ประวัติ มาริโอ มานด์ซูคิซ
มาริโอ มานด์ซูคิช ดาวยิงป้ายแดงของยูเวนตุส ทำสถิติย้ายร่วมทีมรองแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ตลอด 3 ครั้งที่ผ่านมา หลังเพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของรองแชมป์ยุโรปทีมล่าสุด
โดยกองหน้าทีมชาติโครเอเชียตกลงโยกมาสวมยูนิฟอร์มเจ้าม้าลาย ด้วยสนนราคาราว 19 ล้านยูโร บวกอ็อปชันอีก 2 ล้านยูโรในอนาคตหากทำผลงานดี พร้อมเซ็นสัญญายาว 4 ปีกับสโมสร เมื่อสองวันก่อน
จากการย้ายทีมครั้งนี้ทำให้หอกวัย 29 กะรัต สร้างสถิติอันน่าเหลือเชื่อขึ้น หลังเขาย้ายไปเล่นกับทีมรองแชมป์ยูซีแอลปีล่าสุด 3 ครั้งซ้อน เริ่มตั้งแต่ บาเยิร์นฯ, แอต,มาดริด และ ยูเว่
สถิติย้ายซบทีมรองแชมป์แชมเปียนส์ลีกของมานด์ซูคิช มีดังนี้
- บาเยิร์นแพ้จุดโทษต่อเชลซีในเกมรอบชิงฯ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ปี 2012
- มานด์ซูคิชย้ายร่วมทีมบาเยิร์นฯ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ปี 2012
- แอต.มาดริด แพ้ เรอัล มาดริด ในเกมรอบชิงฯ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ปี 2014
- มานด์ซูคิชย้ายร่วมทีมแอต.มาดริด เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ปี 2014
- ยูเวนุตส แพ้ บาร์เซโลนา ในเกมรอบชิงฯ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ปี 2015
- มานด์ซูคิชย้ายร่วมทีมยูเวนตุส 22 มิถุนายน ปี 2015
ประวัติการค้าแข้งในวัยเด็กมานด์ซูคิซเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลที่แรกกับทีม ทีเอสเอฟ ดิทซินเก้น ละแวกเมืองสตุ๊ตการ์ท ในปี 1992 ต่อมาเขากลับมาที่บ้านเกิด และใช้เวลาตั้งแต่ปี 1996 - 2003 กับทีม เอ็น เค มาร์โซเนียซีซั่นถัดมา เขาย้ายไปร่วมทีม เอ็น เค ซาเกร็บ ภายใต้การคุมทีมของ มิโรสลาฟ บลาเซวิซ ทำให้เขาเริ่มได้รับความสนใจจาก เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดดินาโม ซาเกร็บในซัมเมอร์ปี 2007 มานด์ซูคิซ ถูกซื้อไปร่วมทีม ดินาโม ซาเกร็บ ด้วยราคา 1.3 ล้านยูโร เพื่อมาแทนที่ เอดูอาร์โด้ กองหน้าบราซิล ที่ย้ายไปอาร์เซน่อล โดยได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทันที ในตำแหน่งหน้าต่ำ วันที่ 4 ตุลาคม 2007 เขาโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจด้วยการซัด 2 ลูก ให้ทีมชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 3-2 พาทีมเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า คัพ จบฤดูกาล เขายิงไป 12 ลูก และ 11 แอสซิสต์ จาก 29 แมตช์เขาเริ่มต้นฤดูกาล 2008-09ด้วยการยิง 2 ประตู ในเกมพบกับ ลินฟิลด์ ในรอบคัดเลือกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกใน ซีซั่น 2008-09 มานด์ซูคิซ เป็นผู้ดาวซัลโวสูงสุดของลีก โดยถล่มไป 16 ประตู จาก 28 นัด นอกจากนี้เขายังยิงสามประตูใน ยูฟ่า คัพ ฤดูกาลนี้เป็นช่วงขาขึ้นของเขานามในทีมชาติโครเอเชีย เขาลงเล่น 8 นัด ในฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก หลังจากซีซั่นนี้เขาได้รับข้อเสนอจาก เบรเมน แต่ถูกปฏิเสธไปเขาเริ่มต้นฤดูกาล 2009-10 โดยการยิงประตูได้เกมเพลย์ออฟแชมเปียนส์ ลีกกับ เรดบูล ซัลส์บวร์กวันที่ 20 กันยายน มานด์ซูคิซ สวมปลอกแขนกัปตันให้ทีมชัยชนะ 6-0 เอ็นเอชเค ริเยก้า ซีซั่นนี้เขาลงเล่นไปทั้งหมด 