ประวัติ เคอิ นิชิโคริ

| 01/01/1970 07:00 น. | 1147 Views

นิชิโคริโค่น"โนเล่"ชิงดำซิลิชแกรนด์สแลมส่งป้ายปี

          เคอิ นิชิโคริ นักเทนนิสอาชีพชาวญี่ปุ่น กลายเป็นคนเอเชียรายแรกที่ทำอันดับโลกชายเดี่ยวได้สูงที่สุด ทำลายสถิติที่ ภราดร ศรีชาพันธุ์ นักเทนนิสชาวไทยทำไว้ที่อันดับ 9 เมื่อปี 2003 ซึ่งปัจจุบัน นิชิโคริ อยู่ในอันดับที่ 8 และกำลังมุ่งเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูเอส โอเพ่น แกรนด์สแลมสุดท้ายของปี 2014

          ในรอบรองชนะเลิศ เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด โดยเอาชนะมือวางอันดับหนึ่งของโลกชาวเซิร์บ โนวัค ยาโควิช ไปได้อย่างสนุก 3-1 เซต 6-4, 1-6, 7-6 (7-4), 6-3 เมื่อวันเสาร์ที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา

          เขาให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า "ผมไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันสูสีนิดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้ลงเล่นรอบรองชนะเลิศในรายการ แกรนด์สแลม แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่สุดยอดไปเลยที่เอาชนะนักเทนนิสมือ 1 ของโลกได้ ปัจจัยแวดล้อมมันทำให้เล่นได้ยาก แต่ผมคิดว่าผมคงชอบเล่นแมตช์ที่นานๆ ล่ะนะ"

          นิชิโคริ ได้กล่าวเพิ่มเติมในกรณีที่พ่ายอย่างขาดลอยในเซตที่สอง 1-6 ว่า "เขา (ยอโควิช) เริ่มเล่นได้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ เขาคงเส้นคงวามากๆ และดุดันกว่าเดิม ผมพยายามที่จะลืมเกี่ยวกับเซตที่ 2 และมีสมาธิกับการแข่งอีกครั้ง"

          ทำให้เขาเข้าไปชิงชนะเลิศกับ มาริน ซิลิช นายเทนนิสโครเอเชียที่สร้างเซอร์ไพรส์ เอาชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือวางอันดับ 3 ของโลก 3-0 เซต 6-3, 6-4, 6-4 และกลายเป็นคู่ชิงที่ทั้งโลกจับตามองในขณะนี้


ชื่อเต็ม : เคอิ นิชิโคริ
วันเกิด : 29 ธันวาคม 1989
เกิดที่ : ชิมาเนะ, ญี่ปุ่น
สัญชาติ : ญี่ปุ่น
ส่วนสูง : 178 เซนติเมตร

ประวัติส่วนตัว

          เคอิ นิชิโคริ (เกิด 29 ธันวาคม 1989) นักเทนนิสอาชีพชาวญี่ปุ่นที่เกิดในเมือง ชิมาเนะ ประเทศ ญี่ปุ่น มือวางอันดับ 9 ของโลกในปัจจุบัน ณ วันที่ 8 กันยายน 2014 ซึ่งพ่อของเขา "คิโยชิ" เป็น วิศวกร และแม่ของเขา "เอริ" เป็นครูสอนเปียโน ซึ่งมีพี่สาวหนึ่งคน "เรนะ" เขาเริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง ฟลอริด้า เพื่อศึกษาต่อในสถาบันกีฬา ไอเอ็มจี อคาเดมี่ โดยในเวลาว่างเขาชอบที่จะ เตะฟุตบอล, เล่นกอล์ฟ, อ่านหนังสือ และฟังเพลง

เส้นทางในอาชีพนักเทนนิส

เยาวชนอาชีพ (2004-2006)

          ปี 2004 นิชิโคริ ในวัย 15 ปี ก้าวเข้าสู่เส้นทางสายเทนนิสด้วยการคว้าแชมป์รายการ เรด 21 ที่กรุง ราบัต ประเทศ โมร็อกโก และใช้เวลา 3 ปีก่อนจะเทิร์นโปรในที่สุด เขามีสถิติชนะ 73 แพ้ 37 ครั้งในการเล่นเดี่ยว และชนะ 53 แพ้ 31 ครั้งในการเล่นคู่ นอกจากนี้ยังก้าวขึ้นสู่มือวางอันดับ 7 ของโลกในระดับเยาวชน เมื่อเดือน กรกฏาคม 2006

