ประวัติ อดัม สก็อตต์

| 01/01/1970 07:00 น. | 415 Views

สก็อตต์ปาดหน้าโรส คว้าแชมป์พีจีเอ แกรนด์สแลม ออฟ กอล์ฟ

     อดัม สก็อตต์ แชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส โชว์ฟอร์มสุดยอด ทำสถิติสูงสุดของสนาม 7 อันเดอร์พาร์ 64 คว้าแชมป์รายการพีจีเอ แกรนด์สแลม ออฟ กอล์ฟ ที่สนามพอร์ต โรยัล กอล์ฟ คอร์ส ที่เมืองเซาแธมป์ตัน รัฐเบอร์มิวดา สหรัฐอเมริกา

     นักกอล์ฟชาวออสเตรเลียรายนี้ พลิกสถานการณ์แซงหน้าผู้นำวันแรก อย่าง จัสติน โรส แชมป์ยูเอส โอเพ่น คนล่าสุด จากตามหลัง 4 อันเดอร์พาร์ ตอนจบ 9 หลุมแรก กลับมาชนะ 2 อันเดอร์พาร์ หลังจากจบ 36 หลุม

     จุดพลิกผันของการแข่งขันอยู่ที่ การเสียโบกี้ของ โรส ที่หลุม 16 และการทำอีเกิ้ลของ สก็อตต์ ที่หลุม 17 ทำให้เขาจบรอบด้วยสกอร์ที่ดีกว่าสถิติเดิมของสนามคือ 65 ที่ ลูคัส โกลเวอร์ เคยทำไว้เมื่อปี 2009

     "เห็นได้ชัดเลยว่า ผมตื่นเต้นมากที่ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ มันสนุกจริงๆ กับการแข่งขันทั้งสองวันที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้" สก็อตต์ เผย

     "ตอนยืนอยู่บนแท่นทีออฟที่หลุม 11 ผมไม่ได้นึกถึงสกอร์หรืออะไรที่น่าจะเป็นไปได้เลย แต่กลายเป็นว่า ผมตีได้ดีมากและคะแนนของผมก็ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ จัสติน ไปเรื่อยๆ"

     ส่วน เจสัน ดัฟเนอร์ จบที่ 3 อันเดอร์พาร์ และ เปแดร๊ก แฮร์ริงตัน แชมป์เก่าปีที่แล้ว จบที่ 3 โอเวอร์พาร์ ได้ตำแหน่งที่ 3 และ 4 ตามลำดับ

 

2013-10-18

ชื่อ : อดัม สก็อตต์
 
เชื้อชาติ : ออสเตรเลีย
 
วันเกิด : 16 กรกฎาคม 1980
 
อายุ : 33 ปี
 
สถานที่เกิด : เมืองอเดเลด, เซาธ์ ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย
 
ส่วนสูง : 183 ซม.

 


 

     อดัม สก็อตต์ เกิดที่เมืองอเดเลด, เซาธ์ ออสเตรเลีย แต่ต่อมาเขาก็ย้ายไปอยู่ที่เมืองโกลด์ โคสต์, ควีนส์แลนด์ ในปี 1993 และที่นี่แหละที่ทำให้เขาได้ฝึกซ้อมกอล์ฟ เพราะ สก็อตต์ ได้เลือกลงเรียนกอล์ฟเป็นวิชาพิเศษ ที่โรงเรียนนานาชาติคูรัลบิน เขาเคยเข้าเรียนเกี่ยวกับการคมนาคมในเนวาดา แต่ก็เรียนได้เพียง 18 เดือน ก็ต้องดร็อปออกมา โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่า “ การเล่นกอล์ฟของผมไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนเท่านั้น” ตอนที่เป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น สก็อตต์ คว้าแชมป์รายการ ออสเตรเลี่ยน บอยส์ อเมเจอร์ ในปี 1997 และ 1998 ทำให้เขาก้าวไปเป็นนักกอล์ฟของทีมชาติออสเตรเลีย

