ประวัติ เดโก้
แม้ชาติกำเนิดจะเป็นบราซิล แต่สำหรับอันแดร์สัน หลุยส์ เดอ ซูซ่า หรือ "เดโก้" ชีวิตของเขาเริ่มต้นที่โปรตุเกสในฐานะจอมทัพหมายเลขหนึ่งของวงการฟุตบอลแดนฝอยทองในเวลานี้
เดโก้ เป็นคนแซมบ้าบราซิลโดยกำเนิด เกิดที่เมือง เซา แบร์นาโด โด คัมโป เมืองเล็กๆในรัฐเซา เปาโล และเริ่มต้นชีวิตลูกหนังกับทีมนาซิอองนาล ของเมืองอินดาเอียตูบา ปริมณฑลของมหานครเซา เปาโล
เล่นให้กับนาซิอองนาลได้แค่ปีเดียว เดโก้ก็ถูกแมวมองของหนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ที่สุดของบราซิลอย่างโครินเธียนส์ ติดต่อดึงตัวไปร่วมทีม แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เลวร้ายเนื่องจากในฤดูกาลแรกได้ลงเล่นแค่ 2 นัดเท่านั้น ซ้ำร้ายยังโดนส่งให้กับทีมสาขาของโครินเธียนส์ ที่ชื่อโครินเธียนส์ อลากัวโน่ เอาไปใช้งานด้วย
จากนั้นชีวิตของเดโก้ ก็พลิกผันอีกครั้งเมื่อต้องเดินทางมาโปรตุเกสตั้งแต่อายุ 19 พร้อมกับคาจู เพื่อนนักเตะชาวบราซิลตามคำขอของ "เหยี่ยวลิสบอน" เบนฟิก้า สโมสรที่เป็นพันธมิตรกับโครินเธียนส์อยู่
แต่แม้จะลงซ้อมได้ดีก็ตาม เบนฟิก้า กลับเลือกที่จะส่งตัวเดโก้ ให้กับทีมในดิวิชั่นต่ำกว่าอย่างอัลแวร์ก้า ไปใช้งานก่อน อย่างไรก็ตามครั้งนี้เดโก้ ได้เริ่มแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่มีในตัวโดยลงเล่นในลีกไป 32 นัดและทำได้ถึง 13 ประตูเลยทีเดียว
ผลงานดังกล่าวทำให้เดโก้ เกือบที่จะได้เซ็นสัญญาใหม่กับเบนฟิก้าและได้เข้ามาเป็นนักเตะชุดใหญ่แล้ว แต่โชคชะตาก็พลิกผันอีกครั้งเมื่อทางฝ่ายตัวแทนสโมสรกับตัวแทนของเดโก้ ไม่สามารถเจรจาหาข้อตกลงกันได้ และโค้ชในเวลานั้นอย่างแกรม ซูเนสส์ ก็ไม่เชื่อว่ากองกลางตัวเล็กจิ๋วแบบนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะสำคัญได้
สุดท้ายก็เลยกลายเป็นว่าเดโก้ ถูกขายให้กับทีมในเมืองปอร์โต้ อย่างซาลเกยรอส ในฤดูกาล 1998-99 ซึ่งแม้จะเล่นแค่ 12 นัดและทำไป 2 ประตู แต่ฟอร์มของเขาก็สะดุดตาแมวมองของเอฟซี ปอร์โต้ สโมสรยักษ์ใหญ่อีกทีมของโปรตุเกส และถูกซื้อตัวไปร่วมทีมทันที
ที่ปอร์โต้ เดโก้ ได้รับการขัดเกลาอย่างดีจากไบรอัน วัง เทรนเนอร์ที่ยอมรับในพรสวรรค์ของเดโก้ เช่นกันกับแฟนๆที่ให้ฉายาว่า "เมจิโก้" หรือพ่อมด จากสัมผัสบอลที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยิ่งได้รับบทบาทอิสระในการเล่นมากเท่าไหร่เดโก้ ก็ยิ่งสำแดงพิษสงออกมามากขึ้นเท่านั้น
วันเรืองรองที่สุดของเขามาถึงในยุคที่โชเซ่ มูรินโญ่ ยอดกุนซือรุ่นใหม่ของวงการลูกหนังโปรตุเกสได้เข้ามาทำทีมปอร์โต้ ในฤดูกาล 2002-03 และเดโก้ ก็ได้รับบทสำคัญในการเป็นจอมทัพของทีม ซึ่งก็ทำผลงานได้น่าประทับใจด้วยการยิงไป 10 ประตูจาก 30 นัด นำทีมไปสู่ตำแหน่งแชมป์ลีกโปรตุเกสได้สำเร็จ รวมถึงยังคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ มาครองได้ด้วยการชนะกลาสโกว์ เซลติก 3-2 ในเกมที่เขาเล่นเป็นพระเอกอยู่คนเดียว
