ประวัติ ลูอิส แฮมิลตัน

| 01/01/1970 07:00 น. | 449 Views

แฮมิลตัน โร่เคลียร์ ไม่ได้จวก เวทเทล

     ลูอิส แฮมิลตัน นักขับของทีมเมอร์เซเดส ออกโรงชี้แจงด้วยความเคารพต่อความคิดเห็นของเขาที่ว่า เซบาสเตียน เวทเทล นักขับชาวเยอรมันของทีมเร้ด บูลล์ เป็นผู้ทำให้การแข่งขันฟอร์มูล่า วัน เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ

     นักขับชาวอังกฤษรายนี้ ได้ออกความเห็นว่า แฟนๆ จะดูการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน ลดน้อยลง เพราะ เวทเทล ไร้เทียมทานเกินไป หลังจากที่ เวทเทล คว้าแชมป์สนาม โคเรียน กรังค์ปรีซ์ ได้อีก เมื่อวันอาทิตย์

     แฮมิลตัน ได้เขียนผ่านทวิตเตอร์ว่า "สวัสดีตอนเช้าครับ ทุกคน กรุณาอ่านเรื่องราวของความคิดเห็นของผมที่มีต่อ เซบ ผมรู้สึกว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จริงๆ แล้ว ผมคิดว่า เซบ เป็นแชมเปี้ยนที่ยิ่งใหญ่นะ"

     "ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ทั้งสนุกสนานและอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งสมควรเป็นอย่างยิ่งกับทุกความสำเร็จที่เขาได้รับ ผมชื่นชมความทุ่มเทและความสามารถของเขาที่แสดงออกมา โดยเขาแสดงศักยภาพได้อย่างต่อเนื่องและไม่มีข้อผิดพลาดเลย นี่แหละคือสัญลักษณ์ของแชมเปี้ยนตัวจริง"

     "ไม่ว่าอะไรที่คุณและผมอาจจะคิดเกี่ยวกับเรื่องรถของเซบ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ประสบความสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบอยู่ดี ผมรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่ผมได้มาแข่งฟอร์มูล่า วัน ในยุคที่มีนักขับที่เก่งกาจมากมายหลายคนอย่างเช่นเขา ขอให้พระเจ้าคุ้มครองและให้เขามีวันที่น่าตื่นตาตื่นใจต่อไป"

     ในตอนนี้ เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เวทเทล จะคว้าแชมป์โลกของฟอร์มูล่า วัน เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน

2013-10-10

ชื่อ : ลูอิส แฮมิลตัน
 
เชื้อชาติ : อังกฤษ
 
วันเกิด : 7 มกราคม 1985
 
อายุ : 28 ปี
 
สถานที่เกิด : เมืองสตีฟเนจ ประเทศอังกฤษ
 
ต้นสังกัด : เมอร์เซเดส

 

     ลูอิส แฮมิลตัน นักแข่งชาวอังกฤษผิวสี ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแข่งที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ด้วยวัย 23 ปี 300 วัน ทำลายสถิติเดิมของ เฟอร์นันโด อลอนโซ นักแข่งชาวสเปน ที่ทำไว้ในอายุ 24 ปี 58 วัน เมื่อปี 2005 และกลายเป็นนักแข่งชาวอังกฤษคนแรกต่อจาก เดมอน ฮิลล์ ที่คว้าแชมป์โลกได้สำเร็จตั้งแต่ปี 1996

     แฮมิลตัน หรือ ชื่อเต็ม คือ ลูอิส คาร์ล แฮมิลตัน เป็นลูกหลานของชาวเกรนาดาที่อพยพไปอยู่อังกฤษช่วงทศวรรษที่ 1950  แฮมิลตัน เกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม 1985  ที่เมือง สตีฟเนจ ประเทศอังกฤษ พ่อของเขาซื้อรถโกคาร์ทให้ลูกชายขับเล่นเป็นครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ และตั้งแต่วันนั้น ความฝันของเด็กชายก็เริ่มต้นขึ้น

