ประวัติ การ์ลอส บักก้า
Milannews และ Di Marzio สองสื่อดังจากอิตาลี เผยคำพูดเอเยนต์ของ คาร์ลอส บัคคา ดาวยิงคนสำคัญของเซบียา ว่าเอซี มิลาน ตกลงราคาของบัคคาได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ปิศาจแดงดำมีข่าวว่าจะได้แจ็คสัน มาร์ติเนซ ดาวยิงปอร์โต้มาร่วมทัพ แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็กำลังจะไปเป็นผู้เล่นใหม่ของแอตเลติโก มาดริดเสียแล้ว
ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี เคยบอกไว้ว่ามิลานต้องการกองหน้าระดับท็อปมาร่วมทีมสามคน ซึ่งในที่สุด ความเป็นไปได้ก็ดูจะเป็นบัคคากองหน้าชาวโคลอมเบียนี่่เอง
"เอซี มิลาน มีประวัติศาสตร์และประเพณีที่ยิ่งใหญ่ มีข้อตกลงระหว่างเราและมิลานเรียบร้อยแลัว"คือคำพูดของเอเยนต์คนดังกล่าว
จากรายงานของสื่อทั้งสองฉบับ มิลานน่าจะต้องจ่ายค่าตัวให้กับเซบียาที่ 30 ล้านยูโร
ชื่อ : การ์ลอส บักก้า
เชื้อชาติ : โคลอมเบีย
วันเกิด : 8 กันยายน 1986
อายุ : 28 ปี
สถานที่เกิด : ปูแอร์โต้ , โคลอมเบีย
ตำแหน่ง : กองหน้า
สโมสร : เซบีญ่า
ประวัติ
หากจะนึกถึงกองหน้าในศึก ลาลีก้า ลีก ของสเปนแล้วล่ะก็ หลายต่อหลายคนคิดถึงแต่ คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่่ หรือในฤดูกาลนี้อาจจะมีทรอดแทรกมาด้วย เนย์มาร์ ซัวเรซ และ กาเร็ธ เบล แต่อีก 1 คนที่ตอนนี้กำลังดังเป็นพลุแตกและมีหลายต่อหลายคนคอยจับตามองอยู่ว่าเขาจะตัดสินใจอนาคตยังไงหลังระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม พาต้นสังกัดอย่าง เซบีญ่า คว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก ไปครองได้สำเร็จ แถมในนัดชิงชนะเลิศ เขาผู้นี้ยังโชว์ฟอร์มเหมาคนเดียว 2 ประตูอีกด้วย ถึงตอนนี้หลายต่อหลายคนคงร้องอ๋อแล้ว เพราะเขาคนนี้คือ การ์ลอส บักก้า ศูนย์หน้าชาว โคลอมเบีย
สโมสร แอตเลติโก้ จูเนียร์ (2006)
บักก้า เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสร แอตเลติโก้ จูเนียร์ ทีมในประเทศบ้านเกิดของเขา โดยก่อนที่เขาจะได้รับสัญญาเป็นนักเตะอาชีพนั้น ในตอนนั้น บักก้า ได้ทำงานขณะเตะบอลไปด้วย โดยการขับรถโดยสารซึ่งเป็นงานที่เขาทำประจำหลังฝึกซ้อมฟุตบอลเสร็จ ที่เขาต้องทำแบบนี้ก็เพราะ บักก้า เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่ยากจนเป็นอย่างมาก
สโมสร บาร์รันคิลล่า (ยืมตัว) (2006)
การ์ลอส บักก้า ถูกยืมตัวมายัง บาร์รันคิลล่า และสามารถทำผลงานได้ดีพอสมควร โดยลงสนามไป 27 นัด ยิงไป 12 ประตู ซึ่งพอจบฤดูกาลกับ บาร์รันคิลล่า ก็มีสโมสรจาก เวเนซูเอล่าอย่าง มิเนอร์เว็น เข้ามาสนใจในตัวเขาและติดต่อขอยืมตัว 1 ฤดูกาล
สโมสร มิเนอร์เว็น (ยืมตัว) (2007-2008)
ที่ เวเนซูเอล่า บักก้า กลายเป็นขวัญใจของแฟนบอล มิเนอร์เว็น เลยทีเดียวหลังเขามีส่วนเป็นอย่างมากในการพาทีมจบอันดับที่ 2 ของตารางได้สำเร็จ โดยเขายิงไปได้ทั้งหมด 12 ประตูจากการลงเล่น 29 นัด ซึ่งพอหมดสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล บักก้า ก็กลับไปอยู่กับ บาร์รันคิลล่า อีกครั้ง
สโมสร บาร์รันคิลล่า (ยืมตัว) (2008)
บักก้า กลับมาเล่นให้กับ บาร์รันคิลล่า อีกครั้ง ซึ่งในฤดูกาลนี้ฟอร์มการถล่มประตูของเขายังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่องเมื่อเขาสามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวในฤดูกาลนี้มาครองได้สำเร็จด้วยการสังหารไปทั้งหมด 14 ประตู จากการลงสนาม 19 นัดสโมสร สโมสร แอตเลติโก้ จูเนียร์ (2009-2011)
