ประวัติ ฟลอยด์ เมย์เว็ทเธอร์ จูเนียร์
ชื่อจริง : ฟลอยด์ เมย์เว็ทเธอร์ จูเนียร์
ฉายา : พริตตี้ บอย, มันนี่, TBE (เดอะ เบสต์ เอฟเวอร์)
ส่วนสูง : 173 เซนติเมตร
สัญชาติ : อเมริกัน
เกิด : 24 กุมภาพันธ์ 1977, เมืองแกรนด์ ราปิดส์, รัฐมิชิแกน, สหรัฐอเมริกา
สถิติการชก
ทั้งหมด : 48 ไฟท์
ชนะ : 48 ครั้ง
ชนะน็อค : 26 ครั้ง
แพ้ : 0 ครั้ง
เสมอ : 0 ครั้งประวัติส่วนตัว
เมย์เว็ทเธอร์ เกิดที่เมืองแกรนด์ ราปิดส์ รัฐมิชิแกน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1977 ในครอบครัวนักมวย โดยมีคุณพ่อเป็นยอดมวย ฟลอยด์ เมย์เว็ทเธอร์ ซีเนียร์ ผู้ที่เคยขึ้นชกกับนักมวยระดับตำนานอย่าง ซูการ์ เรย์ เลโอนาร์ด และมีลุง (เจฟฟ์ เมย์เว็ทเธอร์ และ โรเจอร์ เมย์เว็ทเธอร์) เป็นนักมวยอาชีพ
เส้นทางการชกอาชีพ
ซูเปอร์ เฟเธอร์เวท
เมย์เว็ทเธอร์ ขึ้นชกมวยสากลอาชีพเป็นครั้งแรกในรุ่น ซูเปอร์ เฟเธอร์เวท เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 1996 พบกับเพื่อนนักชกหน้าใหม่อย่าง โรเบอร์โต้ อโพดาก้า ซึ่งก็เป็นทางด้านของ เมย์เว็ทเธอร์ ที่เอาชนะน็อคไปได้ในยก 2 เพียงเท่านั้น ซึ่งในขณะนั้นเขามี โรเจอร์ เมย์เว็ทเธอร์ หรือคุณลุงของเขาเป็นเทรนเนอร์คนแรก
เมย์เว็ทเธอร์ vs เฮอร์นานเดซ
ในปี 1998 หลังจากที่เขาเข้าสู่เส้นทางมวยสากลอาชีพเมื่อสองปีก่อน เมย์เว็ทเธอร์ ตัดสินใจขึ้นชกชิงแชมป์โลกในรุ่น ซูเปอร์ เฟเธอร์เวท 130 ปอนด์กับ เจนาโร่ เฮอร์นานเดซ และก็เป็นทางด้านของ เมย์เว็ทเธอร์ ที่สามารถเอาชนะไปได้ในยก 8 (TKO) คว้าแชมป์ WBC ซูเปอร์ เฟเธอร์เวท ได้สำเร็จ หลังจากที่พี่เลี้ยงของ เฮอร์นานเดซ ขอยุติการชก ซึ่งเป็นการพ่ายครั้งแรกของแชมป์เก่าผู้นี้ โดยเขาให้สัมภาษณ์หลังจบไฟท์ว่า "เขาเอาชนะผมได้ เพราะเขาคล่องแคล่ว, ฉลาด และผมรู้เสมอว่าเขามีความเร็วสูง ผมให้ความเคารพในตัวเขา และเขาคือแชมป์เปี้ยนตัวจริง"
เมย์เว็ทเธอร์ vs คอร์ราเรส
หนึ่งในไฟท์ที่นับว่าหินที่สุดในความทรงจำของเขา นั่นก็คือการขึ้นชกกับ ดิเอโก้ คอร์ราเรส แชมป์ IBF ในรุ่น ซูเปอร์ เฟเธอร์เวท (ชนะ 33 แพ้ 0, ชนะน็อค 27) ซึ่ง เมย์เว็ทเธอร์ สามารถเอาชนะ คอร์ราเรส ได้ทุกยกและยังส่งคู่ชกลงไปนับ 8 ถึง 5 หน (สามครั้งในยก 7 และสองครั้งในยก 10) หลังจากจบการร่วงลงไปนอนครั้งที่ 5 ทำให้พี่เลี้ยงตัดสินใจขอยุติการชก และนำคะแนนทั้งสิบยกมารวมกัน ซึ่งก็เป็นทางด้านของ เมย์เว็ทเธอร์ ที่เอาชนะไปได้อย่างท่วมท้น 89-79, 90-79 และ 90-78 โดย คอร์ราเรส ออกหมัดทั้งสิ้น 205 ครั้งแต่เข้าเป้าเพียง 60 หมัดเท่านั้น ในขณะที่ เมย์เว็ทเธอร์ รั่วหมัดไปถึง 414 ครั้งและเข้าเป้าเกินครึ่งกว่า 220 หมัดเลยทีเดียว