     แฮมิลตันก้าวเข้าวงการนักแข่งครั้งแรกเมื่อปี 1993 ด้วยวัยเพียง 8 ขวบ และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็สามารถคว้าแชมป์ครั้งแรกจากรายการ British Karting championship กับวัยเพียง 10 ปี ก่อนจะก้าวไปคว้าแชมป์เคเอฟวันของยุโรปในปี 2000 ด้วยคะแนนเต็มทุกสนาม จนกลายเป็นนักขับรถเคเอฟวันมือ 1 ของโลก

     ด้วยทักษะและความสามารถที่มากเกินอายุ แฮมิลตันมีโอกาสเซ็นสัญญาร่วมเป็นนักขับในโปรแกรมพัฒนาฝีมือของ ทีมแม็คลาเรน ในปี 1998 ซึ่งเป็นการันตีว่าเขาจะมีโอกาสขับรถฟอร์มูล่าวันในอนาคต ส่งผลให้แฮมิลตันกลายเป็นนักแข่งรถที่อายุน้อยที่สุด (13 ปี) ที่ได้เซ็นสัญญาเอฟวันทันที เขาค่อยๆ ไต่เต้าจากรถฟอร์มูล่า เรโนลต์ สู่รถฟอร์มูล่าทรี ต่อด้วยจีพีทู และได้รับการยกย่องจากนิตยสารออโต้สปอร์ตของอังกฤษให้ติดทำเนียบนักแข่งรถยอดเยี่ยม ท็อป 50 ประจำปี 2005 ในอันดับที่ 24

เส้นทางสู่ชัยชนะ
ปี 2003 แฮมิลตัน ครองตำแหน่งแชมป์ บริติช ฟอร์มูล่า เรโนลต์ โดยคว้าแชมป์ไปทั้งสิ้น 10 สนาม
ปี 2005 แฮมิลตัน ครองตำแหน่งแชมป์ เอฟ 3 ยูโรซีรี่ส์ คว้าชัยไปทั้งสิ้น 15 สนาม ทำเวลาเร็วสุด 10 หนและซิวโพล 13 สนาม ไม่เพียงเท่านั้นเขายังสร้างชื่อเสียงในแดนน้ำหอม ด้วยการครองแชมป์ โมนาโก เอฟ 3 กรังด์ปรีซ์
ปี 2006 แฮมิลตันคว้าแชมป์ จีพี 2 แชมเปี้ยนชิพส์ ทั้งที่เพิ่งชิงชัยเป็นฤดูกาลแรก ได้ชัยชนะไปทั้งสิ้น 5 สนาม ทำเวลาเร็วที่สุด 6 หน รวมทั้งแชมป์ที่ โมนาโก และ ซิลเวอร์สโตน 2 หน

     ต่อมาในปี 2007 แฮมิลตัน ได้ลงแข่งขันพร้อมกันกับ เฟร์นานโด อลอนโซ่ ในนามทีม แม็คลาเรน ในศึกฟอร์มูล่า วัน เขาประเดิมสนามครั้งแรกในรายการ ออสเตรเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ ซึ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 3 กลายเป็นนักขับคนที่ 13 ในประวัติศาสตร์ ที่สามารถยืนบนโพเดียม จากการลงแข่งขัน ฟอร์มูล่า วัน เป็นครั้งแรกในชีวิต แฮมิลตันคว้าชัยชนะสนามแรกในวงการ ฟอร์มูล่า วัน ที่ แคนาดา ในเดือนมิถุนายน พร้อมครองสถิติชายผิวสีรายแรกที่คว้าแชมป์สนามได้ เขาถือเป็นนักขับคนแรกในวงการ ฟอร์มูล่า วัน ที่สามารถผงาดขึ้นไปโชว์ตัวบนโพเดียมได้ตลอดหลังจบการแข่งขัน 9 สนามแรก ในปี 2007 เจ้าตัวคว้าแชมป์ทั้งสิ้น 4 หน และซิวโพลไป 6 สนาม เก็บได้ 109 คะแนน แต่ก็ทำได้เพียงแค่อันดับ 2 ของโลกเท่านั้น

