ประวัติ โจ-วิลเฟร็ด ซองก้า

| 01/01/1970 07:00 น. | 619 Views


โจ-วิลเฟร็ด ซองก้า

          นักเทนนิสเจ้าของแชมป์ โรเจอร์ คัพ ประจำปี 2014 ที่เมือง โตรอนโต้ ประเทศ แคนาดา ด้วยการเอาชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ 2-0 เซต 7-5 และ 7-6 (7-3) คว้าโทรฟี่ที่ 11 ของตัวเองได้สำเร็จ และยังเป็นการคว้าแชมป์ เอทีพี มาสเตอร์ 1000 ครั้งที่สองในอาชีพการเล่นของเขา

          ซองก้า เกิดวันที่ 17 เมษายน 1985 ที่เมือง เลอ มองส์ ประเทศ ฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันมีอันดับโลกอยู่ที่อับดับ 15 (4 สิงหาคม 2014) และเคยขึ้นเป็นมืออันดับ 5 ของโลก เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2012 โดยเขาเป็นสมาชิกของ เทนนิส คลับ เดอ ปารีส (TCP) สโมสรเทนนิสชื่อดังใน ฝรั่งเศส ที่มีสมาชิกชื่อก้องโลกอย่าง เธียร์รี่ แชมเปี้ยน, ริชาร์ด กาสเก้ต์ และ อเมลี เมาเรสโม่

เส้นทางในอาชีพนักเทนนิส

ก่อนเทิร์นโปร

          ซองก้า ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์เยาวชนอาชีพรายการ จูเนียร์ ยูเอส โอเพ่น 2003 ด้วยการเอาชนะ มาร์กอส แบกห์ดา นักเทนนิสชาวไซปรัส ในรองชิงชนะเลิศ และสามารถทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศรายการ แกรนด์สแลม ได้อีก 3 ครั้ง



          เขาขึ้นเทิร์นโปรในปี 2004 รอบคัดเลือกรายการ ไชน่า โอเพ่น ในเดือนกันยายน ซึ่ง ซองก้า สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะ คาร์ลอส โมย่า ในรอบแรก แต่ก็ต้องตกรอบด้วยน้ำมือของ ลี ฮยอง-เทก ในรอบที่สอง

          ในปี 2005-2006 เขาได้รับบาดเจ็บหนักหลายจุดในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นไหล่ขวาและช่องท้อง จนทำให้เขาได้ลงแข่งเพียงแค่ 8 รายการเท่านั้นในระยะเวลา 2 ปี

2007 : แตะอันดับมือวาง 50 ของโลก

          ในเดือน กรกฎาคม ปี 2007 เขาเป็นมือวางอันดับ 212 ของโลก และได้รับเชิญเป็นมือไวลด์การ์ดเข้าไปเล่นในรายการ ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น 2007 ซึ่งเป็น แกรนด์สแลม ในระดับซีเนียร์ครั้งที่สองของเขา โดยเขาต้องพบกับศึกหนักในรอบแรก ด้วยการพบกับ แอนดี้ ร็อดดิก และสามารถเฉือนเอาชนะไปได้ในเซตแรกด้วยซูเปอร์ทายเบรคสกอร์ 20-18 ซึ่งเป็นการดวลทายเบรคที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการ ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น แต่สุดท้ายเขาต้องพ่ายตกรอบแรกไปในที่สุด ด้วยผลการแข่งขัน 1-3 เซต และในตอนนั้นเขาเพิ่งจะอายุเพียงแค่ 21 ปีเท่านั้น



          ในรายการ วิมเบิลดัน ปี 2007 เขาได้รับเชิญเข้าร่วมการแข่งขันเป็นมือไวลด์การ์ดอีกครั้ง และสามารถทะลุเข้าถึงรอบสี่ ซึ่งเป็นการผ่านเข้ารอบที่ลึกที่สุดของเขาเป็นครั้งแรกในชีวิต และสุดท้ายก็ต้องร่วงรอบสี่ด้วยน้ำมือของ แอนดี้ เมอร์เร่ย์ แต่ทำให้เขาทะยานจากมือวางอันดับ 110 ของโลกขึ้นเป็น 74 ของโลกในเวลาต่อมา และเป็นครั้งแรกที่เขาติดอันดับท็อป 75

          และในช่วงปลายปี ซองก้า ได้ทำอันดับพุ่งพรวดมากกว่า 150 อันดับ จากอันดับ 212 ขึ้นไปแตะอันดับที่ 50 ของโลก ซึ่งหลังจบปี 2007 เขาทำอันดับมือวางสูงสุดอยู่ที่ 43 ซึ่งเป็นการทะยานอันดับมากมายกว่า 169 และยังเป็นการไต่อันดับที่มากที่สุดของผู้เล่นทุกคนที่สามารถติดท็อป 75 คนแรกได้

