ประวัติ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

| 01/01/1970 07:00 น. | 743 Views

ยังไง! ชไวนียิ้มรับข่าวซบผีแต่ขอโนคอมเมนท์

     บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์ ห้องเครื่องมากประสบการณ์ของบาเยิร์น มิวนิค ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวคราวเชื่อมโยงกับ แมนฯ ยูฯ ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก

     โดยสองสามวันที่ผ่านมามีกระแสข่าวหนาหูว่า หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์ปีศาจแดงต้องการดึงตัวกองกลางทีมชาติเยอรมันร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้

     ขณะเดียวกัน เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือทีมเสือใต้ก็ออกมากล่าวว่า มิดฟิลด์วัย 30 กะรัต ต้องตัดสินอนาคตค้าแข้งด้วยตัวเอง หลังจากนักเตะเหลือสัญญากับทีมอีก 1 ปีเท่านั้น

     ล่าสุดดาวเตะทีมอินทรีเหล็กถูกนักข่าว Sky ถามถึงโอกาสย้ายไปเล่นกับแมนฯ ยูฯในระหว่างฉลองแชมป์บุนเดสลีก้าเมื่อคืนนี้ โดยเขาก็ยิ้มรับพร้อมตอบว่า "ผมเหลือสัญญากับทีมจนถึงปี 2016 ผมดีใจนะที่คุณถามคำถามนี้ แต่ผมจะไม่พูดถึงมัน"

     ทั้งนี้ ชไวนีพัง 1 ประตู ช่วยบาเยิร์นฯเปิดรังพิชิตไมนซ์ 2-0 ในเกมส่งท้ายฤดูกาลด้วย

ชื่อ : บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์
 
เชื้อชาติ : เยอรมัน
 
วันเกิด : 1 สิงหาคม 1984
 
อายุ : 29 ปี
 
สถานที่เกิด : เมืองโคลเบอร์มัวร์ ประเทศเยอรมันตะวันตก
 
ส่วนสูง : 183 ซม.
 
ต้นสังกัด : บาเยิร์น มิวนิค

ตำแหน่ง : กองกลาง

 

     บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เกิดที่เมืองโคลเบอร์มัวร์ ประเทศเยอรมันตะวันตก เซ็นสัญญาเข้าสู่ทีมเยาวชนของ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1998 เขาถือว่าเป็นนักเตะมีแววซูเปอร์สตาร์มาตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนแล้ว ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี เขาได้รับการผลักดันจากอ๊อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ กุนซือของทีมเสือใต้ ให้ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2002/2003 โดยเกมเปิดตัวของเขาเป็นการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ล็องส์ จากฝรั่งเศส และเขาก็เริ่มต้นได้อย่างสวยงาม ด้วยการเปิดบอลให้มาร์คุส ฟอยล์เนอร์ ทำประตูได้

     ชไวน์สไตเกอร์ ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพในเดือนต่อมาและลงสนามในศึกบุนเดสลีก้าไป 14 นัด ช่วยให้ "เสือใต้" คว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วยได้ ต่อมาในฤดูกาล 2003-04 เขาลงเล่นในบุนเดสลีก้า 26 นัด และยิงประตูแรกให้กับต้นสังกัดในนัดที่พบกับ โวล์ฟบวร์ก ในเดือนกันยายน 2003 แต่หลังจากนั้น เขาก็ถูก เฟลิกซ์ มากัธ จับลงไปเล่นในทีมสำรองของ บาเยิร์น

      ชไวน์สไตเกอร์ กลับมาเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัวอีกครั้ง ในฤดูกาล 2005-06 โดยเขาลงเล่นให้กับ "เสือใต้" ไปทั้งหมด 42 นัด ทำได้ 3 ประตู รวมในทุกรายการ พาต้นสังกัดคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าและเดเอฟเบ โพคาลได้ เป็นดับเบิ้ลแชมป์ ครั้งที่ 3 ของเขา หลังจากที่เคยทำได้ในฤดูกาล 2002-03 และ 2004-05 มาแล้ว

     ต่อมาในฤดูกาล 2006-07 ชไวน์สไตเกอร์ ก็ยังเป็นกำลังหลักให้กับทีมเหมือนเดิม จบฤดูกาล
เขาลงสนามไปให้กับต้นสังกัดไปทั้งสิ้น 40 นัดในทุกรายการ ยิงได้ 6 ประตู แต่ไม่สามารถช่วยให้ บาเยิร์น คว้าแชมป์รายการใดได้เลย แต่ในฤดูกาล 2007-08 ชไวน์สไตเกอร์ ก็พา "เสือใต้" กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง เมื่อสามารถพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้งแชมป์บุนเดสลีก้าและเดเอฟเบ โพคาล ซึ่งเขาลงสนามให้กับทีมไปทั้งหมด 48 นัด ซัดไป 2 ประตู รวมในทุกรายการ

