ประวัติ สตานิสลาส วาวรินก้า

| 01/01/1970 07:00 น. | 654 Views

แชมป์ยังเหนือ! วาวรินก้าเขี่ยนิชิโคริตกรอบแปดแกรนด์สแลมแรกเมืองจิงโจ้

          แชมป์เก่า สตานิสลาส วาวรินก้า มือวางอันดับ 8 ของโลกและมือวางอันดับ 4 ของรายการ สามารถเอาชนะ เคอิ นิชิโคริ มือวางอันดับ 5 ของรายการ ไปแบบสนุกสุดมันส์ 3-0 เซต 6-3, 6-4, 7-6 (ทายเบรค 8-6) มุ่งหน้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศรายการแกรนด์สแลมแรกของปี 2015 ออสเตรเลียน โอเพ่น

          วาวรินก้า โชว์ฟอร์มดุด้วยการยิงวินเนอร์ถึง 46 ครั้ง และเซิร์ฟเอซไปมากกว่า 20 ครั้งเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังตีเสียเองเพียงแค่ 34 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่ารอบที่ผ่านมาเกือบครึ่ง (61 ครั้ง) หลังชัยชนะในเกมนี้ทำให้เขาเข้าไปพบกับ โนวัค โยโควิช มิอวางอันดับ 1 ของโลกและของรายการ

ชื่อเต็ม : สตานิสลาส "สตาน" วาวรินก้า
วันเกิด : 28 มีนาคม 1985
เกิดที่ : ลูซานน์, สวิตเซอร์แลนด์
สัญชาติ : สวิตเซอร์แลนด์
ส่วนสูง : 183 เซนติเมตร

ประวัติส่วนตัว

          สตานิสลาส "สตาน" วาวรินก้า เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1985 นักเทนนิสอาชีพชาว สวิตเซอร์แลนด์ มือสองของประเทศ และเป็นมือวางอันดับ 4 ของโลก (เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2014)

          วาวรินก้า มีจุดเด่นในการเล่นคอร์ทดินและลูกเซิร์ฟที่หนักหน่วง นอกจากนี้ทีเด็ดของเขายังอยู่ที่ลูกแบ็คแฮนด์อีกด้วย ถึงขนาดที่ จอห์น แม็คเอ็นโร อดีตมือวางอันดับ 1 ของโลกในปี 1980 เชื่อว่า วาวรินก้า เป็นหนึ่งในนักเทนนิสที่แบ็คแฮนด์ทรงพลังที่สุดที่ผมเคยเห็นมา และให้คำนิยามไว้ว่า "แบ็คแฮนด์มือเดียวที่ดีที่สุดในเกมวันนี้"

เส้นทางในอาชีพนักเทนนิส

2003-2007 : แชมป์ เอทีพี แรก

          วาวรินก้า เทิร์นโปรในปี 2002 ตอนอายุ 17 ปี ซึ่งในเดือนกรกฎาคม ปี 2006 เขาได้แชมป์ เอทีพี เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่รายการ โครเอเชีย โอเพ่น อูแม็ก ด้วยการเอาชนะ โนวัค โยโควิช ในรอบชิงชนะเลิศ โดยหลังจากจบเดือน ตุลาคม 2006 เขาทะยานขึ้นสู่มือวางอันดับ 29 ของโลก

          ในปี 2007 เขาลงเล่นในศึก ออสเตรเลียน โอเพ่น และไปได้ไกลที่สุดเพียงรอบสาม หลังพ่ายมือวางอันดับสองของรายการ ราฟาเอล นาดาล สามเซ็ตรวด แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงทักษะการแบ็คแฮนด์ที่สุดยอดในเกมนี้

          รายการต่อมาในปีเดียวกันในศึก เฟร้นช์ โอเพ่น ซึ่ง วาวรินก้า ได้ถูกจัดให้เป็นมือวางอันดับ 7 ของรายการ และเอาชนะ อิวาน ลูบิชิช ก่อนที่จะจอดป้ายแค่รอบสอง ซึ่งหลังจากนั้น เขาได้พบกับ ราฟาเอล นาดาล อีกครั้งในรายการ เมอร์ซีเดส คัพ ที่เมือง สตุ๊ตการ์ต ในเดือน กรกรฎาคม และก็เป็น นาดาล ที่เอาชนะไปได้ 2 เซตรวด ความแชมป์ไปครอง

          จากนั้นในรายการ ยูเอส โอเพ่น เขาทะลุเข้าถึงรอบสี่ ซึ่งเป็นการผ่านเข้ารอบที่ไกลที่สุดในชีวิตของเขาสำหรับรายการ แกรนด์สแลม ก่อนจะตกรอบด้วยฝีมือของ ฮวน อิ๊กนาซิโอ เชล่า ด้วยการดวลถึง 5 เซต

