ประวัติ โลอิก เรมี่

 

      โลอิก เรมี่ ดาวยิงชาวฝรั่งเศสของ เชลซี ออกมากระตุ้นให้เพื่อนร่วมทีม ช่วยกันตั้งใจโชว์ฟอร์มให้ดีต่อเนื่อง เพื่อให้ยังมีลุ้นถ้วยรางวัลในทุกรายการในฤดูกาลนี้

 
     "มันเป็นเรื่องยากแต่เราก็อยากที่จะคว้าแชมป์ทุกรายการ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจและคุณภาพของสมาชิกในทีม ที่จะทำให้เกิดความแตกต่าง เราพยายามจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งเพราะเรื่องราวมากมายยังสามารถเกิดขึ้นได้ในฤดูกาลนี้"

     "ทุกครั้งที่เรามีโอกาสลงเล่น แม้แต่การเจอทีมอย่าง วัตฟอร์ด เราต้องแสดงให้ผู้จัดการของเราเห็นว่าเราคู่ควรให้เขาเลือกลงเล่น"

     "ตอนนี้อารมณ์พวกเรากำลังดี เรายังโฟกัสไปที่เป้าหมายทุกรายการ ทุกๆ ทีมพร้อมสร้างปัญหาแก่เราตลอดเวลา และผมหวังว่าเราจะสู้กันต่อไป เกมที่แพ้ สเปอร์ส ไม่มีผลอะไรกับความมั่นใจหรอก เรายังเป็นทีมที่เจ๋งสุดของลีก"

     "เราเพิ่งผ่านเข้ารอบต่อไปใน เอฟเอ คัพ รอบ4 ดังนั้นไม่มีอะไรเป็นสัญญานในทางลบทั้งนั้น"

 

ชื่อเต็ม : โลอิก เรมี่

วันเกิด : ริริอู-ลาปาเป้ , ประเทศฝรั่งเศส

สัญชาติ : ฝรั่งเศส

ส่วนสูง : 183 เซนติเมตร

ตำแหน่ง : กองหน้า

สโมสรปัจจุบัน :  ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์

 

 

ประวัติการค้าแข้ง

โอลิมปิก ลียง

     เขาเริ่มอาชีพค้าแข้งกับ เอเอสพีทีที ลียง ในทีมเยาวชน ของโค้ช เรเน่ ฌักเกต์ จนไปเข้าตาแมวมองของ โอลิมปิก ลียง จึงถูกดึงมาร่วมทีม เช่นเดียวกับ คาริม เบนเซม่า, อ็องโตนี่ มูร์นิเย่ร์ และ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา  

     วันที่ 11 ตุลาคม 2006 เขาได้เซ็นสัญญาอาชีพครั้งแรก เป็นเวลา 3 ปี ต่อมา 14 ตุลาคม เรมี่ ได้ประเดิมเกมแรก  ในนัดเจอ แซงต์ เอเตียน ด้วยการลงสนามในนาทีที่ 73 แทน ซิลแวง วิลตอร์

 

 

ล็องส์ (ยืมตัว)

     ซีซั่น 2007-08 เรมี่ ก้าวขึ้นชุดใหญ่ให้ลียง พร้อมเบอร์เสื้อหมายเลข 12 แต่แล้วก็ต้องถูกส่งให้ล็องส์ยืมต่อ พร้อมออปชั่นซื้อขาด และสวมหมายเลข 9 ให้ทีมใหม่ เขาประเดิมเกมแรกให้ล็องส์ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2008 แถมยิงลูกแรกให้ทีมได้ด้วย ในเกมถล่ม ก็อง 4-1 รวมทั้งฤดูกาลเขาทำไป 4 ลูก จาก 12 นัด พร้อมเตรียมย้ายกลับไปที่ ลียง อีกครั้ง

 

 

นีซ

     แม้ว่าจะมีสัญญากับ ลียง อีก 2 ปี แต่กระนั้นก็ถูกขายไปให้ นีซ เมื่อวันที่ 5 มิถุยายน 2008 พร้อมสัญญา 4 ปี ด้วยค่าตัว 8 ล้านยูโร เป็นราคาสถิติของสโมสรนีซ พร้อมใส่เสื้อหมายเลข 7 โดยประเดิมเกมแรกให้ทีมในเกมพ่าย เลอ อาฟร์ 1-0 เขาลงเล่นซีซั่นนี้ 36 นัด ทำไป 13 ประตู