หลังจากร่อนเร่พเนจรมากับ 2 สโมสร บักก้า ก็ได้กลับมาอยู่กับต้นสังกัดที่แท้จริงของเขาอย่าง แอตเลติโก้ จูเนียร์ อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาทำให้พอกลับมา บักก้า ถูกเรียกตัวไปเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสรในทันที ฤดูกาลแรกของการเป็นนักเตะอาชีพของเขา บักก้า สามารถเรียนรู้และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วกับการเป็นนักเตะอาชีพ ซึ่งฤดูกาลแรกเขาก็สามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของศึก โคปา โคลอมเบีย ได้เลยในทันทีเมื่อปี 2009 และในปีต่อมา การ์ลอส บักก้า ก็กลายเป็นดาวซัลโวของลีก โคลอมเบีย จนได้ ยิ่งไปกว่านั้นในปี 2011 บักก้า ก็สามารถคว้าดาลซัลโวได้อีกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันและพา แอตเลติโก้ จูเนียร์ จบในอันดับที่ 6 และ 7 ของตารางตามลำดับ
ด้วยฟอร์มการถล่มประตูที่ยอดเยี่ยมของเขาทำให้ชื่อของเขาดังกระหึ่มไปทั่ว โคลอมเบีย แถมยังกระเด็นไปไกลถึงยุโรปอีกด้วย แต่ทว่าในตอนนั้นยังเป็นเพียง สโมสรเล็กๆอย่าง โลโคโมทีฟ มอสโก และ คิเอโว่ เท่านั้นที่มาตามติดชีวิตของ บักก้า เพื่อหวังจะดึงตัวเขาไปร่วมทีม และสุดท้ายแล้ว โลโคโมทีฟ มอสโก ก็ได้เปลี่ยนเป้าหมายไปเซ็นศูนย์หน้า อย่าง เฟลิเป้ ไซเซโด้ แทน ซึ่งทำให้ตอนนั้น บักก้า ยังคงได้มองหาทีมใหม่ต่อไปเรื่อยๆ โดยในขณะที่เขาเป็นนักเตะของ แอตเลติโก้ จูเนียร์ การ์ลอส บักก้า ลงสนามไปทั้งหมด 130 นัด ยิงไปได้ถึง 73 ประตูสโมสร คลับ บรูกก์(2012-2013)
สุดท้าย การ์ลอส บักก้า เลือกเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วย้ายมาอยู่ที่ เบลเยี่ยม โดยเลือก คลับ บรูกก์ ซึ่งในตอนนั้นค่าตัวของ บักก้า อยู่ที่ 1.5 ล้านปอนด์(ประมาน 77 ล้านบาท) โดยได้รับสัญญาทั้งหมด 3 ปี ซึ่งนี่ถือว่าเป็นก้าวแรกของความฝัน บักก้า เลยทีเดียวที่ได้มาค้าแข้งอยู่ในทวีปยุโรป
21 มกราคม 2012 บักก้า ลงประเดิมเกมแรกในสีเสื้อของ คลับ บรูกก์ โดยถูกส่งลงสนามไปในฐานะตัวสำรองในนาทีที่ 68 ของเกม ในเกมที่พวกเขาแพ้ให้กับ เมเชเลน ไป 0-1 ซึ่งที่นี่ การ์ลอส บักก้า ต้องใช้เวลาปรับตัวนานถึง 3 เดือนด้วยกันกว่าเขาจะเบียดขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักในถิ่น คลับ บรูกก์ ได้ 15 เมษายน 2012 บักก้า ยิงประตูแรกในลีก เบลเยี่ยม จนได้ ในเกมที่พวกเขาเอาชนะ เกนท์ ไป 1-0 แถมในเกมสุดท้ายของฤดูกาล บักก้า ก็โชว์เหมาคนเดียว 2 ประตู ให้ทีมเอาชนะ คอร์ทริจค์ ไปได้ 3-2 พา คลับ บรูกก์ จบอันดับ 2 ของตารางได้สำเร็จ
เริ่มต้น ฤดูกาล 2012-2013 บักก้า กลายเป็นกำลังหลักให้กับทีมจนได้ โดยเมื่อถึงเดือน มกราคม เขาซัดไปแล้ว 18 ประตู ซึ่งทำให้ตอนนั้นมีหลายต่อหลายสโมสรสนใจจะดึงตัว บักก้า ไปร่วมทัพให้ได้ ทาง คลับ บรูกก์ เลยนิ่งเฉยไม่ได้ต้องยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้ การ์ลอส บักก้า ได้พิจรณาซึ่งเขาเองก็ตอบรับสัญญาของทางด้าน คลับ บรูกก์ โดยตัวเขาจะหมดสัญญาในปี 2016
