ประวัติ โทมัส เบอร์ดิช
ชื่อเต็ม : โทมัส เบอร์ดิช
วันเกิด : 17 กันยายน 1985
เกิดที่ : วาลาสสกี้ เมซินชี่, สาธารณรัฐเช็ก
สัญชาติ : สาธารณรัฐเช็ก
ส่วนสูง : 196 เซนติเมตรประวัติส่วนตัว
โทมัส เบอร์ดิช เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 1985 นักเทนนิสอาชีพชาว เช็ก เคยไต่อันดับขึ้นเป็นมือวางอันดับ 5 ของโลก (เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2013) และปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 7 (19 มกราคม 2015)
เบอร์ดิช สร้างชื่อเต็มตัวในรายการ วิมเบิลดัน แชมเปี้ยนชิพส์ 2010 ด้วยการเอาชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ โนวัค โยโควิช แต่พ่ายในรอบชิงชนะเลิศให้กับ ราฟาเอล นาดาล นับเป็นความภาคภูมิใจของเจ้าตัวไม่น้อย
เส้นทางในอาชีพนักเทนนิส
เยาวชนอาชีพ
ในสมัยที่ยังเป็นเยาวชนอยู่นั้น เบอร์ดิช เคยเป็นมือวางอันดับ 6 ของโลกในปี 2003 (และมือวางอันดับ 2 ของโลกในประเภทคู่)
ผลการแข่งขันในรายการ จูเนียร์แกรนด์สแลม :
ออสเตรเลียน โอเพ่น : รอบแรก (2002)
เฟร้นช์ โอเพ่น : รอบสอง (2002)
วิมเบิลดัน : รอบก่อนรองชนะเลิศ (2003)
ยูเอส โอเพ่น : รอบแรก (2001)2002-2004 : แชมป์ เอทีพี แรก
โทมัส เบอร์ดิช เทิร์นโปรในปี 2002 และต่อมาในปี 2003 เขาสามารถเอาชนะ โทมัส เบห์เรนด์ 3-1 เซต ในรอบแรกของรายการ เอทีพี ทัวร์ ยูเอส โอเพ่น 2003 ก่อนจะพ่ายให้กับ ฮวน อิ๊กนาซิโอ เชล่า
ในปี 2004 เขามุ่งมั่นไปที่รายการระดับ ชาลเลนเจอร์ส และ เอทีพี ทัวร์ เป็นอย่างมาก จนกระทั่งสามารถคว้าแชมป์แรกในระดับ เอทีพี ที่ กัมปิโอนาติ อินเตอร์นาซิโอนาลี่ ดิ ซิชิเลีย ในประเทศอิตาลี ด้วยการปราบ ดาบิด เฟร์เรร์ ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะสยบ ฟิลิปโป้ โวลานดรี้ ในรอบชิง
2005-2006 : แชมป์ มาสเตอร์ส แรก
เบอร์ดิช ประสบความสำเร็จจากการคว้าแชมป์ ปารีส มาสเตอร์ส ซึ่งเป็นครั้งแรกในการลงเล่นเทนนิสอาชีพของเขา ด้วยการเอาชนะมือวางอันดับ 6 ของรายการ อิวาน ลูบิซิช 3-2 เซต ในรอบชิงชนะเลิศ
ในปี 2006 เขาลงเล่นในรายการ เฟร้นช์ โอเพ่น และทะลุเข้าสู่รอบสี่เป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ก็ต้องตกรอบด้วยฝีมือของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ไปสามเซตรวด หลังจากนั้น เบอร์ดิช ก็ทำผลงานผ่านเข้าไปถึงรอบสี่ในศึก วิมเบิลดัน ก่อนจะพ่ายให้กับ เฟเดอเรอร์ ไปสามเซตรวดอีกครั้ง
2007-2008 : แชมป์ เอทีพี หนที่ 3 และ 4
ในปี 2007 เขาสามารถคว้าแชมป์ เอทีพี ครั้งที่ 3 ได้สำเร็จในประเภทชายเดี่ยว ที่เมือง ฮัลเล่ ด้วยการเอาชนะ มาร์กอส แบ็กห์ดาติส สองเซตรวด 7-5 และ 6-4 แถม เบอร์ดิช ยังไม่เสียแม้แต่เซตเดียวจนถึงแชมป์
ต่อมาในปี 2008 เบอร์ดิช ลงเล่นในรายการ ออสเตรเลียน โอเพ่น ในฐานะมือวางอันดับ 13 ของรายการ และสามารถทะลุไปได้ถึงรอบสี่ ก่อนจะพ่ายให้กับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เจ้าเก่า สามเซตรวด 4-6, 6-7 และ 3-6
