ประวัติ แกเร็ธ เบล

| 01/01/1970 07:00 น. | 914 Views

 

     เมาริซิโอ โปเช็ตติโน เทรนเนอร์ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ยอมรับ พร้อมดึง แกเร็ธ เบล คืนถิ่นเก่า หากสโมสรมีเงื่อนไขคว้าแข้งรายนี้เป็นทีมแรกในกรณีที่ เรอัล มาดริด ต้องการปล่อยตัวนักเตะก่อนปี 2019

     รายละเอียดในสัญญาของปีกทีมชาติเวลส์ ตอนย้ายร่วมทัพราชันชุดขาว ถูกเปิดเผยแบบละเอียดยิบเมื่อวานนี้ ทำให้ทุกฝ่ายรู้ว่า ค่าตัวของเขาในการย้ายทีมครั้งนี้สูงเกือบ 101 ล้านยูโร และ ไก่เดือยทองยังถือสิทธิ์ดึงนักเตะเป็นทีมแรกอีกด้วย

     "ผมไม่รู้นะ มันเป็นแค่ข่าวลือ แต่ถ้าเรามีเงื่อนไขเซ็นเขากลับมาจริง ทำไม่มันจะไม่ได้ล่ะ?" โค้ชชาวอาร์เจนไตน์ กล่าว

     "เขาเป็นผู้เล่นชั้นยอดและสามารถยกระดับขุมกำลังในทีมได้ เขาคือนักเตะประเภทที่เราตามหา"

ขุมกำลังในทีมได้ เขาคือนักเตะประเภทที่เราตามหา"

     ทั้งนี้ เบลทำผลงานได้โดดเด่นในฤดูกาลนี้ หลังยิงรวมทุกรายการ 13 ประตู พร้อมทำอีก 9 แอสซิสต์ แต่ล่าสุดเจ้าตัวอยู่ในระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา

 

ข้อมูลส่วนตัว 
ชื่อ : แกเร็ธ แฟรงค์ เบล 
วันเกิด : 16 กรกฎาคม 1989 
เกิดที่ : คาร์ดิฟฟ์, เวลส์ 
ตำแหน่ง : ปีก / กองกลางตัวรุก 
ส่วนสูง : 186 ซม. 
สโมสรปัจจุบัน : สเปอร์ส
หมายเลขเสื้อ : 11 
 
     แกเร็ธ เบล ตัวรุกท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในช่วง 2 ฤดูกาลหลัง โดยมีบุคลิก และสไตล์การเล่นค้ายคลึงกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่อาจจะมีใบหน้าไม่หล่อเหลาเหมือนกับสตาร์โปรตุกีสเท่านั้นเอง 

 
     เบล เกิดที่คาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของเวลส์ และเป็นหลานชายของ คริส ไพค์ อดีตผู้เล่นของสโมสรคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ อีกด้วย โดยสมัยที่เจ้าตัวอายุได้ 9 ขวบ เจ้าตัวก็ได้รับความสนใจจากแมวมองของเซาท์แธมป์ตัน จากนั้น เบล ก็เข้าเรียนที่โรงเรียนวิทเชิร์ช ไฮสคูล ในคาร์ดิฟฟ์ ที่ซึ่งเขาลงเล่นรักบี้, ฮ็อคกี้ และวิ่งระยะไกล ไปพร้อมกับการเล่นฟุตบอล โดยระหว่างที่เรียนที่วิทเชิร์ช ดาวรุ่งชาวเวลส์ ก็ได้ฝึกฝีเท้ากับสถาบันลูกหนังของทีม "นักบุญ" ที่เมืองบาธ ไปด้วยพร้อมๆ กัน
 
     เมื่ออายุได้ 16 ปี เบล ก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของโรงเรียนคว้าแชมป์ "คาร์ดิฟฟ์ แอนด์ เวล ซีเนียร์ คัพ" ไปครอง และเมื่อเรียนจบในช่วงซัมเมอร์ 2005 แผนกพลศึกษาของโรงเรียนก็ได้มอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านกีฬาให้กับดาวรุ่งรายนี้ด้วย
 
     เบล พัฒนาฝีเท้าได้อย่างรวดเร็วและเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะจอมยิงฟรีคิกของ "นักบุญ" ขณะที่เกมสุดท้ายของดาวเตะหน้าลิงกับเซาแธมป์ตัน เป็นเกมเพลย์ออฟแชมเปี้ยนชิพ รอบรองชนะเลิศ กับดาร์บี้ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2007 แต่เจ้าตัวกลับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในช่วงครึ่งหลังจนไม่สามารถฝืนเล่นต่อไปได้ โดยปีก/แบ็คซ้ายชาวเวลส์ ลงเล่นให้ "นักบุญ" ไปทั้งหมด 45 นัด และทำไป 5 ประตู
 