ไลท์เวท
เมย์เว็ทเธอร์ vs กาสติโญ่ ภาคแรก
สำหรับไฟท์แรกในรุ่น ไลท์เวท ของเขา เป็นการเผชิญหน้ากับ โฮเซ่ หลุยส์ กาสติโญ่ แชมป์เปี้ยน WBC ในรุ่นนี้ ซึ่ง เมย์เว็ทเธอร์ สามารถเอาชนะนักชกเม็กซิกันรายนี้ไปได้ด้วยคะแนนเอกฉันท์หลังครบ 12 ยก 115-111, 116-111 และ 115-111 คว้าแชมป์ท่ามกลางคนดูกว่า 6,920 คนที่ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ การ์เด้น อารีน่า ซึ่งมีรายงานว่ายกแรก กาสติโญ่ แทบจะไม่ได้คะแนนเลย จากการออกหมัดทั้งหมด 27 ครั้ง แต่เข้าเป้าแค่ 3 หมัดเท่านั้น
เมย์เว็ทเธอร์ vs กาสติโญ่ ภาคสอง
หลังจากจบไฟท์แรกกันไปไม่ถึงปี เมย์เว็ทเธอร์ ได้ยอมรับข้อตกลงของ กาสติโญ่ ในการชกล้างตาที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 ธันวาคม 2002 ซึ่งในการชกรีแมตช์ครั้งนี้ก็ยังเป็น เมย์เว็ทเธอร์ ที่อาศัยฟุตเวิร์คผสมผสานกับการปล่อยหมัดแย็บทำแต้มจนกระทั่งครบ 12 ยกโดยที่ไม่มีการนับเกิดขึ้นระหว่างการชกแม้แต่ครั้งเดียว เอาชนะ กาสติโญ่ ไปได้ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 115-113, 115-113 และ 116-113
ไลท์ เวลเตอร์เวท
เมย์เว็ทเธอร์ vs กัตติ
ไฟท์ชิงแชมป์ในรุ่น ไลท์ เวลเตอร์เวท เป็นการพบกันระหว่าง เมย์เว็ทเธอร์ กับ อาร์ตูโร่ กัตติ นักชกอเมริกันเจ้าของฉายา "เดอะ ธันเดอร์" และก็เป็นทางด้านของ เมย์เว็ทเธอร์ ที่เอาชนะไปได้ในยก 6 หลังจากที่พี่เลี้ยงของ กัตติ เห็นอาการของนักชกตัวเองจะไปไม่รอด จึงขอยุติการชกและเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปตามกฎ "TKO" เทคนิเคิ่ล น็อคเอ้าท์ ซึ่งหลังจากนั้นมีการเปิดเผยจำนวนหมัดเข้าเป้าของ กัตติ ที่มีเพียงแค่ 41 หมัดเท่านั้นจากทั้งหมด 6 ยก แตกต่างสุดขั้วกับ เมย์เว็ทเธอร์ ที่จัดหนัก 168 หมัดที่เข้าเป้าหลังชกไป 6 ยกเช่นเดียวกัน
เวลเตอร์เวท
เมย์เว็ทเธอร์ vs ยูดาห์
ในวันที่ 8 เมษายน 2006 เมย์เว็ทเธอร์ สามารถเอาชนะ แซ็บ ยูดาห์ และความแชมป์ IBF รุ่น เวลเตอร์เวท ไปได้ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 116-112, 117-111 และ 119-109 หลังชกครบ 12 ยก ซึ่งมีสถิติการปล่อยหมัดเข้าเป้าของ เมย์เว็ทเธอร์ สูงถึง 188 หมัด ในขณะที่ ยูดาห์ ออกหมัดเข้าเป้าเพียงแค่ 82 หมัดเท่านั้น
เมย์เว็ทเธอร์ vs บัลโดเมียร์
เมย์เว็ทเธอร์ ขึ้นชกกับ คาร์ลอส บัลโดเมียร์ นักชกอาร์เจนไตน์ เพื่อชิงแชมป์ WBC ในรุ่น เวลเตอร์เวท ซึ่งเป็นทางด้าน "พริตตี้ บอย" ที่เอาชนะไปได้ด้วยคะแนนเอกฉันท์หลังครบ 12 ยก 3-0 เสียง โดยมีกรรมการ 2 คนให้ เมย์เว็ทเธอร์ ชนะทั้ง 12 ยกและคนที่สามให้ชนะไป 10 จาก 12 ยก คว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ
ไลท์ มิดเดิ้ลเวท
เมย์เว็ทเธอร์ vs เด ลา โฮย่า
สำหรับไฟท์ต่อไปของ เมย์เว็ทเธอร์ เป็นการเผชิญหน้ากับ ออสการ์ เด ลา โฮย่า แชมเปี้ยน 7 รุ่นและเจ้าของเข็มขัดแชมป์ WBC ในรุ่น ไลท์ มิดเดิ้ลเวท เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2007 ซึ่งไฟท์หยุดโลกครั้งนี้เป็นทางฝั่งของ เมย์เว็ทเธอร์ ที่เอาชนะไปได้หลังครบ 12 ยก 2-1 เสียง 115-113, 116-112 และ 113-115 โดยสถิติการออกหมัดของ เมย์เว็ทเธอร์ ทั้งหมด 207 ครั้งเข้าเป้า 122 หมัด ส่วนทางฝั่งของ เด ลา โฮย่า ปล่อยหมัดทั้งสิ้น 134 ครั้งเข้าเป้า 82 หมัด
กลับไปสู่รุ่น เวลเตอร์เวท
เมย์เว็ทเธอร์ vs แฮ็ตตัน
หลังจากจบไฟท์หยุดโลกกับทาง เด ลา โฮย่า ไม่ถึงปี เมย์เว็ทเธอร์ ตัดสินใจลดน้ำหนักเพื่อกลับไปต่อยในรุ่น เวลเตอร์เวท อีกครั้งกับ ริคกี้ แฮ็ตตัน นักชกจากเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อป้องกันแชมป์ที่เขาเป็นเจ้าของ ในวันที่ 8 ธันวาคม 2008 โดยมีชื่อขนานนามไฟท์นี้ว่า "Undefeated" หรือ "ไร้พ่าย"
อย่างไรก็ดี เมย์เว็ทเธอร์ สามารถเอาชนะน็อค แฮ็ตตัน ในยก 10 ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ โดยนักชกผู้ท้าชิงมีแผลแตกบริเวณเหนือตาขวาในยกสาม และทำให้การเคลื่อนที่และสเตปฟุตเวิร์คช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งต่อมาในยก 10 แฮ็ตตัน โดนหมัดชุดของ เมย์เว็ทเธอร์ ลงไปนอนกองที่พื้นและสุดท้ายกรรมการตัดสินบนเวทีตัดสินใจยุติการชกทันที โดยมีการประกาศคะแนนหลังจบการแข่งขันและเป็นทางด้าน "พริตตี้ บอย" ทำแต้มเอาชนะไปแบบเอกฉันท์ 88-82, 89-81 และ 89-81
เมย์เว็ทเธอร์ vs มาร์เกวซ
ในวันที่ 19 กันยายน 2009 เมย์เว็ทเธอร์ ต้องทำศึกกับ ฮวน มานูเอล มาร์เกวซ นักชกเม็กซิกันในวันชาติของพวกเขา ซึ่งก็เป็นทางด้านของ เมย์เว็ทเธอร์ ที่เอาชนะไปได้ด้วยคะแนนเอกฉันท์หลังครบ 12 ยก 120-107, 119-108 และ 118-109 โดยทาง มาร์เกวซ ออกหมัดเข้าเป้าเพียง 12 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนทั้งสิ้น 583 หมัด ในขณะที่ เมย์เว็ทเธอร์ แม่นเป้ากว่าด้วยการจำนวน 59 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด 490 หมัด
เมย์เว็ทเธอร์ vs มอสลี่ย์
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2010 ฟลอยด์ เมย์เว็ทเธอร์ มีคิวขึ้นชกกับ เชน มอสลี่ย์ คู่ชกชาวอเมริกัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างออกหมัดกันอย่างสูสี แต่สุดท้ายก็เป็น เมย์เว็ทเธอร์ ที่สามารถเอาชนะไปได้ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 3-0 เสียง 119-109, 119-109 และ 118-110 โดยในยก 4 มอสลี่ย์ ออกหมัดชุด 7 หมัดซ้อน แต่กลับไม่สามารถเจาะบล็อคของ เมย์เว็ทเธอร์ และทำให้ "เดอะ พริตตี้ บอย" เป็นนักชกคนที่สอง (หลังจาก รอย โจนส์ จูเนียร์) ที่หมดยกโดยที่ไม่โดนหมัดทำคะแนนเลย
