ประวัติ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
สถานการณ์ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้าดาวยิงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เริ่มไม่แน่นอนเสียเเล้ว เมื่อหลายสำนักข่าวในตุรกีเยือนยันว่าเจ้าตัวใกล้ย้ายมาร่วมทัพ เฟเนบาห์เช่ ในเร็ววันนี้
"Turkish-football.com" รายงานว่าดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ กำลังจะย้ายมาร่วมทัพเฟเนบาห์เช่ หลังจากทั้งสองสโมสรมีการตกลงกันเเล้วและลุล่วงไปได้ด้วย โดยคาดกันว่าอาจจะมีการเปิดตัวภายในสุดสัปดาห์นี้เลย
สื่อเเดนไก่งวง เผยว่า "ข้อมูลตอนนี้คือ ฟาน เพอร์ซี่ กำลังจะเซ็นสัญญา 3 ปีกับทางเฟเนบาห์เช่ และเขากำลังจะเดินทางมาที่ประเทศตุรกีในช่วงสุดสัปดาห์นี้"
ก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ไม่ยืนยันถึงอนาคตของเขาว่าจะอยู่กับยูไนเต็ดต่อไปหรือว่าจะย้ายทีม นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าการหาประสบการณ์ใหม่ของดาวยิงวัย 31 ปี อาจจะเกิดขึ้นจริงก็เป็นได้
RVP เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปีศาจเเดงคว้าอันดับท๊อปโฟร์ตามเป้าหมาย และลงสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งหมด 27 เกมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาและทำไปทั้งหมด 10 ประตู
ชื่อจริง : โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
ฉายา : ฟลายอิ้ง ดัตช์แมน
วันเกิด : 6 สิงหาคม 1983 , อายุ 29
สถานที่เกิด : ร็อทเธอร์แฮม, ฮอลแลนด์
ส่วนสูง : 1.86 ซม.
ตำแหน่ง : กองหน้า
ฟาน เพอร์ซี เกิดในครอบครัวของศิลปิน โดยแม่ของเขาเป็นจิตรกร ขณะที่ พ่อเป็นนักประติมากรรม ในขณะที่ลูกชายมาเอาดีทางการเป็นศิลปินลูกหนังแทน โดยเขาได้เริ่มต้นเส้นทางสายลูกหนังกับทีมเยาวชนเอสบีวี เอ็กเซลซิเออร์ ขณะที่ อายุได้ 14 ปี
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีปัญหาไม่ลงรอยกับสตาฟฟ์โค้ช และแม่ของเขา ฟาน เพอร์ซี ก็ได้ย้ายไปอยู่กับเฟเยนูร์ด แทน ก่อนที่จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จนถูกเรียกขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่อย่างรวดเร็ว ด้วยอายุเพียง 17 ปี อีกทั้งยังโชว์ผลงานสุดแจ่ม กระทั่งคว้าตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมลีก ดัตช์ ประจำปี 2001-02 จากนั้นต้นสังกัดไม่รอช้า จับดาวเตะผอมบางเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพเป็นเวลาสามปีครึ่ง
ทว่าหัวหอกดาวรุ่งก็มีความขัดแย้งกับ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือของทีมในขณะนั้น จนถูดลดชั้นไปเล่นในทีมสำรอง "พฤติกรรมที่รับไม่ได้ของเขา บังคับให้ผมต้องลดชั้น โรบิน ไปอยู่กับทีมสำรอง และไม่มีความเป็นไปได้ที่เขาจะกลับมาอยู่ในทีมชุดใหญ่อีกแล้ว ในระหว่างที่ผมเป็นนายใหญ่ของเฟเยนูร์ด" คำพูดของโค้ชเบิร์ตดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการแตกหักในที่สุด
"โรบิน" ตกลงเซ็นสัญญา 4 ปีกับอาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2004 ด้วยค่าตัวเพียง 2.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 130 ล้านบาท) จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ราว 5 ล้านปอนด์ (250 ล้านบาท) ก่อนที่จะได้ประเดิมสนามด้วยการเป็นตัวสำรองในเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ซึ่ง “ปืนใหญ่” คว้าชัยเหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 ในเดือนส.ค. ปีเดียวกัน
ในช่วงแรก ฟาน เพอร์ซี ต้องลงเล่นเป็นตัวสำรองเป็นส่วนใหญ่ แถมยังถูกโยกไปยืนปีกซ้ายซะเยอะ เพราะช่วงนั้น "เดอะ กันเนอร์ส" ใช้งาน เธียร์รี่ อองรี เป็นหน้าเป้า และยังมี โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส อีกตัว ทำให้เจ้าตัวเข้าๆออกๆ ในทีมชุดใหญ่
