ประวัติ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
|
01/01/1970 07:00 น.
|
777 Views
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางจอมขยันชาวอังกฤษของ ลิเวอร์พูล ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการลาทีมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลูกพี่ใหญ่แห่งถิ่น แอนฟิลด์ ว่าเป็นเรื่องชวนช็อกสำหรับทุกคน แต่ก็พร้อมยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้ของ เจอร์ราร์ด ที่ค้าแข้งมาถึง 17 ฤดูกาลให้ทีม
มิดฟิลด์ท่านรองหมายเลข 14 กล่าวว่า "นี่คือเรื่องช็อคครั้งใหญ่ของเช้าวันนี้ที่ สตีวี่ จะออกไปจากทีมหลังจบฤดูกาล มันยากมากในเรื่องนี้เพราะเขาคือกัปตันของพวกเรา และเป็นตัวอย่างของเรามาตลอดหลายปี"
"มันเป็นเรื่องช็อกหัวใจของทุกคน โดยเฉพาะพวกเราที่เป็นนักเตะ เราทำได้แค่เพียงทำใจ และรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ให้ดีที่สุด เท่าที่เราสามารถทำได้"
ชื่อเต็ม : จอร์แดน ไบรอัน เฮนเดอร์สันวันเกิด : 17 มิถุนายน 1990 (อายุ 24 ปี)เกิดที่ : ซันเดอร์แลนด์ , ประเทศอังกฤษสัญชาติ : อังกฤษส่วนสูง : 187 เซนติเมตรตำแหน่ง : กองกลางสโมสรปัจจุบัน : ลิเวอร์พูลประวัติส่วนตัวซันเดอร์แลนด์ 2008เฮนเดอร์สัน เกิดในเมืองซันเดอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของอังกฤษ โดยเขาถูกจับเซ็นสัญญาเข้าถิ่น ''แมวดำ'' ในวันที่ 1 กรกฏาคม 2008 และถูกส่งลงเล่นเกมแรกในลีกด้วยวัยเพียง 18 ปี หลังจากถูกส่งลงไปเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งหลังในเกมที่บุกไปแพ้ เชลซี 0-5 เมื่อเดือน พฤศจิกายน ปี 2008 เฮนเดอร์สัน ได้ส่งลงเล่นในบ้านเกมแรกโดยเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงด้วยในเกมที่พบกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ถ้วยลีกคัพโคเวนทรี 2009(ยืมตัว)เดือน มกราคม ปี 2009 เฮนเดอร์สัน ต้องถูกส่งลงไปเล่นในลีก เดอะแชมเปี้ยนชิพ กับสโมสร โคเวนทรี เป็นระยะเวลาหลายเดือนด้วยสัญญายืมตัว ''เฮนโด้'' ลงเล่นให้กับโคเวนทรี เกมแรกในนัดที่แพ้ให้กับ ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ ไป 2-1 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2009 แต่ถึงอย่างไรแล้วฟอร์มโดยรวมของ เฮนเดอร์สัน ถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับทางด้านสโมสร โคเวนทรี และได้มีการเจรจาเพื่อขอยืดสัญญาในการยืมตัว เฮนเดอร์สัน ออกไปอีกจนจบฤดูกาล ในตอนนั้น เฮนเดอร์สัน ตื่นเต้นมากที่จะได้ขยายสัญญาจนจบฤดูกาล แต่ในที่สุดแล้วเขาก็ได้ลงเล่นเพิ่มอีกแค่ไม่กี่นัดและสามารถทำประตูแรกได้ในเกมกับ นอริช ซิตี้ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2009 หลังจากนั้น ''เฮนโด้'' ก็ต้องถูกส่งกลับไปยังต้นสังกัดอย่าง ซันเดอร์แลนด์ เนื่องจากได้รับปัญหาอาการบาดเจ็บจนกระดูกฝ่าเท้าแตก เมื่อวันที่ 8 เมษายน ปี 2009ซันเดอร์แลนด์ 2009 - 2011เมื่อเขากลับมายัง ซันเดอร์แลนด์ อีกครั้ง ในฤดูกาล 2009-2010 เฮนเดอร์สัน ก็กลายเป็นตัวหลักของทัพ ''แมวดำ'' ทันที โดยถูกส่งลงเล่นในเกม พรีเมียร์ลีก อย่างสม่ำเสมอ และสามารถทำประตูแรกได้ในสีเสื้อของ ซันเดอร์แลนด์ ในเกมที่พบกับ เบอร์บิงแฮม ในเกมลีกคัพรอบสาม หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มาทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในเกมที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2009 ฤดูกาลแรกกับ ซันเดอร์แลนด์ นั้น ''เฮนโด้'' มักถูกจับไปเล่นเป็นปีกขวา เพราะเขาต้องหลีกทางให้กับกองกลางจอมโหดอย่าง ลี แคทเทอร์โมล์ หลังจากทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ซันเดอร์แลนด์ ก็ตัดสินใจมอบของขวัญให้ เฮนเดอร์สัน ด้วยการต่อสัญญากับเขาออกไปอีก 5 ปี เมื่อวันที่ 23 เมษายน ปี 2010 ซึ่งแน่นอนสัญญาของเขากับทัพ ''แมวดำ'' ลากยาวไปถึงปี 2015 เลยทีเดียว แถมในฤดูกาลนี้ ''เฮนโด้'' ยังสามารถคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำสโมสร ซันเดอร์แลนด์ มาครองได้สำเร็จอีกด้วย ถือว่าฤดูกาล 2009-2010 นี้ของ เฮนเดอร์สัน เป็นจุดเริ่มต้นที่สวยหรูเลยทีเดียวในชีวิตอาชีพการค้าแข้งของคนๆหนึ่งที่สามารถจะทำได้ขนาดนี้ ฤดูกาลแรกกับ ''แมวดำ'' เฮนเดอร์สัน ยิงไปทั้งหมด 2 ประตู บวกกับอีก 6 แอสซิสต์เข้าสู่ฤดูกาล 2010-2011 เฮนเดอร์สัน ยังคงเริ่มต้นฤดูกาลด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม โดยสามารถทำ 2 ประตูได้ทันที ในเกมปรีซีซั่นกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ ฮอฟเฟ่นไฮม์ หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม เฮนเดอร์สัน รู้สึกไม่ค่อยถูกใจกับหลายเลขเสื้อเบอร์ 16 และได้ขอทางด้านต้นสังกัดมาสวมเสื้อหมายเลข 10 แทน ซึ่งมันก็เป็นเบอร์ที่ว่างอยู่จึงไม่มีปัญหาอะไรสำหรับคำขอของเขา ฤดูกาลนี้ ''เฮนโด้'' ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างคงเส้นคงวา จนมันไปเข้าตาผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในเวลานั้นอย่าง ฟาบิโอ คาเปลโล่ ได้เรียกเขาไปติดทีมชุดที่จะอุ่นเครื่องกับทีมชาติฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2010 เฮนเดอร์สัน ถูกยกให้เป็นผู้เล่นที่มีความฟิตในระดับที่เกิน 100% เต็มไปแล้วเนื่องจากเขาวิ่งได้ตลอดทั้งเกมโดยไม่แสดงอาการเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยและด้วยพละกำลังของเขาที่มีมหาศาลขนาดนั้น เขาช่วย ซันเดอร์แลนด์ ได้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นเกมกับ แมนฯซิตี้ , แมนฯยู หรือแม้กระทั่ง เชลซี ฟอร์มของเขาทำให้ถูกจับตามองโดยทีมใหญ่ๆในอังกฤษหลายทีมวันที่ 11 มกราคม 2011 เฮนเดอร์สัน มีรายชื่อติดอยู่เป็น 1 ใน 13 รายชื่อเข้าชิงดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ ฟีฟ่า ด้วยพละกำลังและความฟิตของเขา เขาสามารถคว้ารางวัลดาวรุ่งสัญชาติอังกฤษยอดเยี่ยม ไปครองได้สำเร็จเป็นรางวัลปลอบใจ และในฤดูกาลนี้ ''เฮนโด้'' ก็สามารถคว้าตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำสโมสร ซันเดอร์แลนด์ ได้อีกครั้งเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยการวิ่งที่ไม่มีหมดของเขามันสามารถพิชิตใจแฟนบอลได้อย่างมหาศาลลิเวอร์พูล 2011 - ปัจจุบัน9 มิถุนายน 2011 ซันเดอร์แลนด์ ได้ยอมรับข้อเสนอของทาง ลิเวอร์พูล จนได้สำหรับค่าตัวของ เฮนเดอร์สัน จาก 16 ล้านปอนด์ กลายเป็น 20 ล้านปอนด์(ประมาน 1,085ล้านบาท) ''เฮนโด้'' เข้ารับการตรวจร่างกายที่ เมลวู้ด และผ่านการตรวจร่างกายแบบชนิดที่ว่าแพทย์ต้องออกมาชมในสภาพร่างกายของเขาที่แข็งแกร่งเกินกว่าคนธรรมดาที่เคยเจอ ไนเอลล์ ควินน์ ประธานสโมสรซันเดอร์แลนด์ ณ ขณะนั้น ออกมาพูดถึงการจากไปของ เฮนเดอร์สัน ว่าเขารู้สึกเสียใจมากที่ต้องปล่อยนักเตะที่เป็นเสมือนครอบครัวของเหล่าซันเดอร์แลนด์ไป เฮนเดอร์สัน จะกลายเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างแน่นอนในอนาคต ซึ่ง ''เฮนโด้'' ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับสโมสร ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2011 นั้นเลยฤดูกาล 2011 - 2012 ฤดูกาลแรกในถิ่นแอนฟิลด์ของ เฮนเดอร์สัน เขาได้ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกเกมแรกในสีเสื้อแดงเพลิงนัดที่ ลิเวอร์พูล แบ่งแต้มกับทีมเก่าของเขาอย่าง ซันเดอร์แลนด์ ไป 1-1 โดยเกมนี้ เฮนเดอร์สัน ได้รับการต้อนรับจากแฟนๆ ''แมวดำ'' อย่างดีเยี่ยม ''เฮนโด้'' ได้ลงเกมที่ 2 ของเขาเองอย่างต่อเนื่องในเกมที่ ''หงส์แดง'' เอาชนะ อาร์เซน่อล ไป 2-0 ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ประตูแรกในถิ่นแอนฟิลด์ของ เฮนเดอร์สัน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2011 โดย เป็นการยิงประตูใส่ทีม โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ''เฮนโด้'' ถูกส่งลงไปเล่นในตำแหน่งปีกขวาอีกครั้ง ในนัดชิงชนะเลิศถ้วยลีกคัพเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2012 โดยเขาถูกส่งลงไปเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 58 และเกมนั้นก็เป็น ลิเวอร์พูลที่สามารถเอาชนะคาร์ดิฟ ซิตี้ คว้าถ้วยแชมป์มาครองได้สำเร็จ ถือเป็นถ้วยรางวัลแรกของ เฮนเดอร์สัน กับลิเวอร์พูลฤดูกาล 2012 - 2013 ในช่วงแรกๆ เฮนเดอร์สัน ยังไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจสำหรับ กุนซือใหม่ในปีนั้น อย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สักเท่าไหร่ และมีข่าวหลุดออกมาแว่วๆเหมือนกันว่าอนาคตของเขาในถิ่นแอนฟิลด์ ใกล้จะหมดลงแล้ว โดยเขาต้องรอถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึงจะมีชื่อติดเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริง ในเกมที่พบกับสวอนซี ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็พยายามจะพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่า ร็อดเจอร์ส คิดผิดมหันต์ที่ไม่ให้โอกาสเขา และเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2012 ''เฮนโด้'' สามารถทำประตูชัยให้ลิเวอร์พูลได้ในเกมยูโรป้า ลีก ที่พบกับ อูดิเนเซ่ พาลิเวอร์พูลผ่านรอบ 32 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ 19 มกราคม 2013 เฮนเดอร์สัน ประเดิมประตูแรกในลีกฤดูกาลนี้ให้เจ้านายใหม่ได้ชื่นชมสำเร็จ ในเกมที่ ''หงส์แดง'' ไล่อัด นอริช ซิตี้ ไป 5-0 และนัดต่อมาเขาก็สามารถบวกประตูที่สองได้ทันที่ในเกมที่เสมอกับ อาร์เซน่อลไป 2-2 ฤดูกาลนี้ เฮนเดอร์สันยิงประตูในพรีเมียร์ลีกไปได้ถึง 5 ประตูด้วยกันฤดูกาล 2013 - 2014 เฮนเดอร์สัน เอาชนะใจ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จนได้และกลายเป็นตัวหลักให้กับทัพ ''หงส์แดง'' ทันที โดยในฤดูกาลนี้เขาได้ลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกถึง 35 นัด และลงเล่นให้ลิเวอร์พูลครบ 100 นัดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2013 ในเกมที่เจอกับ น็อตส์ เค้าท์ตี้ แต่ในฤดูกาลนี้ ''เฮนโด้'' มาได้รับใบแดงใบแรกในฐานะนักเตะของลิเวอร์พูล ในเกมที่ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะ แมนฯซิตี้ ไปได้ 3-2 เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2014 ทำให้เขาพลาดลงช่วยลิเวอร์พูล 3 เกมใน 4 เกมสุดท้ายของทัพ ''เรด แมชชีน'' ที่กำลังลุ้นแชมป์อย่างสนุก จนทำให้ ร็อดเจอร์ส ถึงกับออกมาบ่นว่า เราได้เสียกุญแจสำคัญในการลุ้นแชมป์ไปในเกมนี้ เบ็ดเสร็จถึงตอนนี้แล้ว เฮนเดอร์สัน ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปทั้งหมดแล้ว 102 นัด ยิงไปได้ทั้งหมด 11 ประตูทีมชาติอังกฤษชุดเล็กเฮนเดอร์สัน ติดทีมชาติอังกฤษตั้งแต่ชุดยู-19ปี และ ยู-21ปี โดย ''เฮนโด้'' ได้รับหน้าที่ให้เป็นกัปตันทีมด้วยในทีมชาติอังกฤษชุดยู-21ปี ลุยศึกยูโร 2011 และรอบคัดเลือกของศึกยูโร 2013 เขาลงเล่นไปทั้งหมด 29 เกมและยิงไปได้ 4 ประตูอังกฤษชุดใหญ่11 พฤศจิกายน 2010 หลังจากเขาพาอังกฤษยู-21 อุ่นเครื่องกับทีมชาติเยอรมันเสร็จ เขาก็โดนเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ทันทีในเกมที่จะต้องอุ่นเครื่องกับทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งเขาได้ลงไปยืนในแดนกลางเคียงข้างกับนักเตะอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในศึกยูโร 2012 เฮนเดอร์สัน ถือว่ามีโชคเข้ามาช่วยเต็มๆเมื่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กองกลางตัวหลักทีมชาติอังกฤษดันได้รับอาการบาดเจ็บทำให้ ''เฮนโด้'' ถูกเรียกเข้ามาเสริมในแดนกลางทันที แต่เขาก็ยังคงต้องไปเป็นตัวสำรองของ สก็อต ปาร์คเกอร์ อีกหนึ่งต่อด้วยการที่เขายังขาดประสบการณ์ เฮนเดอร์สัน ถูกส่งลงไปเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษในเกมที่พบกับทีมชาติอิตาลี หลังจากนั้น เฮนเดอร์สัน ก็มีชื่อติดเป็น 23 นักเตะทีมชาติอังกฤษลุยศึกเวิลด์ คัพ 2014 ที่ประเทศบราซิล โดยกลายเป็นตัวหลักยืนจับคู่ในแดนกลางกับมิดฟิลด์ไดนาโมรุ่นพี่อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งถึงตอนนี้ เฮนเดอร์สัน ถูกคาดว่าอาจจะได้กลายเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษคนต่อไปในอนาคตข้างหน้า ''เฮนโด้'' ติดทีมชุดใหญ่ไปแล้วตอนนี้ 13 นัด
Previous Post
เดมบา บา
Next Post
ปิแอร์ ออบาเมย็อง