     ฤดูกาล 2009-10 เรมี่ก็ยิงได้ตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาล ในเกม ชนะ แซง เอเตียน 2-0 และยิงต่อเนื่องในเกมพบ โมนาโก และ ลีลล์ รวมทั้ง แซง เอเตียน อีกครั้งในถ้วย เฟร้นซ์ ลีก คัพ และยังยิงทีมเก่า อย่าง ลียง ได้อีก รวมสถิติการค้าแข้งให้ นีซ ลง 68 นัด ซัด 26 ลูก

 

 

โอลิมปิก มาร์กเซย

     วันที่ 19 สิงหาคม 2010 มาร์กเซย ได้ซื้อ เรมี่ มาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร พร้อมสัญญา 5 ปี ใส่เบอร์ 11 เรมี่ ประเดิมให้ทีมในเกมพบ บอร์กโดซ์ ในวันที่ 29 สิงหาคม 2010 จากนั้นทำประตูแรกให้ทีม ในเกมชนะ น็องซี่ 1-0 รวมทั้งสิ้น 68 นัด ยิงไป 27 ประตู

 

 

ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์

     วันที่ 16 มกราคม 2013 เรมี่ ได้ตกลงเซ็นสัญญา 4 ปีครึ่ง กับ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ ด้วยราคา 8 ล้านปอนด์ พร้อมชูเสื้อเบอร์ 18 และรับค่าแรงที่ 70,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยซัดประตูแรกให้คิวพีอาร์ ในเกมประเดิมทันที เมื่อวันที่ 19 มกราคม ในนัดเยือน เวสต์แฮม ผลเสมอที่ 1-1

 

 

นิวคาสเซิ่ล (ยืมตัว)

     วันที่ 5 สิงหาคม 2013 นิวคาสเซิ่ล ยืนยันการเซ็นสัญญาคว้า เรมี่ ร่วมทีม ด้วยสัญญา ยืมตัว 1 ปี โดยได้ประเดิมเกมลีก ในนัดเจอ ฟูแล่ม จากนั้นทำประตูแรกให้ต้นสังกัด ในเกมเยือน ฮัลล์ ซิตี้ เมื่อวันที่ 21 กันยายน โดยชนะไป 3-2 เขายิงได้ต่อเนื่อง โดยซัดทีมใหญ่อย่าง เชลซี และสเปอร์ส รวมแล้ว 26 นัด ทำไป 14 ประตู

 

 

กลับ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์

     หลังจากหมดสัญญายืมตัวกับ นิวคาสเซิ่ล แฮรี่ เร้ดแน็ปปฺ์ ก็ยอมรับว่า เรมี่ ต้องไปย้ายไปร่วมทีมที่เล่นถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนมีข่าวว่า อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล สนใจคว้าตัวไปเสริม โดยเป็น ลิเวอร์พูล ที่สนใจจริง ยื่นข้อเสนอ 8.5 ล้านปอนด์ การเจรจาเกือบลุล่วงแต่สุดท้าย ไม่ผ่านในการตรวจร่างกาย จนต้องล้มเลิกการย้ายทีม

 

ทีมชาติ 

     เรมี่ ติดทีมชาติฝรั่งเศส ชุดยู20 และ ยู 21 ในชุดยู 20 เขาเล่นรายการ ตูลง ทัวร์นาเมนท์ โดยซัดประตูใส่ทีมอย่าง ไอวอรี่ โคสต์ และ ญี่ปุ่น ส่วนชุดยู 21 ทำประตูแรกได้ในเกมพบเนเธอร์แลนด์ ที่ชนะไป 2-1 ที่ประเทศสวีเดน 

     วันที่ 24 มีนาคม 2008 จากการบาดเจ็บ ของ เธียร์รี่ อองรี ทำให้ เขาถูกเรียกตัวมาแทนที่ในทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่ ของโค้ช เรย์มงด์ โดเมเน็ค ในเกมอุ่นเครื่องกับอังกฤษ  เขาได้ประเดิมทีมเป็นตัวจริงในเกมชนะ ไนจีเรีย 1-0 จากนั้นทำประตูแรกในนามทีมชาติ วันที่ 9 ตุลาคม 2010 ในยูโร 2012 รอบคัดเลือก ที่ชนะ โรมาเนีย 2-0

     ทั้งนี้เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติชุดลุยบอลโลก 2014 อีกด้วย