     สก็อตต์ เทิร์นโปรครั้งแรกในฤดูกาลกอล์ฟปี 2000 และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในรายการยูโรเปี้ยน ทัวร์ ทำให้ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันยูโรเปี้ยน ทัวร์ ในปี 2001 และก็เป็นปี 2001 นี่แหละ ที่เขาเป็นนักกอล์ฟอาชีพอย่างเต็มตัว สก็อตต์ คว้าแชมป์รายการยูโรเปี้ยนทัวร์ การ์ด ปี 2001 ได้อย่างสวยหรู ต่อด้วยคว้าแชมป์ การตาร์มาสเตอร์ ที่ โดฮา กอล์ฟคลับ ตั้งแต่ต้นปี 2002 และคว้าแชมป์ เดียเกโอ สก็อตติช พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ที่ เกิลเนเกิลส์ โฮเทล โดยแชมป์รายการนี้เขาทำสกอร์รวมได้ 26 อันเดอร์พาร์ 262 เป็นสกอร์ที่ต่ำสุดของฤดูกาล ซึ่งทำให้ สก็อตต์ ได้เข้าไปเล่นในรายการมาสเตอร์ส ทัวร์นาเม้นต์เป็นครั้งแรกอีกด้วย

     ในปี 2003 สก็อตต์ คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนทัวร์รายการที่ 4 ของปี คือ สแกสดิเนเวียน มาสเตอร์ส และรายการพีจีเอ ทัวร์ ด๊อยท์สช์ แบงค์ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งในตอนปลายปี เขาได้ลงแข่งขันในศึกเพรสซิเด้นซ์ส คัพ เป็นครั้งแรกด้วย

     ในปี 2004 สก็อตต์ ยังคงสานต่อความสำเร็จของตัวเองได้อย่างต่อเนื่องด้วยการคว้าแชมป์รายการเดอะ เพลย์เยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ มาครองด้วยวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น กลายเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดที่คว้าเเชมป์รายการนี้ได้ หลังจากนั้น สก็อตต์ ยังสามารถคว้าแชมป์พีจีเอ ทัวร์ รายการบูซ อัลแลน คลาสสิค มาอีกรายการด้วย

     ช่วงต้นปี 2005 สก็อตต์ คว้าแชมป์รายการนิสสัน โอเพ่น มาได้ และในปีนี้ เขาก็สามารถเลื่อนขึ้นไปอยู่ในนักกอล์ฟมือวาง 10 อันดับแรกของโลกได้สำเร็จ ซึ่งเขาได้ครองมือ 10 ของโลก หลายเดือนต่อมา สก็อตต์ สามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน ทัวร์ รายการจอห์นนี่ วอล์คเกอร์ ที่ประเทศจีน และ สิงคโปร์ โอเพ่น มาครองได้

     ในปี 2006 นับเป็นปีที่ประสบความสำเร็จของ สก็อตต์ เพราะเขาสามารถคว้าแชมป์ได้ 1 รายการ, เป็นรองแชมป์ 2 รายการ และได้ที่ 3 อีก 3 รายการ ซึ่งแชมป์ที่เขาคว้ามาได้คือ รายการทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ต่อมาในฤดูกาล 2007 สก็อตต์ ทำผลงานขึ้นไปเป็นมือวางอันดับ 3 ของโลกได้ ถือเป็นอันดับโลกที่สูงที่สุดในชีวิตการเป็นนักกอล์ฟอาชีพของเขา และเขาสามารถคว้าแชมป์พีจีเอ ทัวร์ รายการเชลล์ ฮุสตัน โอเพ่น มาได้ด้วย จากฟอร์มที่เล่นได้อย่างคงเส้นคงวา ทำให้เขาผ่านการคัดเลือกได้เข้าไปเล่นรายการเฟดเอ็กซ์ คัพ เพลย์ออฟ แต่ก็ทำได้แค่อันดับที่ 10

     ในปี 2008 สก็อตต์ ลงเล่นในรายการของยูโรเปี้ยน ทัวร์ ได้มากพอแล้ว ทำให้เขาผ่านการคัดเลือกเข้าไปแข่งในรายการออร์เดอร์ ออฟ เมอริท ได้เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี 2005 ในปี้ค่อนข้างเป็นปีที่ยากลำบากของ สก็อตต์ เพราะปัญหาอาการบาดเจ็บและปัญหาสุขภาพของเขา แต่เขาก็ยังสามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนทัวร์รายการ กาต้าร์ มาสเตอร์ส และรายการอีดีเอส ไบรอน เนลสัน แชมเปี้ยนชิพ มาครองได้

     ต่อมาในปี 2009 เป็นฤดูกาลที่ สก็อตต์ เล่นได้แย่ที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ เพราะเขาหลุดจากมือวางอันดับ 1 ใน 50 ของโลก และไม่ผ่านการตัดตัวถึง 10 ครั้ง ใน 19 รายการพีจีเอ ทัวร์ มีเพียงรายการเดียวที่สามารถจบอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ คือ รายการโซนี่ โอเพ่น แต่อย่างไรก็ดี สก็อตต์ ก็ยังสามารถคว้าแชมป์ได้ในรายการออสเตรเลี่ยน โอเพ่น ที่บ้านเกิดของเขาได้อยู่ดี ซึ่งถือเป็นชัยชนะบนแผ่นดินเกิดครั้งแรกของเขาในฐานะนักกอล์ฟอาชีพ

