ประวัติ มาเตโอ โควาซิช
ชื่อเต็ม : มาเตโอ โควาซิช
วันเกิด : 6 พฤษภาคม 1994
เกิดที่ : ลินซ์, ออสเตรีย
สัญชาติ : โครเอเชีย
ส่วนสูง : 181 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : กองกลางประวัติส่วนตัว
มาเตโอ โควาซิช (เกิด 6 พฤษภาคม 1994) นักเตะจากสโมสร อินเตอร์ มิลาน ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา และทีมชาติ โครเอเชีย โดยรับบทบาทเป็น มิดฟิลด์ตัวกลางและเพลย์เมกเกอร์ตัวต่ำให้กับทีม "งูใหญ่" นอกจากนี้ยังสามารถเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกได้ด้วยเช่นกัน
เส้นทางในอาชีพการค้าแข้ง
เส้นทางอาชีพในระดับเยาวชน (2000-2010)
โควาซิช เกิดที่เมือง ลินซ์ ในประเทศ ออสเตรีย จากครอบครัวชาวเซอร์เบียที่อพยพ และต่อมาไม่นานเขาก็เข้าร่วมกับ เอลเอเอสเค ลินซ์ อคาเดมี่ท้องถิ่น โดยในปี 2007 ด้วยวัยเพียง 13 ปีแต่ด้วยฝีเท้าและพรสวรรค์ ทำให้เป็นที่สนใจของสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น อาแจ็กซ์, อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส และ บาเยิร์น มิวนิค แต่สุดท้ายแล้วเขากลับเลือกไปเล่นให้ ดินาโม ซาเกร็บ ตามคำแนะนำของครอบครัว
ดินาโม ซาเกร็บ (2010-2013)
เขาเริ่มต้นฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่หลังจากการเป็นเยาวชนให้กับทีมถึง 3 ปี ภายใต้การทำทีมของ วาฮิด ฮาลิฮ็อดซิช ซึ่ง 4 เดือนต่อมา ในวันที่ 6 ตุลาคม 2010 เขาก็ได้รับการบรรจุชื่อให้เป็นนักเตะชุดใหญ่ในที่สุด และได้รับโอกาสลงสนามในฤดูกาล 2010-11 เป็นเกมแรกให้กับต้นสังกัดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ซึ่งเขาสามารถทำประตูที่สี่ให้ทีมในเกมที่เอาชนะคู่แข่งไปได้ 6-0 และนั่นทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถทำประตูในลีกสูงสุดได้ ในวัยเพียงแค่ 16 ปีกับอีก 198 วันเท่านั้น แม้ว่าเขาจะลงสนามเพียงแค่ 7 นัดในฤดูกาลแรก แต่เขาก็มีส่วนในทีมที่คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ
ในฤดูกาล 2011-2012 เขาก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการ และได้รับบทบาทให้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ฝั่งซ้ายในระบบ 4-2-3-1 โดยในซีซั่นแรก เขาช่วยให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีและในวัยเพียงแค่ 17 ปี เขาได้รับโอกาสให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมที่พบกับ เรอัล มาดริด ในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเขาสามารถยิงประตูสำหรับรอบนี้ได้ในเกมสุดท้ายที่พบกับ โอลิมปิก ลียง และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดอันดับสองที่ยิงประตูได้ในรายการนี้
สำหรับผลงานในลีก เขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งสิ้น 25 เกมและยิงไปได้ 5 ประตู นอกจากนี้ในเกมที่พบกับ เอ็นเค ลุซโก้ เขากลายเป็นกัปตันทีมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยได้รับปลอกแขนต่อจาก เลอันโดร คูเฟร่ ซึ่งจบฤดูกาลนั้นด้วยผลงานอันยอดเยี่่ยมลงสนามทั้งหมด 32 นัดรวมทุกรายการในประเทศและช่วยให้ทีมรักษาแชมป์สมัยที่เจ็ดติดต่อกันในลีกได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังยิงประตูในเกมรอบชิงชนะเลิศ โครเอเชี่ยน คัพ พบกับ เอ็นเค โอซิเย็ค ได้อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอในวันที่ 11 ธันวาคม โควาซิช ได้รับเลือกให้เป็น "นักเตะดาวรุ่งโครเอเชียแห่งปี"
หลังจากจบตลาดซื้อ-ขายในช่วงหน้าหนาว มีข่าวใหญ่เมื่อทางสโมสร ดินาโม ซาเกร็บ ประกาศขาย โควาซิช ให้กับทีม อินเตอร์ มิลาน โดยเขาลงสนามให้กับยอดทีมจากแดนตราหมากรุกทั้งหมด 73 เกมอย่างเป็นทางการ รวมไปถึง 12 เกมในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และพาทีมเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสองสมัย
อินเตอร์ มิลาน (2013-ปัจจุบัน)
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2013 โควาซิช ตกลงย้ายไปร่วมทัพ อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวทั้งสิ้น 15 ล้านยูโร (ประมาณ 567 ล้านบาท) และได้สวมเสื้อหมายเลข 10 แทนที่ของ เวสลี่ย์ ชไนจ์เดอร์ ที่ย้ายออกจากทีมไปก่อนหน้านั้น