     จากนั้น เบล ก็ได้ย้ายไปค้าแข้งกับ สเปอร์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2007 และเซ็นสัญญาเป็นเวลา 4 ปี โดย "ไก่เดือยทอง" จ่ายค่าตัวไป 5 ล้านปอนด์ (ราว 300 ล้านบาทในเวลานั้น) พร้อมกับอ็อปชั่นที่ว่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมหากว่า เบล สามารถช่วยให้สเปอร์ส ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งคาดว่ารวมๆ แล้วอาจจะสูงถึง 10 ล้านปอนด์
 
     เบล ประเดิมสนามนัดแรกให้สเปอร์ส ในเกมอุ่นเครื่องกับเซนต์ แพทริค เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2007 ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวในช่วงท้ายเกมเนื่องจากบาดเจ็บ จากนั้น เบล ก็สามารถพังประตูแรกให้ "ไก่เดือยทอง" ในแมตช์อย่างเป็นทางการได้สำเร็จในเกมที่เสมอกับฟูแล่ม 3-3 เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2007 ก่อนที่จะตามมาด้วยการทำสกอร์จากฟรีคิกในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งลอนดอนเหนือกับอาร์เซน่อล และตามด้วยการทำประตูในเกมลีก คัพ ที่พบกับมิดเดิลสโบรช์  ซึ่งทำให้ดาวรุ่งวัย 18 ปีในเวลานั้น กลายเป็นขวัญใจแฟนบอลสเปอร์ส อย่างรวดเร็ว หลังทำไป 3 ประตูจากการลงสนาม 4 นัดแรก
 
     ในช่วงต้นเดือนธ.ค. 2007 เบล ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวาอย่างรุนแรง จนต้องพักนานหลายเดือน อย่างไรก็ตาม ในเดือนส.ค. 2008 เจ้าตัวก็ได้เซ็นสัญญากับสเปอร์ส เพิ่มอีก 4 ปีแม้ส่วนตัวแล้วจะทำผลงานได้ดี แต่ไม่น่าเชื่อว่า เบล จะมีสถิติลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก 24 นัดให้สเปอร์ส โดยที่ทีมไม่ชนะเลย ซึ่งกว่าที่เขาจะได้สัมผัสชัยชนะในลีกเป็นนัดแรกก็ต้องรอจนถึงเกมที่พบกับเบิร์นลี่ย์ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2009 ซึ่งกินเวลามากกว่า 2 ปี หลังจากที่เซ็นสัญญาในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน โดยเกมดังกล่าวเขาถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 85
 
     ฤดูกาล 2010-11 เบล เริ่มต้นได้อย่างสวยหรูเมื่อเหมาคนเดียว 2 ประตูให้ทีมชนะสโต๊ค ซิตี้ 2-1 เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2010 และถัดมาอีก 4 วัน เขาก็ทำแอสซิสต์ทั้ง 4 ลูกให้ สเปอร์ส ถล่ม ยัง บอยส์ เบิร์น จากสวิตเซอร์แลนด์ 4-0 ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟ ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน


 
     ฤดูกาล 2012-13 เบล เปลี่ยนมาใส่เสื้อหมายเลข 11 ซึ่งเป็นเบอร์ไรอัน กิ๊กส์ ขวัญใจของเขาในทีมชาติเวลส์ นั่นเอง ในซีซั่นนี้ เบล ทำแฮตทรกแรกให้กับตัวเองในพรีเมียร์ลีก ในนัดบ็อกซิ่ง เดย์ ที่บุกถล่มแอสตัน วิลล่า 4-0 จากนั้นสตาร์ "มังกรแดง" ก็ทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง และมีลูกสวยๆมาให้เห็นมากมาย โดยเฉพาะลูกโซโล่เดี่ยวจากกลางสนามในเกมเสมอนอริช 1-1 ตามด้วยยิงไกลสุดสวยในนัดยกพลทุบเวสต์บรอมวิช 1-0 ก่อนที่ เบล จะกดประตูทะลุ 15 ตุงในเกมชนะนิวคาสเซิ่ล 2-1 และล่าสุด "พญาวานร" ยังฟอร์มแรงแบบฉุดไม่อยู่ โดยเขาจัดการซัดประตูอริร่วมเมืองอาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2013 ตามด้วยประตูเบิกร่องในแมตช์ต้อน อินเตอร์ มิลาน 3-0 ในศึกยูโรป้า ลีก เลกแรก 
 

ADS