2008 : รองแชมป์ แกรนด์สแลม และแชมป์ เอทีพี มาสเตอร์ 1000

          ซองก้า เข้าร่วม ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น ปี 2008 และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรายการนี้พบกับ โนวัค ยอโควิช ซึ่งเขาเป็นคนเดียวในทัวร์นาเมนต์นี้ที่สามารถเก็บเซตจาก ยอโควิช ได้ แต่ก็แพ้ไป 1-3 เซต คว้ารองแชมป์ แกรนด์สแลม ในที่สุด และไต่อันดับขึ้นไปเป็นมือวางอันดับ 18 ของโลก ซึ่งเป็นอันดับที่สูงที่สุดของเขาในเวลานั้น ซึ่งต่อมาเขาลงแข่งในรายการ อินเดี่ยน เวลส์ มาสเตอร์ส แต่ก็ต้องอกหักเพราะพ่ายให้กับ ราฟาเอล นาดาล แชมป์เก่าในรอบสี่ 0-3 เซต ตกรอบแต่ก็ทำให้อันดับโลก เอทีพี ของเขาขึ้นสูงไปถึงอันดับ 12



          หลังจากนั้น เขาได้เข้าร่วมการแข่งขัน เอทีพี ไทยแลนด์ โอเพ่น ในฐานะมือวางอันดับ 2 ของรายการ และสามารถเอาชนะมือวางอันดับหนึ่งของรายการอย่าง โนวัค ยอโควิช แชมป์ ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น ปี 2008 และคว้าแชมป์ เอทีพี เป็นครั้งแรกในเส้นทางอาชีพของเขา ต่อมาในรายการ ปารีส มาสเตอร์ส ซึ่ง ซองก้า ก็ยังสามารถเอาชนะคู่ปรับตลอดกาล โนวัค ยอโควิช ได้อีกครั้งและทำให้เขาผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ และยังปราบ แอนดี้ ร็อดดิก กับ เจมส์ เบลก จนกระทั่งทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นทางด้าน ซองก้า ที่เอาชนะ ดาวิด นาลบานเดี่ยน ได้ 3-0 เซต คว้ารางวัล เอทีพี มาสเตอร์ส ซีรี่ย์ ได้เป็นครั้งแรกในชีวิต

          ซึ่งชัยชนะดังกล่าวทำให้เขามีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันเเทนนิส มาสเตอร์ส คัพ ในช่วงสิ้นปี โดยในรอบพบกับหมด เขาพ่ายให้กับ นิโคลาย ดาวีเดนโก้ และ ฮวน มาร์ติน เดล ปอร์โตร แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะ โนวัค ยอโควิช ได้ก็ตาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ

2009 : แชมป์ เอทีพี ครั้งที่ 3, 4 และ 5

          แชมป์ เอทีพี ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นในปี 2009 รายการ เซาท์ แอฟริกัน โอเพ่น ที่ โยฮานเนสเบิร์ก ด้วยการเอาชนะ เจเรมี่ ชาร์ดี้ ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นแชมป์แรกในปีนี้และเป็นการคว้ารางวัล เอทีพี ครั้งที่สามในชีวิตของเขาด้วย

          ซองก้า ลงทำการแข่งขันในรายการ โอเพ่น 13 ในเมือง มาร์กเซย ประเทศ ฝรั่งเศส โดยเขาสามารถเอาชนะคู่ปรับคนเดิมอย่าง โนวัค ยอโควิช ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่จะปราบ มิคาเอล โลดรา ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์ เอทีพี รายการที่สองติดต่อกันในระยะเวลาเพียงแค่ 3 สัปดาห์



          ในรายการ เจแปน โอเพ่น ที่กรุงโตเกียว ประเทศ ญี่ปุ่น ซึ่งเขาทะลุผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยการเอาชนะ กาเอล มงฟิล์ส โดยในรอบชิงชนะเลิศ ซองก้า ก็สามารถเอาชนะ มิคาอิล ยูซห์นี่ โดยใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเศษ ๆ คว้าแชมป์รายการที่สามในปีนี้ และยังเป็นรางวัล เอทีพี เวิร์ล ทัวร์ 500 เป็นครั้งแรกในชีวิต

          เขาทะยานขึ้นไปเกาะกลุ่มมือวางอันดับท็อป 10 หลังจบทัวร์นาเมนต์สุดท้ายในปี 2009 สองปีติดต่อกัน

2010 : รองแชมป์ เดวิส คัพ

          ในรายการ เดวิส คัพ เขาเป็นตัวแทนของประเทศ ฝรั่งเศส พาทีมเอาชนะ เยอรมัน 3-0 คู่ มุ่งหน้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเขาดวงไม่ดี และเจ็บหัวเข่าในระหว่างการแข่งขันที่ มงต์เปลลิเย่ ซึ่งทำให้เขาพลาดช่วยทีม ฝรั่งเศส ในรายการ เดวิส คัพ รอบชิงชนะเลิศกับทางด้านประเทศ เซอร์เบีย โดยสุดท้ายทีมของเขาก็ทำได้แค่เป็นรองแชมป์ในรายการนี้