24 เกม ทำได้ 14 ประตู และลงเล่นในยูโรป้า ลีก 5 เกมโวล์ฟบวร์กวันที่ 14 กรกฏาคม 2010 มานด์ซูคิซ เซ็นสัญญากับ โวล์ฟบวร์ก ด้วยค่าตัว 7,000,000 ยูโร ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2010-11 ภายใต้การคุมทีมของ สตีฟ แมคลาเรน เขาได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอแต่มักจะถูกเปลี่ยนตัวลงในตำแหน่งปีกซ้าย จนกระทั่ง เอดิน เชโก้ ถูกขายให้แมน ซิตี้ เขาจึงได้เล่นตำแหน่งธรรมชาติของเขา เขาทำประตูแรกให้ทีมได้ในเกมลีกบุนเดสลีกา ในเกมพบ เนิร์นแบร์ก ที่สุดแล้วเขากลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสร โดยซัดไป 12 ลูก ตลอด 2 ปีที่อยู่โวล์ฟบวร์ก เขาทำได้ทั้งสิ้น 20 ลูก จาก 56 นัดบาเยิร์น มิวนิควันที่ 26 มิถุนายน มานด์ซูคิซ เซ็นสัญญากับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 13 ล้านยูโรวันที่ 24 กรกฏาคม 2012, มานด์ซูคิซ ประเดิมให้บาเยิร์นชนะ ปักกิ่ง กัวอั่น 6-0 เขามาทำประตูแรกอย่างเป็นทางการในเกมที่เจอโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในถ้วยซูเปอร์ คัพ ส่วนลูกแรกในลีก คือเกมชนะ กรอยเธอร์ เฟืรธ 6-1 เขาจบฤดูกาลนี้อย่างยิ่งใหญ๋โดยการคว้า 3 แชมป์ ได้แก่ บุนเดสลีกา เดเอฟเบโพคาล และ เยอรมัน ซูเปอร์คัพมานด์ซูคิซ เริ่มต้นฤดูกาลนี้อย่างเชื่องช้า ด้วยการคุมทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า ทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสมากนัก ด้วยระบบ 4-2-3-1 ยิ่งทำให้ต้องปรับตัวหนักขึ้น แต่เขาก็ยังทำได้ 2 ลูก จากเกมลีก 2 นัดแรก และยังทำประตูได้ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ในเกมชนะ ซีเอสเคเอ มอสโก 3-0 ที่สุดแล้ว เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุด ที่ 26 ประตู แต่การที่โดนดรอปจากนัดชิงเดเอฟเบโพคาล ทำให้เขาตัดสินใจย้ายทีมแอตเลติโก มาดริดวันที่ 10 กรกฎาคม 2014 มานซูคิซ ตกลงเซ็นสัญญาร่วมทีม แอตเลติโก มาดริด ด้วยราคา 22 ล้านยูโรเขาประเดิมนัดแรก ในเกม เสมอ เรอัล มาดริด 1-1 ในถ้วยซูเปอร์ โคปา เลกแรก ต่อมาในเลก 2 เขาทำประตูชัยให้ทีมได้ตั้งแต่นาทีที่ 2 พร้อมคว้าแชมป์ทีมชาติยูโร 2012เขาทำประตูแรกในรายการนี้ได้ใน มิถุนายน 2011 โดยยิงตีเสมอ จอร์เจีย ในเกมรอบคัดเลือก และมาทำได้อีกครั้งในเกมเพลย์ออฟ กับตุรกี ที่ชนะไป 3-0จากนั้นในรอบสุดท้าย เขาลงจับคู่กับ นิกิช่า เยลาวิช และก็มายิงประตูได้ถึง 2 ลูก ในเกมแรกมแรกที่ชนะ ไอร์แลนด์ ต่อมาเขาก็ยังยิงอิตาลีได้อีก 1 ลูก ทำให้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดของยูโร 2012 ร่วมกับ มาริโอ บาโลเตลลี่, เฟร์นานโด ตอร์เรส, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, อลัน ซาโกเยฟ และ มาริโอ โกเมซฟุตบอลโลก 2014เขาลงเล่นรอบคัดเลือกด้วยการทำ 2 แอสซิสต์ใน 2 เกมแรก และมาทำประตูแรกในเกมชนะ เวลส์ และยังยิงประตูอีก 1 เม็ดในเกมเจอ เซอร์เบียมานด์ซูคิซ เป็นหนึ่งใน 23 ผู้เล่นทีมชาติโครเอเชีย ที่ไปร่วมศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล แต่ก็ต้องมาถูกแบนนัดแรก จึงได้ลง ในนัดที่สองในเกมพบแคเมอรูนในวันที่ 18 มิถุนายน และมาทำประตูได้ถึง 2 ลูก พาทีมชนะ 4-0 พร้อมเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ในนัดนี้