เบอร์ดิช ได้ถูกเลือกให้เป็นตัวแทนทีมชาติเช็ก ลงทำศึกในรายการ โอลิมปิก ฤดูร้อน 2008 ที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน และไปได้ไกลที่สุดเพียงรอบสาม เพราะต้องพ่ายให้กับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เป็นครั้งที่สองในปีนี้
โดยปี 2008 นี้ เขาได้แชมป์เพียงรายการเดียวจากการลงเล่น เอไอจี เจแปน โอเพ่น 2008 ด้วยการคว่ำมือวางท็อป 20 ถึงสี่คน ไม่ว่าจะเป็น ทอมมี่ โรเบรโด้, เฟร์นานโด กอนซาเลซ, แอนดี้ ร็อดดิค และ ฮวน มาร์ติน เดล โปโตร ในรอบชิงชนะเลิศ ความแชมป์ เอทีพี รายการที่สี่ของตัวเองได้สำเร็จ
2009 : รางวัล เอทีพี รายการที่ 5
เขาเริ่มต้นปี 2009 ด้วยทัวร์นาเม้นท์ใหญ่อย่าง ออสเตรเลียน โอเพ่น และผ่านเข้าไปถึงรอบ 4 ก่อนจะแพ้ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ไปอย่างสนุก 2-3 เซต 6-4, 7-6, 4-6, 4-6 และ 2-6 ทั้ง ๆ เขาออกนำไปก่อนในสองเซตแรก
ในช่วงฤดูกาลคอร์ทดิน เบอร์ดิช เข้าร่วมศึก เฟร้นช์ โอเพ่น 2009 และรายการระดับ มาสเตอร์ส แต่น่าเสียดายที่ต้องจอดเพียงแค่รอบสองทั้ง 4 อีเว้นท์ ซึ่งรายการเดียวที่เขาสามารถเก็บแชมป์มาได้ในปีนี้ก็คือ เอทีพี บีเอ็มดับเบิ้ลยู โอเพ่น 2009 ด้วยการปราบ มิคาอิล ยูซนี่ ในรอบชิงชนะเลิศ 2-1 เซต 6-4, 4-6 และ 7-6
ต่อมาในรายการ เดวิส คัพ รอบแรกพบกับทีม ฝรั่งเศส เขาเป็นมือหนึ่งในประเภทเดี่ยวให้กับทีม เช็ก และสามารถเอาชนะ กิลล์ส ซิมง ในเกมแรกไปได้ และลงเล่นในประเภทชายคู่ร่วมกับ ราเด็ค สเตปาเน็ค ปราบคู่เก๋าอย่าง ริชาร์ด การเก้ต์ และ มิคาเอล โลดร้า ซึ่งต่อมาเขามีส่วนสำคัญให้ทีมผ่านเข้าไปถึงรอบชิง เดวิส คัพ ไปพบกับทีม สเปน หลังจากผ่าน โครเอเชีย ไปแบบสนุก 3-2 คู่ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ทีม สเปน ในที่สุด 0-5 คู่ ซึ่งเขาพ่ายให้กับ ราฟาเอล นาดาล ในประเภทเดี่ยวมือหนึ่ง 3 เซตรวด 5-7, 0-6 และ 2-6
2010 : รองแชมป์ แกรนด์สแลม และ มาสเตอร์ส
ในรายการ โซนี่ อีริคส์ซัน โอเพ่น 2010 เขาสามารถพิชิตมือวางอันดับท็อปของรายการอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ไปได้ 2-1 เซต 6-4, 6-7 และ 7-6 ในรอบ 16 คนสุดท้าย หลังจากนั้นยังเอาชนะ เฟร์นานโด เบร์ดาสโก้ กับ โรบิน โซเดอร์ลิง ในรอบต่อไป จนกระทั่งเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบกับ แอนดี้ ร็อดดิก แต่น่าเสียดายที่พ่ายไปสองเซตรวด 5-7 และ 4-6 คว้าได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์เทนนิสในระดับ มาสเตอร์ส เท่านั้น
ต่อมา เบอร์ดิช โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในรายการ วิมเบิลดัน 2010 ด้วยการทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เอาชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ 3-1 เซต 6-4, 3-6, 6-1 และ 6-4 จากนั้นยังปราบ โนวัค โยโควิช ในรอบรองชนะเลิศ สามเซตรวด 6-3, 7-6 และ 6-3 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาสามารถผ่านมาถึงรอบนี้ได้ แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เมื่อต้องแพ้ให้กับ ราฟาเอล นาดาล มือวางอันดับ 1 ของโลก ไปสามเซตรวด 3-6, 5-7 และ 4-6 เป็นได้เพียงรองแชมป์