2008 : ก้าวขึ้นสู่มือวางอันดับ 10 ของโลก และเหรียญทองประเภทคู่ในโอลิมปิก

          เขาก้าวเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการ มาสเตอร์ส ซีรี่ส์ ปี 2008 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโรม แต่สุดท้ายต้องอกหักพ่ายให้กับ โนวัค โยโควิช ไป 1-2 เซต โดยในศึก โอลิมปิก ปี 2008 วาวรินก้า จับคู่กับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ คว้าแชมป์ชายคู่และได้เหรียญทองให้กับทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ ไปในที่สุด

          หลังจากนั้นในรายการ ยูเอส โอเพ่น 2008 วาวรินก้า ไปได้ไกลที่สุดแค่รอบสี่ เพราะต้องผิดหวังเมื่อพ่ายให้กับ แอนดี้ เมอร์เรย์ นักเทนนิสชาวสหราชอาณาจักรไป 3 เซตรวด

2010 : แชมป์ระดับอาชีพครั้งที่สอง

          วาวรินก้า เริ่มต้นปี 2010 มุ่งหน้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการ เชนไน โอเพ่น แต่ต้องแพ้ให้กับ มาริน ซิลิช ไปด้วยสอง ทาย-เบรค และนั่นทำให้เขาอกหักในรอบชิงรายการเอทีพีถึง 5 ครั้งติดต่อกัน

          และแล้วในรายการ เอทีพี 2010 กรังปรี ฮัสซัน ทู ที่เมืองคาซาบลังก้า เป็นการเล่นบนคอร์ทดิน ซึ่งเขาสามารถเอาชนะ โปติโต้ สตาราเซ่ นักเทนนิสชาวอิตาลี ไป 2-1 เซต เข้าชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง ก่อนที่คว้าแชมป์ด้วยการคว่ำ วิคเตอร์ ฮาเนสชู ไปสองเซตรวด คว้าแชมป์รายการที่สองในระดับอาชีพไปครอง

          ในรายการ เฟร้นช์ โอเพ่น ปี 2010 เขาถูกจัดให้เป็นมือวางอันดับที่ 20 ของรายการ และมุ่งหน้าเข้าสู่รอบที่สี่โดยที่ไม่เสียแม้แต่เซตเดียว ก่อนจะมาพ่ายตกรอบด้วยฝีมือของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสเพื่อนร่วมชาติ ซึ่งต่อมาในรายการ วิมเบิลดัน เขาไปได้ไม่ไกลหลังตกรอบแรก และทำให้เขาแยกทางกับโค้ชในวัยเด็ก ก่อนจะตัดสินใจจ้าง ปีเตอร์ ลันด์เกรน (อดีตโค้ชของ มารัต ซาฟิน และ เฟเดอเรอร์)

2011 : ปีทองและแชมป์หนที่สาม

          เขาเริ่มต้นปี 2011 ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการคว่ำมือวางอันดับ 6 ของโลกอย่าง โทมัส เบอร์ดิช ในรายการ เชนไน โอเพ่น ก่อนจะเอาชนะ ซาเวียร์ มาลิสเซ่ ในรอบชิงชนะเลิศไปได้ 2-1 เซต และคว้าแชมป์ที่สามในชีวิตของตัวเองได้สำเร็จ วาวรินก้า สามารถทะลุเข้าสู่ก่อนรองชนะเลิศในศึก ออสเตรเลียน โอเพ่น ปี 2011 ก่อนจะมาแพ้ให้กับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ สามเซตรวดในรอบนี้ ซึ่งต่อมาในเดือน กันยายน 2011 เขาได้ประกาศแยกทางกับโค้ช ปีเตอร์ ลันด์เกรน และลงเล่นในรายการที่เหลือโดยปราศจากเทรนเนอร์

          โดยในรายการ สวิสส์ อินดอร์ส ทัวร์นาเม้นต์ 2011 เขาสามารถเขาไปลึกถึงรอบรองชนะเลิศ แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายให้กับคู่แข่งร่วมชาติเจ้าเก่า โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ไปสองเซตรวด

2013 : ฝ่าฟันอุปสรรค

          ในรายการ ออสเตรเลียน โอเพ่น เขาลงแข่งกับ โนวัค โยโควิช ในรอบที่สี่ และต้องลงทำการแข่งขันกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนในที่สุดจะพ่ายไปในเกมที่ 22 ของเซตที่ห้า ซึ่งหลังจบเกม โยโควิช กล่าวว่า "นี่เป็นหนึ่งในเกมที่ยาวนานที่สุด, ตื่นเต้นที่สุด และเป็นแมตช์ที่ตื่นเต้นที่สุดที่เคยเล่นมาในอาชีพของผม"

          วาวรินก้า ได้แชมป์รายการที่สี่ในรายการ โปรตุกัล โอเพ่น ด้วยการปราบมือวางอันดับ 1 ของรายการและอันดับ 4 ของโลกอย่าง ดาบิด เฟร์เรร์ และเป็นแชมป์แรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2011