ถัดมาในฤดูกาล 2003-04 ความยิ่งใหญ่ของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อนำปอร์โต้ป้องกันแชมป์ลีกเอาไว้ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน และที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการนำทีมเข้าไปชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับโมนาโก และสามารถเอาชนะได้อย่างขาดลอยถึง 3-0 โดยที่เดโก้ ทำประตูที่สองของเกมได้ด้วย
จบฤดูกาลนั้นเดโก้ ได้รับรางวัลให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าประจำปีของยูฟ่า และยังได้รับเลือกให้เป็นมิดฟิลด์ที่เก่งที่สุดของรายการด้วย
อย่างไรก็ตามวันคืนที่ปอร์โต้ของเขาได้มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อเดโก้ ตัดสินใจที่จะย้ายออกจากทีม ซึ่งก็ได้มีการเปิดเผยว่าเกือบที่จะย้ายไปร่วมทีมเชลซี (ซึ่งต่อมามูรินโญ่ไปคุมทีม) อยู่แล้วในช่วงยูโร 2004 ที่โปรตุเกสเป็นเจ้าภาพเอง แต่ข้อตกลงไม่สำเร็จเหลือขั้นตอนของการตรวจร่างกาย
แต่ต่อมาเดโก้ ก็กลับคำโดยบอกว่าต้องการที่จะไปบาร์เซโลน่ามากกว่าเชลซีแล้ว ขณะที่บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่ของเยอรมันที่ต้องการได้ตัวไปเหมือนกันก็ถอดใจยอมแพ้ข้อเสนอ สุดท้ายเดโก้ ก็ได้ย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่า โดยมีค่าตัว 15 ล้านยูโรพร้อมกับที่บาร์ซ่าส่งริคาร์โด้ กัวเรสม่า ปีกดาวรุ่งมาให้เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนกัน
ที่บาร์เซโลน่า เดโก้ ถูกปรับบทบาทในการเล่นใหม่ตามแผนของแฟรงค์ ไรจ์การ์ด เพื่อไม่ให้ซ้อนทับกับโรนัลดินโญ่ เพลย์เมคเกอร์ตัวกลั่นของทีม โดยเดโก้ ได้รับบทเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางคอยควบคุมจังหวะการเล่นในแนวรุกและปล่อยหน้าที่ในการสร้างสรรค์เกมหลักๆให้กับโรนัลดินโญ่
การเล่นในตำแหน่งนี้ไม่ได้ทำให้เดโก้ ต้องอึดอัดแต่อย่างใดกลับยิ่งทำให้พรสวรรค์ในการเล่นเกมรับ ความเจนจัดในแท็คติกส์ และความขยันทุ่มเทโดดเด่นขึ้นตามมาอีก ขณะที่การจ่ายบอลอันคมกริบและการยิงประตูก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปแต่อย่างใด
เดโก้ ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในยุคทองของบาร์เซโลน่าสายเลือดใหม่ ร่วมกับโรนัลดินโญ่ ซามูแอล เอโต้ ชาบี้ เอร์นานเดซ และการ์เลส ปูโยล นำทีมกลับมาคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลที่ 2 ของการประกาศรางวัลบัลลง ดอร์ ในปี 2004 ด้วยโดยพ่ายต่ออังเดร เชฟเชนโก้ แต่ก็ชนะโรนัลดินโญ่ เพื่อนร่วมทีม