          ซองก้า จบฤดูกาล 2010 ด้วยอันดับโลกมากกว่า 10 เป็นครั้งแรกในรอบสามปีหลังสุด ด้วยการสถิติชนะ 31 แพ้ 16 (แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007) และไม่สามารถคว้าแชมป์ในรายการเดียวใด ๆ เลยในระหว่างปี 2010

2011 : รองแชมป์ เวิร์ล ทัวร์



          จากผลงานในรายการ ปารีส มาสเตอร์ส ทำให้เขาได้สิทธิ์เดินทางมาเข้าแข่งขันทัวร์นาเมนต์ส่งท้ายปี ในรายการ บาร์เคลย์ส เอทีพี เวิร์ล ทัวร์ ซึ่งผลการแข่งขันในรอบพบกันหมด เขาพลาดท่าให้กับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ แต่ก็สามารถเอาชนะ มาร์ดี้ ฟิช และ ราฟาเอล นาดาล ได้ ทำให้เขาดีพอที่จะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โดยเขายังฟอร์มแรงเอาชนะ โทมัส เบอร์ดิช และมุ่งหน้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา อย่างไรก็ตาม คู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศกลายเป็น โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ผู้ที่เคยเอาชนะเขาในรอบแรก ยังเป็นฝ่ายกำชัยอีกครั้ง และทำให้เขาทำได้แค่เป็นรองแชมป์ในที่สุด ซองก้า จบปีฤดูกาล 2011 ด้วยการเป็นมือวางอันดับ 6 ของรายการ

2012 : มุ่งสู่มือวางอันดับ 5 ของโลก

          ซองก้า คว้าแชมป์ช่วงต้นปีในรายการ กาต้าร์ โอเพ่น ด้วยการเอาชนะ กาเอล มงฟิล์ส ในรอบชิงชนะเลิศ และคว้ารองแชมป์ในรายการ ดูไบ เทนนิส แชมเปี้ยนชิพส์ หลังจากนั้นเขายังคว้าเหรียญเงินในประเภทคู่รายการโอลิมปิกที่ประเทศอังกฤษ ต่อมาเขาคว้าแชมป์ เอทีพี ครั้งที่ 9 ในรายการ โมเซลล์ โอเพ่น ด้วยการเอาชนะ อันเดรส เซปปี้ ในรอบชิงชนะเลิศ

          เขาได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน เอทีพี เวิร์ล ทัวร์ ไฟน่อลส์ แต่ทำผลงานได้ไม่ดีนักแพ้สามนัดรวดให้กับ โทมัส เบอร์ดิช, แอนดี้ เมอร์เร่ย์ และ โนวัค ยอโควิช อย่างไรก็ตามผลงานที่ดีที่สุดของเขาในปีนี้ก็คือการขึ้นไปแตะมือวางอันดับ 5 ของโลก ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2012

2013 : แชมป์ เอทีพี ครั้งที่ 10

          เขาลงแข่งในรายการที่เมือง ร็อตเตอร์ดัม ซึ่งเขาสามารถเอาชนะ เบอร์นาร์ด โทมิค ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และยังผ่านเข้ารอบชิงชนะเลยด้วยการปราบ ฌีลส์ ซีมง ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งสุดท้ายเขาโชว์ฟอร์มเทพเอาชนะ โทมัส เบอร์ดิช มือวางอันดับต้น ๆ ของรายการ 3-0 เซต คว้าแชมป์ เอทีพี ครั้งที่ 10

2014 : แชมป์ เอทีพี มาสเตอร์ 1000 เป็นครั้งที่สอง

          ซองก้า เริ่มฤดูกาลคอร์ทหญ้าด้วยการเข้าสู่รอบที่สามของเทนนิสรายการ 2014 เอก้อน แชมเปี้ยนชิพส์ แต่ก็ต้องต้องรอบด้วยน้ำมือของ มารินโก้ มาโตเซวิช 3 เซตรวด หลังจากนั้นเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันในศึก วิมเบิลดัน และสามารถทะลุไปถึงรอบที่สาม โดยพบกับ โยวัค ยอโควิช คู่ปรับตลอดกาลและแชมป์ 2 สมัยในรายการนี้ ซึ่งเขาพ่ายไป 3 เซตรวด


          อย่างไรก็ตาม เขาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้ง ในเทนนิสรายการ โรเจอร์ คัพ เอทีพี มาสเตอร์ 1000 ที่เมือง โตรอนโต้ ประเทศ แคนาดา ซึ่งเขาสามารถเอาชนะมือวางอันดับท็อป 10 ของโลกได้ถึง 4 คน โดยในรอบสามสามารถคว่ำ โนวัค ยอโควิช มาได้ ส่วนในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซองก้า ก็ยังเอาชนะ แอนดี้ เมอร์เร่ย์ และคนสุดท้ายก็คือการเอาชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์ เอทีพี มาสเตอร์ 1000 เป็นครั้งที่สองในชีวิตของเขา 

ADS