายการ แต่สุดท้ายพ้นข้อหาเพราะคำให้การของพยานขัดแย้งกัน[3][4]


การแต่งกาย
         ในปี พ.ศ. 2548 คอมมิชชันเนอร์ของเอ็นบีเอ เดวิด สเตอร์น ออกกฎห้ามเครื่องแต่งกายที่เกี่ยวโยงกับวัฒนธรรมฮิปฮอป เช่น กางเกงยีนส์ขาบาน ผ้าโพกหัว เสื้อยืดยาวถึงเข่า เครื่องประดับขนาดใหญ่ รองเท้าทิมเบอร์แลนด์ เป็นต้น โดยมีบทลงโทษคือค่าปรับและห้ามเล่นถ้าทำผิดซ้ำหลายครั้ง[5]

         ไอเวอร์สันวิจารณ์กฎข้อนี้อย่างรุนแรง และกล่าวว่า การแต่งกายไม่สามารถเปลี่ยนตัวตนของแต่ละคน การเอาเรื่องฮิพฮอพไปโยงกับอาชญากรรม ยาเสพติด เป็นการเหยียดชนชั้น รวมทั้งสปอนเซอร์ของเอ็นบีเอ เช่น ไนกี รีบอก พูมา และ อะดีดาส ล้วนได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฮิปฮอป

ADS