ความร้อนแรงของ บักก้า ไม่หยุดอยู่แค่นั้นเพราะเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2012-2013 บักก้า คว้ารางวัลดาวซัลโวของลีก เบลเยี่ยม มาครองได้สำเร็จและถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของ เบลเยี่ยม อีกด้วย และหลังจากนั้น 6 วัน บักก้า ก็ได้ประกาศเจตนาของตนเองออกไปอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการจะย้ายทีมโดยออกมาโพสต์ข้อความผ่าน ทวิตเตอร์ ว่า ''ขอบคุณครอบครัว ขอบคุณเพื่อน ขอบคุณ คลับ บรูกก์ และ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่นี่'' โดย บักก้า ลงเล่นในกับ คลับ บรูกก์ ไปทั้งหมด 45 นัดยิงไป 28 ประตู
สโมสร เซบีญ่า(2013-ปัจจุบัน)
9 กรกฎาคม 2013 กลายเป็น เซบีญ่า ที่ประกาศคว้าตัว การ์ลอส บักก้า มาร่วมทีมได้สำเร็จ ด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร(ประมาน 258 ล้านบาท) และในสัญญายังมีการระบุค่าฉีกสัญญาไว้ด้วยโดยมีมูลค่า 30 ล้านยูโร(ประมาน 1,108 ล้านบาท) 1 สิงหาคม บักก้า ยิงประตูแรกอย่างเป็นทางการในสีเสื้อของ เซบีญ่า ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ เอ็มลาดอสต์ มาได้ 3-0 ในศึก ยูโรป้า ลีก รอบคัดเลือกรอบ 3 ส่วนประตูแรกในศึก ลาลีก้า ลีก บักก้า ยิงได้ในเกมที่พบกับ แอตเลติโก้ มาดริด ซึ่งเกมนี้พวกเขาแพ้ไป 1-3
26 มีนาคม 2014 บักก้า โชว์เหมาคนเดียว 2 ประตูให้ เซบีญ่า พลิกล็อคเปิดบ้านเอาชนะ เรอัล มาดริด ไปได้ 2-1 แถมในรายการ ยูโรป้า ลีก บักก้า ก็สามารถทำประตูได้อย่างต่อเนื่องจนพา เซบีญ่า เถลิงแชมป์ได้สำเร็จ โดยในฤดูกาลนี้ บักก้า ถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอมเยี่ยมของทวีป อเมริกา เลยทีเดียวสำหรับในศึก ลาลีก้า ลีก ของสเปน แถม การ์ลอส บักก้า ยังได้รับการโหวตจากสื่อสเปนให้เป็นการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมของ เซบีญ่า ประจำฤดูกาล 2013-2014 อีกด้วย
30 กันยายน 2014 บักก้า ตัดสินใจต่อสัญญากับ เซบีญ่า ออกไปอีกถึงปี 2018 เลยทีเดียว ซึ่งในฤดูกาล 2014-2015 นี้ บักก้า ยังไม่หยุดความร้อนแรงของตัวเขาลงเลย เพราะฤดูกาลนี้ในศึก ลาลีก้า ลีก ของสเปน บักก้า ซัดไปได้ 20 ประตู จากการลงสนาม 36 นัด แถมยังช่วยให้ เซบีญ่า ป้องกันแชมป์ ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จอีกด้วย โดยในนัดชิงชนะเลิศ การ์ลอส บักก้า ก็ยังโชว์เหมาคนเดียว 2 ประตูให้ เซบีญ่า คว้าแชมป์ได้สำเร็จ
ทีมชาติ
การ์ลอส บักก้า ยิงประตูแรกในนามทีมชาติได้เมื่อ 11 สิงหาคม 2010 โดยเป็นเกมที่ โคลอมเบีย เสมอกับ โบลิเวีย ไป 1-1 แต่ทว่าประตูต่อไปของเขาต้องรอกันอีกถึง 2 ปีเลยทีเดียว โดยเขากลับมายิงได้อีกครั้งในเกมที่ โคลอมเบีย เอาชนะ แคเมอรูน ไปได้ 3-0 เมื่อ 17 ตุลาคม 2012
31 พฤษภาคม 2014 บักก้า สามารถทำประตูได้ในเกมที่ โคลอมเบีย เสมอกับ เซเนกัล ไป 2-2 ซึ่งมันทำให้ในอาทิตย์ต่อมา บักก้า มีชื่อติดอยู่ใน 23 คน สำหรับชุดลุยบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล โดย บักก้า ได้ลงสนามไปเพียงเกมเดียวเท่านั้นในเกมที่ โคลอมเบีย แพ้ บราซิล ไป 1-2 โดยเขาถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองเกียรติประวัติ
- นักฟุตบอล อเมริก้าใต้ ยอดเยี่ยมของศึก ลาลีก้า : 2013-14
- ดาวซัลโว ดิวิชั่น 1 เบลเยี่ยม : 2012-13
- นักเตะยอดเยี่ยมของลีก เบลเยี่ยม : 2012-13