ประวัติ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
|
01/01/1970 07:00 น.
|
491 Views
แดเนียล สเตอร์ริดจ์ หัวหอกจอมเซิ้งทีมชาติอังกฤษออกมาเผยว่า ตัวเขาไม่แยแสว่าจะหลุดจากการเป็นตัวจริงในทีมชาติ แม้หัวหอกรุ่นน้องอย่าง แฮร์รี่ เคน กำลังฟอร์มฮอตแบบสุด ๆ กับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ก็ตาม
เดมี่ เมล์ ได้เผยบทสัมภาษณ์ของ สเตอร์ริดจ์ ว่า " ทำไมผมต้องคอยจ้องมองความงามของผู้อื่นหรือความสำเร็จเหล่านั้นด้วย มันไม่สำคัญสำหรับผมเลย ผมจำเป็นต้องใส่ใจกับมันหรือเปล่า ? "
" เมื่อคุณเอาแต่จ้องมองคนอื่น คุณก็ไม่เป็นอันทำอะไรในชีวิตของคุณ สิ่งที่ แฮร์รี่ เคน ทำได้ดีมันจะทำให้ตัวเขาประสบความสำเร็จได้ แต่ผมจะไม่ไปเฝ้าดูสิ่งที่เขาทำ ผมแค่ต้องเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น "
ปัจจุบัน แฮร์รี่ เคน สามารถถล่มประตูในลีกถึง 16 ประตู จากโอกาสลงสนามเพียง 18 นัด เท่านั้น และมีโอกาสที่ รอย ฮ็อดจ์สัน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษจะส่งเขาลงสนามเป็นตัวจริงในเกมทีมชาติที่จะถึงนี้ด้วย
ชื่อเต็ม : แดนี่ยล อังเดร สเตอร์ริดจ์
สัญชาติ : อังกฤษวันเกิด : 1 กันยายน 1989ส่วนสูง : 185 เซ็นติเมตรน้ำหนัก : 76 กกหมายเลขเสื้อ : 23สโมสรเดิม : แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซีต้นสังกัดปัจจุบัน : ลิเวอร์พูล
ตำแหน่ง : กองหน้า
แดนี่ยล อังเดร สเตอร์ริดจ์ เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1989 ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับโสมสรลิวเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า ถิ่นกำเนิดของเจ้าตัวอยู่ที่เบอร์มิงแฮม เป็นหลานชายแท้ๆของ ดีน สเตอร์ริดจ์ อดีตหัวหอกดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทั้งนี้ แดนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เคยเป็นนักเตะระดับเยาวชนของแอสตัน วิลล่า ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ โคเวนทรี และเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับแมนฯ ซิตี้ ในปี 2003 ซึ่งกองหน้าผิวสีโชว์ผลงานในระดับเยาวชนให้กับ "เรือใบสีฟ้า" ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพาทีมเข้าชิงเอฟเอ ยูธ คัพ ถึงสองสมัยสเตอร์ริดจ์ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 2007/08 ในเดือนมกราคมภายใต้การคุมทีมขอสเวน โกรัน อีริคสัน เขาทำประตูได้ 2 ประตูภายในเวลาห่างกันเพียง 4 วัน รวมถึงประตูตีเสมอดาร์บี้ ที่ช่วยให้ทีมได้คะแนนกลับออกมาอย่างไรก็ตาม หลังจากหมดสัญญากับแมนเชสเตอร์ซิตี้เมื่อกลางปี 2009 สเตอร์ริดจ์ วัย 20 ปีในขณะนั้นเลือกที่จะมาพัฒนาฝีเท้ากับเชลซี โดย "สิงห์บลูส์" ยอมควักกระเป๋าจ่ายเป็นเงิน 3.5 ล้านปอนด์และเพิ่มขึ้นเป็น 6.5 ล้านปอนด์ขึ้นอยู่กับจำนวนเกมที่เขาลงเล่นให้ต้นสังกัด และทีมชาติอังกฤษ และ กองหน้าเท้าซ้ายเริ่มสร้างผลงานในทีมชุดใหญ่ด้วยการทำ 4 ประตูจากการลงสนาม 3 นัดในเอฟเอคัพกับวัตฟอร์ด เปรสตัน นอร์ธเอนด์ และคาร์ดิฟฟ์ ในเดือนมกราคมปี 2010 เขายังได้รับการโหวตให้เป็นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรในปีนั้นด้วย