โควาซิช ได้รับโอกาสลงสนามอย่างรวดเร็วหลังจากย้ายทีมมาแค่ 3 วันเท่านั้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ในเกมเยือน เซียน่า ต่อมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เขาลงสนามเปิดตัวต่อแฟน ๆ ที่สนาม ซาน ซิโร่ ในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก พบกับ ซีเอฟอาร์ คลูช โดยเขาทำผลงานจบฤดูกาล 2012-2013 ไปได้อย่างยอดเยี่ยมกับต้นสังกัดใหม่แม้ว่าทีมจะจบถึงอันดับที่ 9 ก็ตาม ซึ่งเขาลงสนามในทุกรายการ 18 นัดและทำได้ 2 แอสซิส
สำหรับฤดูกาล 2013-2014 เขาเริ่มต้นไม่ดีนักเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังในช่วงปรี-ซีซั่น แต่หลังจากนั้นเขาก็สลัดอาการเดี้ยงกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในบทบาทใหม่ ด้วยการไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกเช่นเดียวกับ มาเร็ค ฮัมซิค ที่เล่นให้กับ นาโปลี ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ในบทบาทนี้ได้ดี แต่น่าเสียดายที่ วอลเตอร์ มาซซาร์รี่ กุนซือคนใหม่ไม่ค่อยให้โอกาสเขาลงเล่นเป็นตัวจริงสักเท่าไหร่ โดยตลอด 32 เกมลีกที่ลงเตะ มีถึง 14 เกมที่ไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง
ในเดือน กันยายน 2014 เขาได้รับการต่อสัญญาเพิ่มไปอีกจนถึงปี 2019 และออกสตาร์ทฤดูกาล 2014-2015 ด้วยฟอร์มอันร้อนแรง ซัดแฮตทริกในเกม ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบเพลย์-อ็อฟ เลกที่สองพบกับ เซ้นต์ ยาร์นาน ในวันที่ 28 สิงหาคม ซึ่งต่อมาอีกสองสัปดาห์ให้หลัง เขาสามารถทำประตูแรกในลีกให้กับทีมได้สำเร็จ ด้วยการซัด 2 ประตูช่วยให้ทีมถล่มเอาชนะ ซัสซัวโล่ ไปทั้งสิ้น 7-0 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2014
เรอัล มาดริด (2015-ปัจจุบัน)
โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีมอินเตอร์ มิลาน ยืนยันว่าสโมสรถูกบีบบังคับให้หายโควาซิชให้กับเรอัล มาดริด เนื่องจากกฏไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ โดยให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวหลังเกมกระชับมิตรกับเออีเค เอเธนส์ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2015 ว่า "มีกฏมากมายที่เราต้องเคารพ ผมไม่คิดว่าจะมีใครต้องการให้มันเกิดขึ้น แต่เรามีกฏไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ ให้ต้องทำตาม ผม, ประธานสโมสร, ฝ่ายบริหารจัดการ และตัวนักเตะทุกคน เราต่างก็เสียใจเกี่ยวกับมัน"
หลังจากนั้น เรอัล มาดริด ก็ยืนยันการซื้อขายในเวลาสองวันต่อมา ประกาศว่าโควาซิชเซ็นสัญญากับสโมสรเป็นเวลาถึง 6 ปี มีค่าตัวอยู่ที่ 32 ล้านยูโร จากรายงานของสื่อหัวอังกฤษอย่าง เดอะ การ์เดี้ยน และในวันที่ 19 สิงหาคม โควาซิชก็ได้เปิดตัวเป็นนักเตะของราชันชุดขาวที่สนามซานติอาโก เบร์นาเบว รับเสื้อหมายเลย 16 ของสโมสร กลายเป็นนักเตะโครเอเชียคนที่ 5 ต่อจาก โรเบิร์ต โปรซิเนชกี้, ดาวอร์ ซูเคอร์, โรเบิร์ต ยาร์นี่ และ ลูก้า โมดริช ที่ย้ายซบเรอัล มาดริด
สี่วันหลังจากการเปิดตัว เขาก็ได้ลงประเดิมสนามในเกมลา ลีกา ที่เสมอกับทีมน้องใหม่ สปอร์ติ้ง กิฆอน โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทนอิสโก้ ในนาทีที่ 70 ส่วนประตูแรกของเขา มาในเกมที่เปิดบ้านถล่มมัลโม่ไปถึง 8-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม
ทีมชาติ
โควาซิชรับใช้ทีมชาติโครเอเชียมาตั้งแต่ระดับเยาวชน ประเดิมครั้งแรกในระดับยู-14 ที่ลงเตะกระชับมิตรกับทีมชาติสโลวาเกีย เมื่อเดือนพฤษภาคม 2008
นับตั้งแต่ปี 2011 เขาก็กลายเป็นขาประจำของทีมชาติชุดยู-19 และยู-21 และในที่สุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2012 โควาซิชก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ ลงเล่นในเกมทางการกับสวิตเซอร์แลนด์ แต่โชคร้ายที่เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บ จึงพลาดโอกาสลงสนาม
ต่อมาในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2014 เขาก็ถูกเรียกติดทีมชาติเช่นเคย ประเดิมสนามครั้งแรกในเกมกับเซอร์เบีย เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2013 ลงเล่นในตำแหน่งกองกลางเคียงข้างกับลูก้า โมดริช
สุดท้ายโควาซิช ก็ได้เป็นหนึ่งใน 23 ขุนพลทีม "ตราหมากรุก" ลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมเปิดทัวร์นาเมนต์ ที่แพ้เจ้าบ้านบราซิลไป 3-1
เกียรติประวัติ
ระดับสโมสร
ดินาโม ซาเกร็บ
- แชมป์ ลีกสูงสุด : 2010-2011, 2011-12
- แชมป์ โครเอเชี่ยน คัพ : 2010-2011, 2011-12ส่วนตัว
- นักเตะดาวรุ่งโครเอเชียแห่งปี : 2011