เมย์เว็ทเธอร์ vs ออร์ติซ
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2011 เมย์เว็ทเธอร์ ได้ออกมาประกาศขอท้าชิงแชมป์ WBC รุ่น เวลเตอร์เวท กับทาง วิคเตอร์ ออร์ติซ ในวันที่ 17 กันยายน 2011 ซึ่งเป็นไฟท์แรกในรอบ 16 เดือนของเขาด้วย และก็เป็นทางด้าน เมย์เว็ทเธอร์ ที่อาศัยความเร็ว, ฝีมือและความแม่นยำในการออกหมัดเอาชนะน็อคไปได้ในยก 4 หลังเกิดเหตุการณ์ที่ ออร์ติซ ไล่ต้อน เมย์เว็ทเธอร์ เข้ามุม ก่อนจะรัวหมัดเข้าใส่และตามด้วยการเอาศีรษะโขก ซึ่งทำให้กรรมการชี้ขาดบนเวทีต้องขอเวลานอกเพื่อทำการตัดแต้ม ในขณะเดียวกัน ออร์ติซ แสดงน้ำใจนักกีฬาด้วยการเดินเข้าไปกอดและหอมแก้มหนึ่งที แต่แล้วหลังจากที่กรรมการสั่งชกต่อได้เพียงไม่นาน ออร์ติซ ก็เจอหมัดทีเผลอเข้าหน้าสองหมัดซ้อน ร่วงลงไปนอนกับพื้นก่อนที่กรรมการจะนับสิบ แพ้น็อคไปในที่สุด
เมย์เว็ทเธอร์ vs ค็อตโต้
เมย์เว็ทเธอร์ มีคิวขึ้นชกกับ มิเกล ค็อตโต้ นักชกชาว เปอร์โต ริโก้ ที่เพิ่งจะแพ้น็อคให้กับ แมนนี่ ปาเกียว มาหมาด ๆ โดยในวันที่ 5 พฤษภาคม 2012 ก็ยังคงเป็นทางด้านของ เมย์เว็ทเธอร์ จะเป็นฝ่ายเอาชนะไปอย่างเอกฉันท์ด้วยคะแนนครบ 12 ยก 118-110, 117-111 และ 117-111
เมย์เว็ทเธอร์ vs เจอร์เรโร่
หลังจากที่เขาร้างสังเวียนไปนาน 1 ปีเต็ม ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2013 เมย์เว็ทเธอร์ มีคิวลงป้องกันแชมป์ WBC ในรุ่น เวลเตอร์เวท กับทางด้านของ โรเบิร์ต เจอร์เรโร่ ซึ่งเป็นไฟท์แรกหลังจากที่ เมย์เว็ทเธอร์ ออกมาจากคุก โดยไฟท์นี้จบลงด้วยชัยชนะไปแบบเอกฉันท์ 3-0 เสียงหลังจบ 12 ยก 117-111, 117-111 และ 117-111
หวนคืนกลับสู่รุ่น ไลท์ มิดเดิ้ลเวท
เมย์เว็ทเธอร์ vs อัลบาเรซ
ในวันที่ 14 กันยายน 2013 เมย์เว็ทเธอร์ ต้องทำศึกป้องกันแชมป์ WBC ซูเปอร์ เวลเตอร์เวท (ไลท์ มิดเดิ้ลเวท) กับ ซาอู "กาเนโล่" อัลบาเรซ ที่เวที เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ การ์เด้น อารีน่า และก็เป็น "เดอะ มันนี่" เมย์เว็ทเธอร์ เอาชนะไปได้ด้วยคะแนนเสียงไม่เอกฉันท์ 2-1 เสียง หลังครบ 12 ยก 114-114, 116-112 และ 117-111
การควบรวมของรุ่น เวลเตอร์เวท
เมย์เว็ทเธอร์ vs ไมดาน่า ภาคแรก