     หลังจาก 2 ปีที่เงียบเหงาของ สก็อตต์ ในที่สุดเขาก็สามารถกลับมาคว้าแชมป์พีจีเอ ทัวร์ จนได้ ในรายการบาเลโร่ เท็กซัส โอเพ่น ในเดือนพฤษภาคม 2010 เขาผ่านเข้าไปเล่นในรายการเฟดเอ็กซ์ คัพ เพลย์ออฟได้ แต่ก็จบที่อันดับ 27 ในรายการทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ และในเดือนพฤศจิกายน สก็อตต์ ก็คว้าแชมป์บาร์เคลย์ส สิงคโปร์ โอเพ่น มาครองได้อีกรายการ

     ในปี 2011 สก็อตต์ สามารถทำอันดับในรายการเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ ได้ดีที่สุดของเขา เมื่อจบที่อันดับ 2 ในรายการมาสเตอร์ส ทัวร์นาเม้นต์ และในวันที่ 7 สิงหาคม 2011 เขาก็คว้าแชมป์รายการดับเบิ้ลยูจีซี-บริดจ์สโตน อินวิเตชั่นนอล มาครองได้สำเร็จ ถือเป็นการคว้าแชมป์เวิร์ลด์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ ได้เป็นครั้งแรกของเขาด้วย ส่งผลให้ สก็อตต์ กลับขึ้นไปอยู่ใน 10 มือวางอันดับโลกอีกครั้งในรอบ 2 ปี โดยเขาเป็นมือวางอันดับที่ 9 ของโลก ในเดือนพฤศจิกายน สก็อตต์ เป็น 1 ใน 5 ของนักกอล์ฟออสเตรเลีย ที่ลงเล่นในศึกเพรสซิเด้นท์ส คัพ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับทีมสหรัฐอเมริกาไป


 

     ต่อมาในปี 2012 สก็อตต์ เพราะสามารถคว้าแชมป์รายการทาลิสเกอร์มาสเตอร์สมาครองได้แค่รายการเดียวเท่านั้น ส่วนในรายการโอเพ่น แชมเปี้ยนชิพนั้น เขาทำได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์ เนื่องจากพ่ายแพ้ให้กับ เออร์นี่ เอลส์ ไปหนึ่งสโตรค แต่อันดับโลกของเขากลับพุ่งไปอยู่ที่อันดับ 6 ของโลก

     และในฤดูกาล 2013 นี้ สก็อตต์ สามารถคว้าแชมป์มาสเตอร์ส ทัวร์นาเม้นต์ ได้ เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่นักกอล์ฟชาวออสเตรเลียคว้าแชมป์รายการนี้ได้ ทำให้อันดับโลกของเขาขึ้นไปอยู่ที่มือวางอันดับ 3 ของโลก เป็นมือวางอันดับสูงที่สุดในชีวิตนักกอล์ฟอาชีพของเขา ต่อมา สก็อตต์ สามารถคว้าแชมป์เดอะ บาร์เคลย์ส มาครองได้อีก ส่งผลให้เขาขึ้นไปเป็นมือวางอันดับ 2 ของโลก และล่าสุด สก็อตต์ ก็คว้าแชมป์พีจีเอ แกรนด์ สแลม ออฟ กอล์ฟ มาอีกหนึ่งรายการส่งท้ายปีนี้

     ส่วนในการลงแข่งแบบทีม สก็อตต์ ติดทีมออสเตรเลียลงแข่งในรายการดับเบิ้ลยูจีซี-เวิร์ลด์ คัพ ในปี 2002 และเป็นหนึ่งในสมาชิกของอินเตอร์เนชั่นนอล ทีม ลงแข่งในรายการเพรสซิเด้นท์ส คัพ ในปี 2003, 2005,2007, 2009, 2011 และ 2013

     แฟนกอล์ฟของ สก็อตต์ คงต้องส่งแรงใจเเรงเชียร์ช่วยลุ้นให้เขาขึ้นไปเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลกให้ได้สักครั้ง หลังจากที่ล่าสุดอยู่ที่มือวางอันดับ 2 ของโลกแล้ว ด้วยความสามารถที่เขามี มันคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไป ที่เขาจะขึ้นเป็นนักกอล์ฟที่เก่งที่สุดในโลกในสักวันหนึ่ง


 

Updated by [G]

ADS