จูเนียร์ สแลม - รายการเดี่ยว

ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น : รอบก่อนรองชนะเลิศ (2006)
เฟรนช์ โอเพ่น : รอบก่อนรองชนะเลิศ (2006)
วิมเบิลดัน : รอบแรก (2005)
ยูเอส โอเพ่น : รอบสาม (2005)

นักเทนนิสมืออาชีพ (2006-ปัจจุบัน)

2008 : แชมป์ เอทีพี แรก

          เขาเริ่มต้นปีด้วยการเป็นมือวางอันดับ 244 ของโลก และเข้าร่วมรายการ ไมอามี่ ชาลเลนเจอร์ ที่ เดลเรย์ บีช ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยการเอาชนะ แซม เคอร์รี่ย์ ในรอบรองชนะเลิศ และสามารถคว่ำ เจมส์ เบล็ก ในสามเซ็ต 3-6, 6-1, 6-4 และกลายเป็นนักเทนนิสชาวญี่ปุ่นคนแรกที่คว้าแชมป์ เอทีพี ในรอบเกือบ 16 ปี ซึ่งเขาไต่อันดับสูงติดท็อป 100 ในช่วงสิ้นปี 2008 ด้วยการเป็นมือวางอันดับ 63 ของโลก

2009 : ฤดูกาลแห่งความเจ็บปวด

          นิชิโคริ ต้องขอถอนตัวจากรายการ เฟรนช์ โอเพ่น, วิมเบิลดัน และ ยูเอส โอเพ่น สามแกรนด์สแลม เพราะได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศอกขวา และปิดท้ายฤดูกาลด้วยการหล่นไปอยู่ที่มือวางอันดับ 418 ของโลก

2010 : ฤดูกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่

          หลังจากที่เขาสลัดเดี้ยงได้หายขาดแล้ว ก็ได้เริ่มกลับมาลงแข่งขันอย่างจริงจังอีกครั้ง โดยเริ่มจากทัวร์นาเมนต์ที่สร้างชื่อให้กับเขาอย่างรยาการ ไมอามี่ ชาลเลนเจอร์ ที่ เดลเรย์ บีช ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็ต้องตกรอบด้วยน้ำมือของ เบนจามิน เบ็คเกอร์ ต่อมาเขาได้ลงแข่งในรายการ ซาราโซต้า โอเพ่น ที่รัฐ ฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเดือนพฤษภาคม และสามารถคว้าแชมป์ไปได้ ด้วยการเอาชนะ ไบรอัน ดาบูล 2-1 เซต 2-6, 6-3, 6-4

          โดยในรายการแกรนด์สแลมส่งท้ายปีอย่าง ยูเอส โอเพ่น ซึ่งในขณะนั้นเขากลายเป็นมือวางอันดับ 1 ของญี่ปุ่น และได้เผชิญกับ มาริน ซิลิช มือวางอันดับ 11 ของรายการในรอบที่สอง โดยผลการแข่งกลายเป็น นิชิโคริ ที่ใช้เวลาแข่งขันยาวนานกว่า 5 เซต กินเวลาถึง 5 ชั่วโมง เอาชนะไปได้ 3-2 เซต 5-7, 7-6(6), 3-6, 7-6(3), 6-1 มุ่งหน้าเข้าสู่รอบที่สาม และจบฤดูกาล 2010 ด้วยการเข้าสู่ท็อป 100 อีกครั้ง ซึ่งเขาเป็นมือวางอันดับ 98 ของโลก

2012 : แชมป์ เอทีพี ครั้งที่สอง และการเข้าสู่รอบ 8 คนสุดท้ายในรายการเมเจอร์

          นิชิโคริ ได้สิทธิ์ลงแข่งในรายการแกรนด์สแลมแรกของปีอย่าง ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น 2012 และโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงไม่เบา ด้วยการเอาชนะ โจ-วิลฟรีด ซองก้า มือวางอันดับ 6 ของรายการ 3-2 เซต 2-6, 6-2, 6-1, 3-6, 6-3 มุ่งหน้าเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ก็ต้องพ่ายให้กับความดุดันของ แอนดี้ เมอร์เร่ย์ 3 เซตรวด 3-6, 3-6, 1-6 ตกรอบรายใหญ่ไปในที่สุด แต่นั่นเป็นการเข้าสู่รอบที่ลึกที่สุดในชีวิตการเล่นเทนนิสของเขา และยังเป็นนักเทนนิสเลือดซามูไรคนแรกในรอบ 80 ปี ที่สามารถทะลุไปถึงรอบ 8 คนสุดท้ายได้อีกด้วย