อย่างไรก็ดีในช่วงต้นซีซั่น 2005-06 หัวหอกชาวดัตช์ เริ่มปรับตัวเข้ากับทีมได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนได้รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายน หลังจากซัดไป 8 ลูก แต่ว่าอดีตแข้งเฟเยนูร์ด เจออาการบาดเจ็บถามหาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2006 จนหายหน้าไปนานหลายเดือนก่อนจะกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมนัดชิงยูซีแอล ซึ่งพบกับ บาร์ซ่า แต่ก็ไม่ได้สัมผัสเกมแต่อย่างใดระหว่างซีซั่น 2007-08 อองรี ดาวยิงอมตะ ตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพบาร์เซโลน่า ส่งผลให้ ฟาน เพอร์ซี่ กลายเป็นดาวยิงตัวหลักของอาร์เซน่อล แต่ช่วงเวลาดังกล่าว อาการบาดเจ็บเป็นปัญหาใหญ่ของเจ้าตัว เป็นเหตุให้ "ฟลายอิ้งดัตช์แมน" ไม่อาจเค้นศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่
ฤดูกาล 2008-09 ถือเป็นช่วงที่ ฟาน เพอร์ซี่ ท็อปฟอร์มที่สุด โดยเขาทำได้ถึง 20 ประตูในทุกถ้วย และนั่นทำให้เขาได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลจากการลง คะแนนของแฟนๆ ผ่านเว็ปไซต์สโมสร ทว่าในขณะที่ฟอร์มกำลังรุ่งๆ อยู่นั้น ฟาน เพอร์ซี ก็โชคร้ายข้อเท้าหักระหว่างการเล่นให้ทีมชาติ จนทำให้ต้องพักยาวถึง 5 เดือน ก่อนที่จะกลับมาลงสนามได้ในช่วงเดือนเม.ย. 2010 ก่อนที่จะจบซีซั่นด้วยสถิติทำ 9 ประตูจาก 16 นัดในพรีเมียร์ลีก
หลังการย้ายไปอยู่บาร์ซ่าของ ฟาเบรกาส ในช่วงซัมเมอร์ปี 2011 เวนเกอร์ ก็ได้แต่งตั้งให้ ฟาน เพอร์ซี เป็นกัปตันทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการ โดยเขาต้องรับบทหนักในการรับภาระผู้นำในยามที่ไม่มีสองตัวเก่งอย่าง ฟาเบรกาส และ ซาเมียร์ นาสรี่ ที่ย้ายไปอยู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประวัติ โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ในส่วนของทีมชาตินั้น ฟาน เพอร์ซี ติดทีมชุดใหญ่ของฮอลแลนด์เป็นครั้งแรก ในเกมคัดบอลโลก 2006 กับโรมาเนีย ก่อนที่จะทำประตูแรกได้ในเกมที่พบกับ ฟินแลนด์ นัดต่อมาดาวเตะปืนใหญ่ ติดทีมกังหันสีส้มมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย, ยูโร 2008 และศึกฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งฮอลแลนด์ ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนที่จะไปพ่าย สเปน 0-1
ฤดูกาลล่าสุด (2011-12) ถือเป็นปีทองของ ฟาน เพอร์ซี่ หลังจากกดไปถึง 30 ประตูจากการลงสนาม 38 นัด นอกจากนี้ ปัญหาอาการบาดเจ็บที่เคยหลอกหลอนเจ้าตัวก็ถูกพับเก็บใส่ลิ้นชักเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะช่วยต้นสังกัดคว้าอันดับสามในพีเมียร์ลีก ส่งผลให้กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ กลายเป็นหนึ่งในแปดดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรอาร์เซน่อล ด้วยการกดไปทั้งสิ้น 132 ประตูจากการลงสนาม 277 นัด ทั้งนี้บาบาทของ ฟาน เพอร์ซี่ กับไอ้ปืน
ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2013 เขาทำแฮตทริกได้ในครึ่งแรกกับนัดที่พบกับแอสตัน วิลล่าเพื่อเป็นการย้ำชัยชนะและย้ำความเป็นแชมป์ครั้งที่ 20 ใน 4 เกมที่เหลืออยู่ในมือ ประตูที่สองที่ได้มาจากเวย์น รูนี่ย์ที่ผ่านบอลจากด้านหลัง เขาจึงวอลเลย์ลูกบอลเข้าไปตุงตาข่ายจากนอกกรอบเขตโทษแฟนบอลปิศาจแดงต่างโหวตให้โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ได้รับรางวัล Sir Matt Busby Player of the year สำหรับฤดูกาล 2012/2013 และเขาก็มีชื่อติดอยู่ใน 10 รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งยุโรปประจำฤดูกาล 2012/2013
ฤดูกาล 2013-2014 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่เริ่มแคมเปญด้วยการยิงประตูวีแกน แอธเลติกในเกมคอมมูนิตี้ชิลด์ 2-0 เป็นของขวัญที่เป็นเกียรติแก่เดวิด มอยส์ผู้จัดการทีมคนใหม่ ในวันที่ 17 กันยายน 2013 แข้งฮอลแลนด์ผู้นี้ทำประตูแรกในลีกได้ด้วยการวอลเลย์สุดสวยในเกมที่เอาชนะสวอนซี 4-1