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2014 เมย์เว็ทเธอร์ ได้รับการท้าชิงแชมป์ WBC ซูเปอร์ เวลเตอร์เวท จาก มาร์กอส ไมดาน่า นักชกอาร์เจนไตน์ โดยผลการชกจบลงด้วยชัยชนะของ เมย์เว็ทเธอร์ ด้วยคะแนนเสียงไม่เอกฉันท์ 2-1 เสียง หลังจบ 12 ยก 116-112, 117-111 และ 114-114
เมย์เว็ทเธอร์ vs ไมดาน่า ภาคสอง
หลังจากจบไฟท์กับ ไมดาน่า ได้ไม่นาน หลังจากนั้น 4 เดือน ได้มีการขอท้าชิงรีแมตช์อีกครั้งกับทาง เมย์เว็ทเธอร์ ในวันที่ 13 กันยายน 2014 และก็ยังเป็น เมย์เว็ทเธอร์ ที่เอาชนะไปได้อีกครั้งด้วยคะแนนเอกฉันท์ 3-0 เสียง หลังชกกันครบ 12 ยก 116-111, 116-111 และ 115-112 รักษาแชมป์ได้สำเร็จ
เมย์เว็ทเธอร์ vs ปาเกียว
ไฟท์หยุดโลกที่ทุกคนรอคอย หลังจากที่ต้องยกเลิกไปก่อนหน้านี้ จนกระทั่งในวันที่ 2 พฤษภาคม 2015 วินาทีสำคัญก็มาถึง ณ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ การ์เด้น อารีน่า โดย เมย์เว็ทเธอร์ อาศัยจังหวะชกทำแต้มสไตล์ "ตีหัวเข้าบ้าน" คอยตอดทำแต้มไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ ปาเกียว ในวัย 36 ปี พยายามเดินหน้าออกหมัดเป็นชุด ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่ผ่านบล็อคอันเหนี่ยวแน่นของ "เดอะ มันนี่" ซึ่งหลังจากครบ 12 ยก ก็เป็นฝั่ง เมย์เว็ทเธอร์ ที่เอาชนะไปได้แบบเอกฉันท์ 3-0 เสียง 118-110, 116-112 และ 116-112 โดยหลังจากจบไฟท์นั้นไม่นานก็มีข่าวเปิดเผยว่า "แพ็คแมน" มีอาการบาดเจ็บที่แขนขวาก่อนขึ้นชกอยู่แล้ว จึงทำให้เขาไม่สามารถชกกับ เมย์เว็ทเธอร์ ได้เต็มกำลัง
เข็มขัดแชมป์
แชมป์โลกสถานบันหลัก
- WBC ซูเปอร์ เฟเธอร์เวท (130 ปอนด์)
- WBC ไลท์เวท (135 ปอนด์)
- WBC ไลท์ เวลเตอร์เวท (140 ปอนด์)
- IBF เวลเตอร์เวท (147 ปอนด์)
- WBC เวลเตอร์เวท (147 ปอนด์)
- WBC ไลท์ มิดเดิ้ลเวท (154 ปอนด์)
- (ครั้งที่สอง) WBC เวลเตอร์เวท (147 ปอนด์)
- WBA ซูเปอร์ ไลท์ มิดเดิ้ลเวท (154 ปอนด์)
- (ครั้งที่สอง) WBC ไลท์ มิดเดิ้ลเวท (154 ปอนด์)
- (ครั้งที่สอง) WBA ซูเปอร์ เวลเตอร์เวท (147 ปอนด์)
- WBO เวลเตอร์เวท (147 ปอนด์)แชมป์โลกสถานบันรอง
- IBO เวลเตอร์เวท (147 ปอนด์)
- IBA เวลเตอร์เวท (147 ปอนด์)แชมป์ที่จัดโดยนิตยสาร "เดอะ ริง"
- ซูเปอร์ เฟเธอร์เวท (130 ปอนด์)
- "เดอะ ริง" ไลท์เวท (135 ปอนด์)
- "เดอะ ริง" เวลเตอร์เวท (147 ปอนด์)
- (ครั้งที่สอง) "เดอะ ริง" เวลเตอร์เวท (147 ปอนด์)
- "เดอะ ริง" จูเนียร์ มิดเดิ้ลเวท (154 ปอนด์)แชมป์รายการพิเศษ
- WBC ออล แอฟริกา ไลท์ เวลเตอร์เวท (140 ปอนด์)
- WBC เอเมอร์ริตัส ไลท์ มิดเดิ้ลเวท (154 ปอนด์)
- WBC ไดม่อนด์ ไลท์ มิดเดิ้ลเวท (154 ปอนด์)
- WBC 24เค โกลด์ ไลท์ มิดเดิ้ลเวท (154 ปอนด์)
- WBC ซูพรีม ไลท์ มิดเดิ้ลเวท (154 ปอนด์)