     ในฤดูกาล 2008-09 เป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังสำหรับ ชไวน์สไตเกอร์ เพราะเขาลงสนามช่วยทีมไปถึง 44 นัด ในทุกรายการและยิงได้ 9 ประตู แต่ไม่สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์รายการใดๆ ได้เลย ต่อมา ในฤดูกาล 2009-10 เขาก็พาทีมมีลุ้นแชมป์ถึง 3 รายการ ทั้งบุนเดสลีก้า, เดเอฟเบ โพคาล และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ทำสำเร็จแค่ 2 รายการเท่านั้น คือ แชมป์บุนเดสลีก้าและเดเอฟเบ โพคาล ส่วนในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศนั้น บาเยิร์น พ่ายแพ้แก่ อินเตอร์ มิลาน ไป 0-2 โดยเขาลงสนามช่วยทีมไปทั้งหมด 49 นัด ยิงได้ 3 ประตู รวมทุกรายการ

     ในฤดูกาล 2010-11 ชไวน์สไตเกอร์ ลงสนามช่วย "เสือใต้" ไปทั้งหมด 45 นัดในทุกรายการ ยิงได้ 8 ประตู แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์รายการใดได้เลย ต่อมาในฤดูกาล 2011-12 ก็ยังคงเป็นฤดูกาลที่ บาเยิร์น ไม่มีแชมป์ใดๆ ติดมืออีกเหมือนเคย เมื่อ ชไวน์สไตเกอร์ สามารถช่วยทีมให้เข้าชิงชนะเลิศในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ในการดวลลูกจุดโทษต่อ เชลซี ไป 3-4 หลังจากเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ในฤดูกาลนี้ เขาลงสนามให้กับทีมไปทั้งสิ้น 36 นัด ทำได้ 5 ประตู

     ในฤดูกาล 2012-13 ชไวน์สไตเกอร์ ก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพค้าแข้งของเขา เมื่อเขาสามารถช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์ได้ถึง 3 รายการ ทั้งแชมป์บุนเดสลีก้า, เดเอฟเบ โพคาล และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเฉพาะในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เขาเข้าชิงชนะเลิศถึง 2 ครั้ง แต่ก็พบกับความผิดหวังมาตลอด จนเขามาคว้าแชมป์ได้สำเร็จในการเข้าชิงชนะเลิศครั้งที่ 3 ในครั้งนี้ ซึ่ง บาเยิร์น สามารถเอาชนะ ดอร์ทมุนด์ อริร่วมลีกไปได้ 2-1 โดยเขาทำสถิติลงสนามให้กับ "เสือใต้" ทั้งหมด 44 นัด ทำได้ 9 ประตู

     และล่าสุดในฤดูกาล 2013-14 ชไวน์สไตเกอร์ ลงสนามให้กับทีม "เสือใต้" ไปแล้วทั้งหมด 12 นัด ยิงได้ 1 ประตู และช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์รายการใหญ่รายการแรกไปแล้ว คือ แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2013 โดยเอาชนะ เชลซี ไปจากการดวลลูกโทษ 5-4 หลังจากที่เสมอกันใน 120 นาที 2-2 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา

     จุดเด่นของชไวน์สไตเกอร์ ก็คือการยิงไกลที่หนักหน่วง ซึ่งเจ้าตัวถูกนำไปเปรียบเทียบกับตำนานของทีมชาติเยอรมันอย่าง โลธาร์ มัทเธอุส เลยทีเดียว โดยความลับของการยิงที่หนักหน่วงเช่นนี้ ชไวน์สไตเกอร์ เผยว่าเป็นเพราะเขาเล่นสกีเป็นประจำ เป็นการเสริมสร้างกำลังขาของเขา

     สำหรับในนามทีมชาติเยอรมัน ชไวน์สไตเกอร์ ติดทีมชาติครั้งแรกในชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปี และขึ้นไปติดทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2004 ในนัดที่อุ่นเครื่องกับ ฮังการี หลังจากนั้น เขาก็เป็นกำลังหลักที่ทีมชาติจะขาดไปไม่ได้ในทุกการแข่งขัน ปัจจุบัน ชไวน์สไตเกอร์ ติดทีมชาติไปทั้งหมด 99 นัด ยิงได้ 24 ประตู

     ชไวน์สไตเกอร์ ได้แสดงความสามารถในเชิงลูกหนังของเขาให้ทุกคนได้เห็นกันไปแล้ว เขาประสบความสำเร็จอย่างมากมายกับสโมสรบาเยิร์น มิวนิค เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือ ถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก ที่บราซิล ในปีหน้า ต้องรอดูกันว่า ความฝันของเขาจะเป็นจริงหรือไม่ ปี 2014 จะได้รู้กัน

Updated by [G]

ADS