          ในรายการที่ มาดริด เขาสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ราฟาเอล นาดาล ก่อนจะแพ้ไปสองเซตรวด แต่นั่นทำให้เขามีคะแนนติดท็อปเท็นมือวางอันดับโลก เป็นครั้งแรกด้วยการเป็นอันดับที่ 10

          รายการ ยูเอส โอเพ่น 2013 วาวรินก้า สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาเอาชนะทั้งมือวางอันดับ 5 ของโลกอย่าง โทมัส เบอร์ดิช และมือวางอันดับ 3 ของโลกอย่าง แอนดี้ เมอร์เรย์ ก่อนท้ายที่สุดจะพลาดท่าให้กับ โนวัค โยโควิช ในรอบรองชนะเลิศ

          อย่างไรก็ดี เขาได้ถูกเชิญให้ไปเล่นในรายการสุดท้ายของปีอย่าง เอทีพี เวิร์ล ทัวร์ ไฟน่อลส์ เป็นครั้งแรกในชีวิต และสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะ โทมัส เบอร์ดิช และ ดาบิด เฟร์เรย์ ในรอบพบกันหมด ก่อนจะแพ้ให้กับ ราฟาเอล นาดาล ซึ่งเป็นพบกันครั้งที่ 12 ในเส้นทางอาชีพของเขา แต่ก็ยังสามารถผ่านเข้ารอบมาได้ และสุดท้ายต้องจอดป้ายด้วยการพ่าย โนวัค โยโควิช เจ้าเก่า ในรอบรองชนะเลิศ นับเป็นการพบกับ โยโควิช ถึง 4 ครั้งในปีเดียว

2014 : แชมป์แกรนด์สแลมแรก, แชมป์มาสเตอร์ และแชมป์เดวิส คัพ

          ออกสตาร์ทด้วยรายการใหญ่อย่าง ออสเตรเลียน โอเพ่น 2014 ด้วยการเอาชนะ ทอมมี่ โรเบรโด้, โนวัค โยโควิช, โทมัส เบอร์ดิช และ ราฟาเอล นาดาล (เป็นการชนะครั้งแรกจากทั้งหมด 13 ครั้งที่พบกันและยังไม่เคยได้แม้แต่เซตเดียวอีกด้วยตลอด 12 ครั้งที่ผ่านมา) ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกในชีวิตได้สำเร็จ และทำให้เขาเป็นคนแรกที่สามารถเอาชนะ โนวัค โยโควิช และ ราฟาเอล นาดาล ในประเภทเดี่ยวของทัวร์นาเม้นต์ แกรนด์สแลม นอกจากนี้ยังเป็นนักเทนนิสสวิสส์คนที่สองต่อจาก โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ที่ได้แชมป์ระดับเมเจอร์

          ชัยชนะจากรายการ ออสเตรเลียน โอเพ่น ทำให้เขาทะยานขึ้นเป็นมือวางอันดับ 3 ของโลกและสามารถแซง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ อดีตมือหนึ่งของโลกเพื่อนร่วมชาติเป็นครั้งแรกในชีวิต

          ต่อมาในรายการ เดวิส คัพ 2014 เขาและเพื่อน ๆ ในทีมสวิสเซอร์แลนด์ สามารถเอาชนะทีม เซอร์เบีย และผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ โดยในรอบถัดไปก็ยังสามารถคว่ำ คาซัคสถาน และทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศพบกับทีม อิตาลี

          กลับมาลงเล่นในรายการ มอนตี คาร์โล มาสเตอร์ ซึ่งเขาสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในรอบชิง (เป็นการพบกันครั้งแรกในรอบ 14 ปีของนักเทนนิสจากสวิสเซอร์แลนด์ในรอบชิง) ก่อนจะเอาชนะไปได้อย่างสนุกสุดมันส์ คว้าถ้วยรางวัลระดับ มาสเตอร์ 1000 เป็นครั้งแรกในชีวิตหลังจากพยายามมาถึง 3 ครั้งด้วยกัน หลังจากนั้นเขาได้ลงแข่งในรายการเมเจอร์มากมายตลอดทั้งปี

          ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2014 เขากับเพื่อนร่วมทีม สวิตเซอร์แลนด์ ต้องลงทำศึกกับ ฝรั่งเศส ก่อนที่ วาวรินก้า กับ เฟเดอเรอร์ จะมีส่วนสำคัญให้ทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ เอาชนะไปทั้งหมด 3-1 คู่ คว้าแชมป์เดวิส คัพ ได้สำเร็จ นับเป็นปีทองฝั่งเพชรของเขาที่สามารถคว้า แชมป์แกรนด์สแลมแรก, แชมป์มาสเตอร์แรก และแชมป์เดวิส คัพ แรก ได้ในปีเดียว

ADS