ประวัติ อันเดรีย ปีร์โล่
อันเดรีย ปิร์โล กองกลางเท้าชั่งทองของ นิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี หวังว่าเขาจะได้ลงเล่นนัดแรกบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกา ในเกมพบ ออร์แลนโด้ ซิตี้ เอสซี วันอาทิตย์นี้
มิดฟิลด์จอมเก๋าวัย 36 ปี เพิ่งย้ายจากยูเวนตุสมาร่วมทัพ NYCFC ในช่วงหน้าร้อนนี้ และเป็นนักเตะชื่อดังรายที่สามต่อจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด และดาบิด บียา ในทีม
"ผมหวังว่าจะได้ลงเล่นในวันอาทิตย์นี้" ปิร์โลเผย "ผมฟิตร่างกายแม้กระทั่งในระหว่างเดือนที่พักร้อน ดังนั้นผมจึงอยู่ในสภาพที่ดีมาก เราจะมาดูกันในวันพรุ่งนี้
"ผมได้ลงเล่นกับแชมเปี้ยนมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอคือทีม เนื่องจากทีมเวิร์คย่อมเหนือกว่าผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง ผมจะวางตัวให้อยู่ภายใต้การจัดการของโค้ชและเพื่อนร่วมทีมของผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด"
ชื่อ : อันเดรีย ปีร์โล่
เชื้อชาติ : อิตาลี
วันเกิด : 19 พฤษภาคม 1979
อายุ : 34 ปี
สถานที่เกิด : เฟลโร ,อิตาลี
ส่วนสูง : 177 ซม.
ต้นสังกัด : ยูเวนตุส
ตำแหน่ง : กองกลาง
อันเดรีย ปีร์โล่ เกิดวันที่ 19 พฤษภาคม 1979 เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่มีพรสวรรค์สูงเป็นลำดับต้นๆ ของวงการลูกหนัง หลายครั้งที่ทักษะอันยอดเยี่ยมของเขาสามารถช่วยให้สร้างความแตกต่างในเกมให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลใส่พานให้เพื่อนทำประตู หรือการปั่นฟรีคิกสวยๆ ให้ทีม
ด้วยความที่เกิดและเติบโตขึ้นที่เมืองเบรชชา ทำให้ ปิร์โล่ เริ่มต้นการค้าแข้งกับสโมสรเบรชชา ตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะเยาวชน ก่อนจะได้เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ระหว่างปี 1994-98 ก่อนที่ฟอร์มการเล่นของเขาจะไปเตะตาแมวมองของ อินเตอร์ มิลาน ยักษ์ใหญ่ของกัลโช่ เซเรีย อา จนได้เซ็นสัญญากับทีม "งูใหญ่" ในปี 1998
อย่างไรก็ตาม ปิร์โล่ ไม่สามารถแจ้งเกิดกับอินเตอร์ ได้ จึงทำให้เขาต้องถูกปล่อยตัวไปให้ เรจจิน่า และ เบรชชา อดีตต้นสังกัดเก่า ยืมตัว
หลังจากนั้น ปิร์โล่ ก็ย้ายไปร่วมทีมเอซี มิลาน คู่ปรับของทีม "งูใหญ่" ในปี 2001 ซึ่งใช้เวลาในการปรับตัวร่วมกับทีมใหม่ได้เพียงไม่นาน เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักได้อย่างรวดเร็ว
ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับ "รอสโซเนรี่" ปิร์โล่ ประสบความสำเร็จมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัย นอกจากนั้น ยังได้แชมป์โคปปา อิตาเลีย และ แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อีก 2 สมัย ในปี 2003 และ 2007 ด้วย
แรกเริ่มเดิมที ปิร์โล่ เริ่มต้นด้วยการเป็นมิดฟิลด์ตัวรับภายใต้การคุมทีมของโค้ชคาร์โล อันเชล็อตติ ก่อนที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นเพลย์เมกเกอร์ของ "ปีศาจแดง-ดำ" ร่วมกับ กาก้า ในที่สุด โดย ในฤดูกาล 2006-07 เขาเป็นผู้เล่นที่ลงสนามให้กับ มิลาน มากที่สุด 2,782 นาที และในเดือนตุลาคม 2007 ก็ได้รับการเสนอชื่อให้ลุ้นเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าด้วย
นอกเหนือจากผลงานอันยอดเยี่ยมในระดับสโมสรแล้ว ฟอร์มการเล่นกับทีมชาติอิตาลีของ ปิร์โล่ ก็ถือว่าน่าประทับใจไม่แพ้กัน
มิดฟิลด์ตัวเก่งลงเล่นให้ทีมอัซซูรี่ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2000 และก่อนจะคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้ในอีก 4 ปีต่อมา ที่ "เอเธนส์ เกมส์ 2004" ในประเทศกรีซ นอกจากนั้น ปิร์โล่ ยังเป็นกัปตันทีมชาติอิตาลี ที่คว้าแชมป์ยุโรป ในชุดยู-21 ปี เมื่อปี 2000 ด้วย
ปิร์โล่ เป็นหนึ่งในสมาชิกชุดแชมป์โลก 2006 ของทีมชาติอิตาลี โดยในแมตช์แรกของทัวร์นาเมนต์ เขาเป็นคนพังประตูแรกให้ทีม ตามด้วยการเป็นคนผ่านบอลให้ วินเชนโซ่ มอนเตลล่า ทำประตูที่ช่วยให้ทีมอัซซูรี่ คว้าชัย 2-0 และคว้าตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอง
จากนั้น เพลย์เมกเกอร์จากเอซี มิลาน ก็ยังทำผลงานได้เยี่ยม โดยเฉพาะในรอบรองชนะเลิศ ที่พบกับเจ้าภาพอย่าง เยอรมัน โดยเขาเป็นคนพาบอลเข้าไปบริเวณหน้ากรอบเขตโทษของเยอรมัน และเปิดบอลให้ ฟาบิโอ กรอสโซ่ ทำประตูชัยในนาทีที่ 119 และอีกไม่กี่อึดใจต่อมา อเลนสซานโดร เดล ปิเอโร่ ก็มาทำประตูย้ำชัยชนะให้ อิตาลี ชนะไป 2-0 โดยที่ ปิร์โล่ ได้รับตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ อีกครั้ง
ในรอบชิงชนะเลิศกับ ฝรั่งเศส เขาเป็นคนเปิดลูกเตะมุมให้ มาร์โก้ มาเตราซซี่ โหม่งตีเสมอให้ทีมอัซซูรี่ หลังจากที่ทีมตราไก่ ทำประตูนำไปก่อนได้เพียง 6 นาที และเมื่อเกมต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ ปิร์โล่ ก็ซัดไม่พลาด ซึ่งจากผลงานดังกล่าว ก็ทำให้เขาได้รับตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ เป็นครั้งที่ 3 มากกว่าผู้เล่นทุกคนในทัวร์นาเมนต์ และเขาได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมอันดับ 3 ประจำศึกฟุตบอลโลก 2006 ต่อจาก ซีเนอดีน ซีดาน และ ฟาบิโอ คันนาวาโร่
ในศึกบอลคอนเฟดเดเรชั่น 2009 ที่ผ่านมา ปีย์โล่ ซึ่งติดทีมชาติมาด้วย ได้ลงเล่นเป้นตัวจริงทั้งสามนัด แต่ไม่ได้มีส่วนช่วยทีมเท่าไหร่เลย เป็นอีก 1 ผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวัง พาทีมตกรอบแรกไปอย่างเหลือ
14 พฤษภาคม 2011 ปีย์โล่ ลงเล่นให้กับมิลานเป็นนัดสุดท้าย โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน มัสซิโม อัมโบรซินี ในครึ่งเวลาหลัง ในเกมที่ มิลาน เอาชนะ กายารี่ 4-1 หลังจากนั้น 4 วันต่อมา เขาก็ออกมาเขากำลังจะออกจากมิลานหลังจบฤดูกาล 2010/11 ซึ่งเขาจะหมดสัญญากับทีมพอดี
ปี 2011 ปีร์โล่ ตกลงเซ็นสัญญากับยูเวนตุส ไปจนถึงปี 2014 และเขาลงเล่นในกับยูเวนตุสนัดแรกในเกมที่พบกับ ปาร์ม่า เขาก็สามารถส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้ถึง 2 ลูก ทำให้ทีมชนะไป 4-1
ประตูแรกของเขากับ ยูเวนตุส เกิดขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2012 โดยเกมนั้นเขาทำประตูได้จากลูกฟรีคิก ทำให้ยูเว่ ชนะ คาตาเนีย ไป 3-1 จนทำให้ม้าลายแซง เอซี มิลาน กลับขึ้นไปนำจ่าฝูงได้สำเร็จ
ในที่สุดเขาก็สามารถพายูเวนตุส คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2011/12 ได้สำเร็จ โดย ปีร์โล่ สามารถส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้ถึง 13 ลูก ซึ่งถือว่ามากที่สุดในลีก อีกทั้งเขายังช่วยทีมทำประตูไป 3 ประตู ด้วยกัน
หลังจากนั้นเขาและ อาร์ตูโร วิดัล กองกลางเพื่อนร่วมทีมก็มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ กัลโช่ เซเรีย อา รวมไปถึงได้เสนอชื่อเข้าชิงผู้เล่นที่ดีที่สุดของยูฟ่าปี 2012 อีกด้วย
ฤดูกาล 2012/13 ปีร์โล่ ซัดฟรีคิกในเกมแรกของฤดูกาลที่ยูเวนตุส ชนะ ปาร์ม่า 2-0 และในตอนสิ้นปีเขาก็ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงฟีฟ่าบัลลงดอร์ 2012 ซึ่งการเข้าชิงรางวัลนี้เป็นเครื่องการันตีความสามารถในตัวของเขาตลอดปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี
พอสิ้นสุดฤดูกาล ปีร์โล่ ยังได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของกัลโช่ เซเรีย อา และรางวัลกองกลางยอดเยี่ยมของลีกอิตาลี อีกทั้งยังมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของกัลโซ่ รวมไปถึงรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมชาติอิตาลี
ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักกองกลางที่ชื่อ อันเดรีย ปีร์โล่ เพราะเขาสามารถคุมเกมทั้งหมดได้เพียงแค่ใช้ 2 เท้าของเขา โดยจากความสำเร็จที่เขาได้มาทั้งหมดเป็นเครื่องการันตีความสามารถของเขาได้เป็นอย่างดี ต่อไปจากนี้ถึงแม้เวลาในการค้าแข้งของเขาจะเหลือไม่มาก แต่เชื่อว่าทุกๆคนคงจะยอมรับในฝีเท้าและความสามารถของเขาแน่นอน