          ในช่วงท้ายฤดูกาล 2012 เขาได้ลงแข่งในรายการ ราคูเทน เจแปน โอเพ่น ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และสามารถเอาชนะ มิลอส ราโอนิก มือวางอันดับ 6 ของรายการ 2-1 เซต 7-6(7-5), 3-6, 6-0 คว้าแชมป์ระดับ เอทีพี 500 ซีรี่ย์ส เป็นครั้งแรก และเป็นแชมป์ เอทีพี ทัวร์ ครั้งที่สองของในชีวิตของเขา ซึ่งเขาทำอันดับทะยานขึ้นไปถึงมือวางอันดับ 15 ของโลกในเวลาต่อมา และทำให้เขากลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักเทนนิสชาวญี่ปุ่นคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ เจแปน โอเพ่น ได้ในรอบ 41 ปี

2013 : แชมป์ เอทีพี ครั้งที่สาม

          ปี 2013 เขาลงแข่งขันในรายการ ยูเอส เนชั่นแนล อินดอร์ แชมเปี้ยนชิพส์ และสามารถคว้าแชมป์ เอทีพี ครั้งที่สาม ได้สำเร็จด้วยการเอาชนะ เฟลิเซียโน่ โลเปซ มือวางอันดับ 5 ของรายการ 2-0 เซต 6-2, 6-3 และนั่นทำให้เขาขยับจากอันดับ 22 ขึ้นมือวางเป็นอันดับ 16 ของโลก

2014 : ก้าวขึ้นสู่มือวางอันดับท็อป 10 ของโลก และเข้าชิงชนะเลิศในรายการเมเจอร์

          นิชิโคริ ได้จ้าง ไมเคิ่ล ชาง อดีตนักเทนนิสระดับโลกชาวอเมริกันเชื้อสายจีนเป็นโค้ชส่วนตัว และในวันที่ 10 พฤษภาคม เขาได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นอีกครั้ง ด้วยการเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการ มาดริด โอเพ่น ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับ 1000 มาสเตอร์ หลังเอาชนะ ดาวิด เฟร์เรร์ ในรอบรองชนะเลิศ และเข้าไปพบกับมือวางอันดับ 1 ของโลก ราฟาเอล นาดาล โดยผลปรากฏว่าเขาต้องขอถอนตัว หลังแข่งไปได้ในเซตที่ 3 ซึ่งขณะนั้นยังเสมอกันอยู่ที่ 1-1 เซต เพราะอาการบาดเจ็บที่หลัง และทำให้ต้องพ่ายไปในที่สุด แต่นั่นก็ทำให้อันดับโลกของเขาเพิ่มขึ้นเป็นมือวางอันดับ 9 ของโลก ซึ่งเป็นอันดับที่สูงที่สุดในชีวิตของเขา เท่ากับที่ ภราดร ศรีชาพันธุ์ เคยทำไว้เมื่อปี 2003

          อย่างไรก็ตาม นิชิโคริ ได้สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง หลังทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการแกรนด์สแลมส่งป้ายปีอย่าง ยูเอส โอเพ่น 2014 ซึ่งเอาชนะ โนวัค โยโควิช มือวางอันดับหนึ่งของโลก 3-1 เซต 6-4, 1-6, 7-6 (7-4), 6-3 และนั่นทำให้เขากลายเป็นนักเทนนิสญี่ปุ่นคนแรกที่เข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศรายการเมเจอร์ได้ในที่สุด นอกจากนี้ยังทำให้อันดับโลกล่าสุดของเขาขึ้นไปอยู่ที่ 8 (อัพเดท 8 กันยายน 2014) ทำลายสถิติที่ "เจ้าบอล" ภราดร ศรีชาพันธุ์ เคยทำไว้ได้สำเร็จ และกลายเป็นนักเทนนิสชาวเอเชียรายแรกที่มีอันดับโลกสูงที่สุดอีกด้วย

ADS