ประวัติ โธมัส มุลเลอร์
|
01/01/1970 07:00 น.
|
4658 Views
กุนซือชาวเยอรมันชมดาวยิงตัวเก่งของทีมว่าเหมือนมีสัมผัสทีหก ซึ่งทำให้เขาทำประตูสำคัญๆ ได้อยู่เสมอ
ชื่อ : โธมัส มุลเลอร์วันเกิด : 13 กันยายน 1989เกิดที่ : วิลไฮม์, เยอรมนีตำแหน่ง :กองหน้า / มิดฟิลด์ตัวรุก / ปีกส่วนสูง : 186 ซม.สโมสรปัจจุบัน : บาเยิร์น มิวนิคหมายเลขเสื้อ : 25
โมัส มุลเลอร์ เกิดที่เมือง วิลไฮม์ พร้อมกับเริ่มต้นการเป็นนักเตะเยาวชนเมื่ออายุได้ 10 ขวบ ให้กับทีมฟาล ก่อนจะไปเตะตาแมวมองของบาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมจากบุนเดสลีก้า ทำให้มุลเลอร์ ย้ายไปร่วมทัพ "เสือใต้" เมื่อปี 2000 (11 ขวบ) ทั้งนี้ดาวเตะร่างบาง สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำ, มิดฟิลด์ตัวรุกหรือแม้กระทั่งปีก โดยแม้จะมีอายุเพียง 20 ปี แต่เจ้าหนูรายนี้ก็ได้รับการยกย่องในวงกว้าง ทั้งในเรื่องของความเร็ว, เทคนิค, การครองบอล, ความเฉียบขาดในการพังประตู และการจ่ายบอลอัญชาญฉลาดหลังจากที่
ในระดับเยาวชน มุลเลอร์ พัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกับสามารถพาทีมคว้ารองแชมป์บุนเดสลีก้า ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี เมื่อปี 2007 จากนั้น ในเดือนมีนาคม 2008 "ไอ้หนูมหัศจรรย์" ก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในทีมสำรองของทีม "เสือใต้" อย่างรวดเร็ว โดยเกมแรกเป็นการพบกับ อุนเตอร์ฮัคกิ้ง ซึ่งเจ้าตัวสามารถทำประตูได้ด้วยฤดูกาลถัดมา บาเยิร์น ลงเล่นในลีก้า 3 ซึ่งเพิ่งก่อตั้งใหม่ และ มุลเลอร์ ก็กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญด้วยการลงเล่น 32 จาก 38 เกม และทำไป 15 ประตูก่อนจะจบซีซั่นด้วยการเป็นดาวซัลโวอันดับที่ 5 ด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจทำให้ มุลเลอร์ ถูกเรียกตัวไปเล่นในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในช่วงปรีซีซั่น 2008-09 ก่อนจะได้ประเดิมสนามในศึกบุนเดสลีก้ากับ ฮัมบูร์ก เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2008โดยฤดูกาลนั้น "ไอ้นกกระยาง" ลงเล่นในเกมลีกเพิ่มอีก 3 นัด และได้ลงเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2009 หลังจากที่ถูกเปลี่ยนตัวลงไปในนาทีที่ 72 แทน บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์ ในเกมที่ถล่ม สปอร์ติง ลิสบอน 7-1 และเขายังทำประตูสุดท้ายให้บาเยิร์น ถล่มคู่แข่งจากโปรตุเกสรวม 2 นัด 12-1 ด้วย
เดือนก.พ. 2009 มุลเลอร์ ก็ได้เซ็นสัญญาฉบับแรกกับทีมชุดใหญ่ โดยมีผลตั้งแต่ฤดูกาล 2009-10 เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมสำรองที่เติบโตมาด้วยกันอย่าง โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ และนับตั้งแต่ หลุยส์ ฟาน กัล เข้ามาคุมทัพ "เสือใต้" ทั้ง มุลเลอร์ และ บาดสตูเบอร์ ก็ได้ลงเล่นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง และมุลเลอร์ ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจาก แกร์ด มุลเลอร์ อดีตตำนานกองหน้าทีมชาติเยอรมนีเดือนกุมภาพันธ์ 2010 มุลเลอร์ ตัดสินใจต่อสัญญาค้าแข้งในถิ่นในถิ่นอลิอันซ์ อารีน่า ไปจนถึงปี 2013 โดยช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ดาวเตะจอมถล่มประตูมักจะเล่นในตำแหน่งหน้าต่ำ โดยประสานงานร่วมกับฟรองค์ ริเบรี่ และ อาร์เยน ร็อบเบน โดยในเกมนัดก่อนรองสุดท้ายของซีซั่น มุลเลอร์ ทำแฮตทริกแรกให้กับ "เสือใต้" ในเกมที่ชนะ โบคุ่ม 3-1 และช่วยให้ยักษ์ใหญ่แห่งบาวาเรียคว้าแชมป์บุนเดสลีก้ามารองได้สำเร็จ โดยเจ้าหนูวัย 20 ปีลงเล่นในเกมลีกครบทั้ง 34 นัด โดยเป็นตัวจริงถึง 29 ครั้ง และทำไป 13 ประตูบวกกับช่วยผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูอีก 11 ครั้ง