ในฤดูกาล 2005-06 บาร์เซโลน่า ยิ่งก้าวเข้าสู่การเป็นทีมมหัศจรรย์มากขึ้น เดโก้ ก็ยิ่งปรับตัวเข้ากับบทใหม่ได้ดีขึ้นด้วย และก็ยังประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์อีกครั้ง และยังไปถึงตำแหน่งเจ้ายุโรปเมื่อเฉือนเอาชนะอาร์เซนอลได้ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิง ทำให้ทีมจากคาตาลันเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร
สำหรับในเส้นทางทีมชาติ เดโก้ ไม่เคยได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติบราซิลมาก่อน และหลังจากที่อยู่ในโปรตุเกสมาครบ 6 ปีในปี 2002 เดโก้ ก็ได้รับสัญชาติโปรตุเกส ก่อนที่สื่อจะเริ่มพูดถึงการเรียกตัวเดโก้มาติดทีมชาติ ที่มีแฟนบอลจำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วย
แต่เดโก้ ก็ได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติครั้งแรกในเกมกับบราซิล ประเทศบ้านเกิดของเขาในวันที่ 29 มี.ค.2003 โดยได้เล่นแค่ 8 นาทีเท่านั้น แต่ก็ยังสามารถทำประตูชัยให้โปรตุเกสได้จากการปั่นลูกฟรีคิกเข้าไป ซึ่งนับจากนั้นเดโก้ ก็กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมฝอยทองมาโดยตลอด
เวลานี้เดโก้ ยังคงเล่นให้กับบาร์เซโลน่าอยู่แม้จะเริ่มมีข่าวว่าอาจจะย้ายทีมโดยเฉพาะช่วงก่อนเปิดฤดูกาลที่ผ่านมา เนื่องจากฟอร์มการเล่นเริ่มตกต่ำไปบ้างเล็กน้อยในฤดูกาล 2006-07 ที่ทำให้บาร์ซ่าพลาดเสียแชมป์ต่อเรอัล มาดริด และยังมีปัญหากับแฟรงค์ ไรจ์การ์ดด้วย แต่สุดท้ายจอมทัพร่างเล็กก็ยังคงอยู่ในรังคัมป์ นู ต่อไป
ก่อนเปิดฤดูกาล 2008/09 เชลซีซึ่งตอนนั้นคุมทีมโดยโค้ชเฟลิปเป้ สโคลารี่ ได้ซื้อตัวเดโก้ มาร่วมทัพ ซึ่งเดโก้ก็โชว์ฟอร์ม ซัดทำประตูได้ตั้งแต่การลงเล่นครั้งแรกเลยด้วย ฟอร์มของเขาถือว่าดีมาก แต่กลับเป็นว่าฟอร์มโดยรวมของทีม ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนกระทั่งสโคลารี่โดยปลดออกไป และกุส ฮิดดิ้งเข้ามาทำทีมแทน หายนะของเดโก้ก็ปรากฎ
เดโก้ เป้นตัวเลือกลำดับท้ายๆ ของฮิดดิ้ง เขาแทบไม่ได้ลงเล่นอีกเลย จบฤดูกาล เขาได้ลงเล่น 23 นัด และทำได้ 3 ประตูเท่านั้น มีแววโดนขายออกจากทีมค่อนข้างแน่นอนในอนาคตอันใกล้
ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ : อันแดร์สัน หลุยส์ เดอ ซูซ่า "เดโก้" วันเกิด : 27 สิงหาคม 1977 เกิดที่ : เซา แบร์นาร์โด โด คัมโป, บราซิล ตำแหน่ง : กองกลางตัวรุก ส่วนสูง : 174 ซม. สโมสรปัจจุบัน : เชลซี หมายเลขเสื้อ : 20
สโมสรอาชีพ
ปี
สโมสร
ลงเล่น
ประตู
1996 - 1997 โครินเธียนส์ 2 0 1997 - 1998 เอฟซี อัลแวร์ก้า 32 13 1998 - 1999 ซัลเกยรอส 9 2 1999 - 2004 เอฟซี ปอร์โต้ 144 34 2004 - 2007 บาร์เซโลน่า 102 14 2008- ปัจจุบัน เชลซี 23 3
ทีมชาติ
2003 - ปัจจุบัน โปรตุเกส 64 5