2011 : แชมป์ เอทีพี รายการที่ 6
เบอร์ดิช เป็นได้ถูกเลือกให้เป็นตัวแทนของทีม เช็ก ลุยศึก เดวิส คัพ 2011 รอบเวิร์ลกรุ๊ป แต่น่าเสียดายที่ทีมพ่าย คาซัคสถาน ไปด้วยสกอร์รวม 2-3 คู่ ซึ่งเขาเองสามารถเอาชนะ มิคาอิล คูคูชคิน ในประเภทเดี่ยว และจับคู่กับ ลูคาส ดลูฮาย ร่วมกันปราบ เยฟเจนี่ โคโรเลฟ และ ยูริ ชูคิน
หลังจากที่พ่าย คาซัคสถาน ในรอบที่ผ่านมา ทำให้ทีม เช็ก ต้องไปเล่นในรอบเพลย์-อ็อฟ พบกับทีม โรมาเนีย ซึ่งเขารับหน้าที่เป็นเดี่ยวมือหนึ่ง เอาชนะ วิคเตอร์ คริวอย สามเซตรวด 6-3, 6-3 และ 7-6 พาทีมเอาชนะ โรมาเนีย กลับเข้าไปเล่นในรอบเวิร์ลกรุ๊ปของปี 2012 ได้สำเร็จ
ต่อมา เบอร์ดิช ได้ร่วมลงแข่งขันในศึก ไชน่า โอเพ่น 2011 ในฐานะมือวางอันดับ 3 ของรายการ และเอาชนะ เฟร์นานโด เบร์ดาสโก้ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนจะเข้าไปชิงดำกับ มาริน ซิลิช นักเทนนิสโครเอเชีย และก็เป็น เบอร์ดิช ที่เหนือกว่าเอาชนะไปได้ 2-1 เซต 3-6, 6-4 และ 6-1 คว้าแชมป์ เอทีพี รายการที่ 6 ในชีวิตได้สำเร็จ หลังจากที่พลาดแชมป์รายการใหญ่ ๆ มาโดยตลอด
เขาได้รับเชิญไปร่วมศึกยักษ์ใหญ่ส่งท้ายปีอย่าง เอทีพี เวิร์ล ทัวร์ ไฟน่อลส์ 2011 ในฐานะมือวางอันดับ 7 ของรายการ อยู่ร่วมกลุ่มกับ โนวัค โยโควิช, แอนดี้ เมอร์เรย์ (ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนเป็น ยานโก้ ทิปซาเรวิช) และ ดาบิล เฟร์เรร์ โดยในเกมแรก เขาพ่ายให้กับ โยโควิช 1-2 เซต (6-3, 3-6 และ 6-7) ก่อนที่เกมที่สองจะต้องมาพบกับ ยานโก้ ทิปซาเรวิช ซึ่งมาแทน เมอร์เรย์ ที่มีอาการบาดเจ็บ และเอาชนะได้สำเร็จ 2-1 เซต (2-6, 6-3 และ 7-6)
จากนั้นในแมตช์ที่สามกับ ดาบิล เฟร์เรร์ มือวางอันดับ 5 ของรายการ ก็ยังเป็นทางด้านของ เบอร์ดิช ที่พลิกแซงชนะ 2-1 เซต (3-6, 7-5 และ 6-1) ซึ่งชัยชนะในเกมนี้ทำให้เขาผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรายการ เอทีพี เวิร์ล ทัวร์ ไฟน่อลส์ แต่สุดท้ายก็ต้านความแข็งแกร่งของ โจ-วิลเฟร็ด ซองก้า มือวางอันดับ 6 ของรายการไม่ไหว พ่ายไปสองเซตรวด 3-6 และ 5-7 หลังจบฤดูกาล 2011 เข้ากลายเป็นมือวางอันดับ 7 ของโลก
2012 : รองแชมป์ มาสเตอร์ส และแชมป์ ฮ็อปแมน คัพ กับ เดวิส คัพ
เป็นการเริ่มต้นปีที่สุดยอด เมื่อ เบอร์ดิช และนักเทนนิสสาว เปตร้า ควิโตว่า ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของทีม เช็ก ลุยศึก ฮ็อปแมน คัพ 2012 ก่อนที่เขาและเธอจะทำให้ เช็ก เอาชนะ ฝรั่งเศส ไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ 2-0 คู่ คว้าแชมป์ในนามของ สาธารณรัฐเช็ก ได้สำเร็จ
ต่อมา เบอร์ดิช ก็ยังฟอร์มพีคไม่เลิก ด้วยการคว้าแชมป์ เอทีพี รายการที่ 7 ในชีวิตและเป็นครั้งที่สี่ในรายการระดับ เอทีพี เวิร์ล ทัวร์ 250 ซีรี่ส์ อีกด้วย หลังเอาชนะ กาเอล มงฟิล์ส 2-1 เซต 6-2, 4-6 และ 6-3 คว้าแชมป์ โอเพ่น ซุด เดอ ฟร้องซ์ 2012 ไปครอง