วันที่ 31 มกราคม 2011 สเตอร์ริดจ์ ถูกปล่อยให้ โบลตัน ยืมตัวไปใช้งานจน หลังจากย้ายไปอยู่กับ "เดอะ ทร็อตเตอร์ส" ได้เพียง 2 วัน ดาวยิงจอมลีลาก็ได้ลงสนามอย่างรวดเร็ว และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟนบอลโบลตัน ต้องผิดหวัง เมื่อเขาจัดการซัด 4 ประตู จากการลงเล่นในช่วง 4 เกมแรกที่พบกับ วูล์ฟส์, สเปอร์ส, เอฟเวอร์ตัน และนิวคาสเซิ่ล ตามลำดับ และกลายเป็นนักเตะคนที่ 6 ในพรีเมียร์ลีกที่สามารถยิง 4 ประตู ใน 4 เกมดังกล่าวอีกด้วย จากนั้น สเตอร์ริดจ์ ก็ย้ายกลับต้นสังกัดแม่ พร้อมกับฝากความประทับใจไว้ให้กับสาวก "เดอะ ทร็อตเตอร์ส" ด้วยการกดไปทั้งสิ้น 8 ตุงใน 12 นัดในวันขึ้นปีใหม่ปี 2013 กองหน้าวัย 23 ปี ตัดสินใจหนีตัวสำรองจากเชลซี มาเสี่ยงโชคชะตาค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล ด้วยสัญญาค้าแข้ง 4 ปี ภายใต้การคุมบังเหียนของ เบรนแดน รอดเจอร์ส โดยเขาจะเข้ามาเสริมแนวรุกให้กับ "หงส์แดง" เคียงข้างกับ หลุยส์ ซัวเรซ ด้วยค่าตัวที่ไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าตัวเลขน่าจะตกอยู่ราวๆ 12 ล้านปอนด์ (ประมาณ 600 ล้านบาท) โดย สเตอร์ริดจ์ ลงสนามเกมแรกก็พังประตูได้เลยในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่เจอกับ แมนส์ฟิลด์จากนั้นเจ้าตัวก็เบิกสกอร์ให้ตัวเองได้อีก 2 ตุงในอีก 2 เกมถัดมาในพรีเมียร์กที่เจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด (แพ้ 1-2) กับ นอริช (ชนะ 5-0) ตามลำดับ จึงกลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงได้ 3 ลูกติดต่อกันในฐานะนักเตะใหม่ต่อจาก เรย์ เคนเนดี้ ตั้งแต่ปี 1974 และสดๆร้อนในแมตช์ถล่มสวอนซี 5-0 กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ยังกดจุดโทษปิดท้ายให้ทีมได้อีกด้วยสเตอร์ริดจ์เริ่มต้นฤดูกาลปี 2013-2014 โดยที่เขาสามารถยิงประตูแรกในฤดูกาลนี้ได้ ซึ่งเป็นประตูเดียวเท่านั้น ส่งให้ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะเหนือสโต็ค ซิตี้ ด้วยการยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ ตามมาด้วยประตูในเกมที่บุกไปเอาชนะแอสตัน วิลล่า 1-0 และอีกครั้งในแมชต์ลีกคัพ ที่ต้องพบกับน็อตต์ส เค้าน์ตี้อีก 2 ลูก ทำให้เขายิงประตูในฤดูกาลนี้ทั้งหมด 4 ลูก จาก 3 เกม เขายังไม่หยุดแค่นั้น เขายังมายิงประตู 1-0 กับการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันเกิดครบ 24 ปีของเขาที่แอนฟิลด์
Previous Post
แซมซั่น กระทิงแดงยิม
Next Post
หลุยส์ อัลแบร์โต้