     ส่วนฤดูกาล 2008 ที่ แฮมิลตัน ผงาดซิวแชมป์โลกมาเชยชมนั้น เขาคว้าแชมป์ 5 หน และซิวโพล 7 สนาม เก็บได้ทั้งหมด 98 แต้ม โดยเขาประเดิมต้นฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์ ออสเตรเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ และโชว์ฟอร์มขับได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกสนามที่เหลือ ทำให้ขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดได้สำเร็จ ต่อมาในฤดูกาล 2009 แฮมิลตัน ประเดิมฤดูกาลได้ไม่สวยนัก เมื่อถูกดิสควอลิฟายด์จาการแข่งขัน ออสเตรเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ และไม่สามารถขึ้นไปยืนบนโพเดียมได้เลย จนกระทั่งมาคว้าแชมป์สนาม ฮังกาเรี่ยน กรังด์ปรีซ์ และ สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ แค่ 2 สนามเท่านั้น ทำให้เขาจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 5 มีเพียง 49 คะแนน

     ในฤดูกาล 2010 แฮมิลตัน ยังทำผลงานได้ดีกว่าเดิมนิดหน่อย เมื่อเขาคว้าแชมป์สนามได้ทั้งหมด 3 ครั้ง ที่ เตอร์กิส กรังด์ปรีซ์, แคนาเดียน กรังด์ปรีซ์ และ เบลเกียน กรังด์ปรีซ์ ซิวโพลได้ 1 ครั้ง ทำได้ 240 แต้ม จึงทำให้จบฤดูกาลที่อันดับ 4 เท่านั้น และในฤดูกาล 2011 ฟอร์มของแฮมิลตัน ก็เหมือนก็อปปี้ฤดูกาลที่แล้วมา เมื่อเขาจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 5 มี 227 แต้ม ซิวโพลได้ 1 ครั้ง และคว้าแชมป์สนามได้ 3 รายการ คือ ไชนีส กรังด์ปรีซ์, เยอรมัน กรังด์ปรีซ์ และ อาบู ดาบี กรังด์ปรีซ์

     ต่อมาในฤดูกาล 2012 แฮมิลตัน ทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม สามารถคว้าแชมป์สนามได้ถึง 4 สนาม คือ แคนาเดียน กรังด์ปรีซ์, ฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์, อิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ และ ยูไนเต็ด สเตทส์ กรังด์ปรีซ์ และซิวโพสได้ 7 ครั้ง เก็บได้ 190 แต้ม แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะติด 1 ใน 3 อยู่ดี
โดยเขาจบฤดูกาลเป็นอันดับที่ 4 อีกครั้ง

     และหลังจากจบฤดูกาล 2012 แฮมิลตัน ก็ได้ย้ายมาซบทีมเมอร์เซเดส ซึ่งในฤดูกาล 2013 นี้ เขาได้ลงสนามให้กับต้นสังกัดใหม่ไปแล้ว 13 รายการ คว้าแชมป์สนามได้ 1 รายการ คือ ฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์ และซิวโพสมาแล้ว 5 ครั้ง เก็บได้ 151 คะแนน รั้งอยู่ในอันดับ 3 ในเวลานี้

     แฟนๆ ของฟอร์มูล่า วัน คงต้องให้กำลังใจ แฮมิลตัน กันมากๆ หน่อย เพราะถ้าเขาคิดจะขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ของโลกอีกครั้ง จำเป็นต้องผ่านด่านสำคัญที่มีชื่อว่า เซบาสเตียน เวทเทล ยอดนักขับชาวเยอรมัน ของทีม เร้ด บูลล์ ให้ได้ซะก่อน ซึ่งด้วยความสามารถของ แฮมิลตัน นั้น คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปแน่นอน

 

Updated by [G]

ADS