หลังจากนั้น เขาได้เข้าร่วมลงแข่งขันในรายการ มูตัว มาดริด โอเพ่น 2012 ในฐานะมือวางอันดับ 6 ของรายการ ก่อนที่จะเอาชนะ เควิน แอนเดอร์สัน, กาเอล มงฟิล์ส และ เฟร์นานโด เบร์ดาสโก้ ในรอบ 8 คนสุดท้าย ซึ่งในรอบรองชนะเลิศ เบอร์ดิช ต้องเผชิญหน้ากับ ฮวน มาร์ติน เดล โปโตร มือวางอันดับ 10 ของรายการ และก็เป็นเขาที่เอาชนะไปได้แบบหืดจับ 2-0 เซต 7-6 และ 7-6 เข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายต้องพลาดท่าให้กับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ 2-1 เซต (สถิติที่พบกันมา 15 ครั้ง เบอร์ดิช ชนะ 4 แพ้ 11)
นอกจากนี้ เขายังลงแข่งในรายการส่งท้ายปีระดับชาติอย่าง เดวิส คัพ 2012 รอบชิงชนะเลิศ และก็เป็นทีม เช็ก ที่เอาชนะทีม สเปน ไปได้ 3-2 คู่ ซึ่งเขาลงเล่นในประเภทชายเดี่ยวและชายคู่ร่วมกับ ราเด็ค สเตปาเน็ค คว้าแชมป์ได้สำเร็จ
2013 : ติดท็อป 5 ของโลก และแชมป์ เดวิส คัพ สมัยที่สอง
เบอร์ดิช เข้าร่วมศึก เดวิส คัพ 2013 คู่กับ ราเด็ค สเตปาเน็ค คนเดิมเพื่อลงป้องกันแชมป์ โดยพบกับทีม เซอร์เบีย ก่อนที่พวกเขาจะเอาชนะไปได้ 3-2 คู่ คว้าแชมป์เป็นสมัยที่สองติดต่อกันให้กับทีม เช็ก
ซึ่งในปี 2013 เบอร์ดิช ลงเล่นในฤดูกาลคอร์ทดิน และทะลุเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศในรายการ มูตัว มาดริด มาสเตอร์ส 1000 แต่ก็ต้องจอดป้ายเพียงแค่นี้ด้วยน้ำมือของ สตานิสลาส วาวรินก้า หลังจากที่ผ่าน แอนดี้ เมอร์เรย์ ในรอบ 8 คนสุดท้ายมา
ในศึก ยูเอส โอเพ่น 2013 เขาผิดหวังอีกครั้งในรอบสี่ หลังโดน สตานิสลาส วาวรินก้า จัดการเขี่ยตกรอบไปในที่สุด ต่อมา เบอร์ดิช มาร่วมเล่นในรายการ พีทีที ไทยแลนด์ โอเพ่น เป็นครั้งที่สาม และสามารถผ่านเข้าสู่รองชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายต้องพ่ายให้กับ มิลอส ราโอนิค ไปสองเซตรวด ซึ่งปีนี้เขาสามารถทำคะแนนขึ้นไปอยู่ในอันดับ 5 ของโลกได้เป็นครั้งแรกในชีวิตอีกด้วย
2014 : แชมป์ เอทีพี ครั้งที่ 9 และ 10
เขาลงเล่นในรายการเมเจอร์ต้นปี ออสเตรเลีย โอเพ่น 2014 และไปได้ไกลที่สุดในรอบรองชนะเลิศ ด้วยการแพ้ สตานิสลาส วาวรินก้า คู่ปรับขาประจำ 1-3 เซต หลังจากนั้นเขาลงแข่งในรายการ เฟร้นช์ โอเพ่น 2014 และก็ทำผลงานได้ดีอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ เบอร์ดิช ต้องมาพ่ายให้กับ เออร์เนสต์ กุลบิส ไปสามเซตรวดในรอบ 8 คนสุดท้าย
เบอร์ดิช สามารถคว้าแชมป์ เอทีพี ในรายการ ไอเอฟ สต็อคโฮล์ม โอเพ่น โดยเอาชนะ กริกอร์ ดิมิตรอฟ ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งหลังจากจบทัวร์นาเม้นท์ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เขาได้ประกาศผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คว่าได้แยกทางกับ โทมัส ครุป้า โค้ชที่ทำงานมาด้วยกันกว่า 6 ปี กับ เดวิด ไวดร้า ฟิตเนสส์เทรนเนอร์ และจ้าง ดาเนี่ยล วอลล์เวอร์ดู เป็นโค้ชในปี 2015 เช่นเดียวกับ อาซุซ ซิมซิซ ที่จะมาเป็น ฟิตเนสส์โค้ชคนใหม่