มุลเลอร์ ก็ทำอีก 1 ประตูและแอสซิสต์อีก 2 ครั้งให้ บาเยิร์น ถล่มแวร์เดอร์ เบรเมน 4-0 ในรอบชิงชนะเลิศเดเอฟเบ โพคาล ซึ่งทำให้ทีมของ ฟาน กัล คว้าดับเบิลแชมป์ได้สำเร็จ และนั่นทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสูงสุดให้กับทีมในฤดูกาล 2009-10อย่างไรก็ตาม มุลเลอร์ พลาดโอกาสที่จะคว้าทริปเปิลแชมป์กับตั้นสังกัดอย่างน่าเสียดาย เมื่อพวกเขาพ่ายให้กับ อินเตอร์ มิลาน ยุค มูรินโญ่ ในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่กรุงมาดริด ซึ่งเกมดังกล่าว "เสือใต้" พ่ายแท็คติกของจ่ามู ไปอย่างราบคาบ 0-2 อย่างไรก็ตาม ปรากฎว่าทั้งซีซั่นดาวโรจน์รายนี้ ลงเล่นไป 52 เกมและทำได้ 19 ประตูในทุกถ้วย และได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ "คิกเกอร์" แม็กกาซีนลูกหนังเล่มดังของเมืองเบียร์ จากการโหวตของเพื่อนร่วมอาชีพ
จากนั้น เขาก็ถูก โยอาคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์ เรียกให้มาติดทีมชาติเยอรมัน ชุดใหญ่ ก่อนจะได้ลงเล่นเป็นครั้งแรกในเกมกระชับมิตรที่แพ้ อาร์เจนติน่า 0-1 ในเดือนมี.ค. 2010 จากนั้น ซึ่งเป็นเกมที่เล่นกันในอลิอันซ์ อารีน่า สนามของบาเยิร์น นั่นเองผลงานที่โดดเด่นในลีกกับ "เสือใต้" ทำให้ มุลเลอร์ มีชื่อติดทีม "อินทรีเหล็ก" ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก ที่แอฟริกาใต้ และได้สวมเสื้อหมายเลข 13 แทนที่ มิชาเอล บัลลัค กัปตันทีม ที่โชคร้ายชวดลงเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้เนื่องจากได้รับบาดเจ็บอย่างหนักที่ข้อเท้าแม้ว่าจะลงเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก แต่ มุลเลอร์ ก็แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว เริ่มจากทำประตูแรกในทีมชาติชุดใหญ่ในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่ง "อินทรีเหล็ก" ถล่ม ออสเตรเลีย 4-0 จากนั้น มุลเลอร์ ก็ทำ 2 ประตูในนัดที่ชนะอังกฤษอย่างขาดลอย 4-1 ตามด้วยการทำอีกประตูในนัดที่ต้อน "ฟ้า-ขาว" อาร์เจนติน่า ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนที่จะโชคร้ายหมดสิทธิ์ลงเล่นในรอบตัดเชือก เพราะติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบโควต้า และทีมของ เลิฟ ก็ต้องพ่ายให้กับ สเปน หวุดหวิด 0-1มุลเลอร์ กลับมาลงเล่นได้อีกครั้งในนัดชิงที่ 3 ซึ่งเขาก็ทำประตูที่ 5 ได้สำเร็จ ในเกมที่เยอรมนี เฉือนชนะ อุรุกวัย 3-2 และนั่นทำให้ดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการฟุตบอลเยอรมันเป็นดาวซัลโวเท่ากับดาวิด บีย่า, เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ และ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน แต่ มุลเลอร์ คว้ารางวัลรองเท้าทองคำมาครองเพราะทำแอสซิสต์มากที่สุดในบรรดาผู้เล่นทั้ง 4 คน ไม่เพียงเท่านั้น เขายังคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลกไปอีกหนึ่งตำแหน่ง
ปัจจุบัน มุลเลอร์ กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ บาเยิร์น ในซีซั่นนี้ ด้วยการซัดไปแล้ว 12 ประตู จากการลงสนามไป 25 เกม พร้อมกับพาต้นสังกัดผงาดคว้าแชมป์บุนเดสลีก้า ไปอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังพา "เสือใต้" ถ่ลม บาร์เซโลน่า ยอดทีมแห่งสเปน ไป 4-0 พร้อมกับยิงคนเดียวสองตุง ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ เลกแรก เมื่อคืนวันอังคาร ที่ 24 เมษายน 56 ส่งผลให้โอกาสผ่านเข้าชิงเป็นปีที่สองติดต่อกันมีสูงมาก
Previous Post
เดิร์ก โนวิทซกี้
Next Post
ฟลอยด์ เมย์เว็ทเธอร์ จูเนียร์