ประวัติ คริส วอนโดลอฟสกี้
ชื่อเต็ม : คริส วอนโดลอฟสกี้
วันเกิด : 28 มกราคม 1983
เกิดที่ : แดนวิลล์, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
สัญชาติ : สหรัฐอเมริกา
ส่วนสูง : 183 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : กองหน้าประวัติส่วนตัว
คริส วอนโดลอฟสกี้ (เกิด 28 มกราคม 1983) นักฟุตบอลอาชีพชาวสหรัฐอเมริกาที่ค้าแข้งกับสโมสร ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ ใน เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ และทีมชาติ สหรัฐอเมริกา โดยเขาเป็นศูนย์หน้าที่เคยทำสถิติคว้าอันดับดาวซัลโวสูงสุดของลีกสองฤดูกาลในปี 2010 และปี 2012 ซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในดาวยิงระดับต้น ๆ เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์
เส้นทางในระดับเยาวชนและวิทยาลัย
วอนโดลอฟสกี้ เคยเล่นให้กับไฮสคูลซ็อคเกอร์ที่ เดอ ลา ซาล ไฮสคูล ในเมืองคอนคอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจากการที่เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในปี 2000 และปี 2001 ทำให้เขาได้รับรางวัล "ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี" ในปี 2011 โดยสื่อท้องถิ่น
หลังจบไฮสคูล เขาย้ายไปเล่นให้กับ ชิคาโก้ สเตท ยูนิเวอร์ซิตี้ และสามารถยิงไปได้ถึง 39 ประตูจากทั้งหมด 84 เกม และพา "ชิโก้ รู้คส์" ขึ้นสู่ลีกสูงสุดในปี 2004 ด้วยผลงานซัดคนเดียว 17 ประตู
เส้นทางในอาชีพการค้าแข้ง
ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ (2005)
วอนโดลอฟสกี้ ถูกจัดอันดับเป็นเบอร์ที่ 41 ในการดราฟท์ของปี 2005 และเป็นทางด้านของ ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ ที่คว้าตัวเขาไปร่วมทัพจนได้ แม้ว่าดาวยิงรายนี้จะลงสนามช่วยทีมในศึก เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ เพียงแค่สองนัดเท่านั้น แต่เขาสามารถช่วยยิงให้ทีมสำรองได้ถึง 8 ประตูจาก 12 นัด
ฮุสตัน ไดนาโม (2006-2009)
เขาย้ายไปร่วมทีม ฮุสตัน ไดนาโม ในฤดูกาล 2006 และลงสนามให้กับทีมสำรอง 11 นัด แต่ยิงประตูได้ถึง 13 ลูกเลยทีเดียว หลังจากนั้นเขาสามารถทำประตูแรกในลีกสูงสุดได้สำเร็จในเกมที่พบกับ ชิคาโก้ ไฟเออร์ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2006
ฤดูกาล 2007 วอนโดลอฟสกี้ เปิดสกอร์ในเกม คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ คัพ รอบรองชนะเลิศพบกับ ปาชูก้า แม้ว่า ฮุสตัน จะต้องตกรอบจากการพ่ายในเลกสองก็ตาม หลังจากนั้นเขาสามารถยิงประตูแรกในรายการ ยูเอส โอเพ่น คัพ ในเกมที่เอาชนะ เอฟซี ดัลลัส 3-0 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ในปีเดียวกัน
ในปี 2008 เขายังคงลงสนามอย่างต่อเนื่องให้กับทีมสำรองสลับกับเกมรายการอื่น ๆ ซึ่งเขาได้รับการไว้วางใจให้เป็นกัปตันทีมในเกมที่พ่ายให้กับ ชาร์เลสตัน แบทเตอรี่ ในศึก ยูเอส โอเพ่น คัพ
เขายิงประตูที่ 4 ให้กับตัวเองในสโมสร จากเกมที่พบกับ นิวยอร์ค เร้ด บูลล์ส เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2009 ซึ่งเป็นประตูที่ 7000 ของประวัติศาสตร์ เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ อีกด้วย
ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ (2009-ปัจจุบัน)
วอนโดลอฟสกี้ ถูกส่งไปให้กับสโมสร ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ ด้วยสัญญาสลับตัวกับ แคม วีเวอร์ ในเดือน มิถุนายน 2009 ซึ่งการย้ายตัวครั้งนี้เขาได้รับการลงสนามมากขึ้นและลงเล่นทั้งหมด 14 เกม ยิงไปทั้งสิ้น 3 ประตูให้กับ ซาน โฮเซ่
เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในฤดูกาล 2010 ด้วยการยิง 18 ลูกจาก 26 เกมใน เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ และพา ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ เข้าสู่รอบเพลย์-อ็อฟ ซึ่ง 18 ลูกที่ทำได้ทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกและได้รับรางวัลรองเท้าทองคำในที่สุด นอกจากนี้เขายังเป็นคนซัดประตูชัยในเกมเพลย์-อ็อฟ เอาชนะ นิวยอร์ค 3-2
ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ ตบรางวัลด้วยการขยายสัญญาในเดือน กุมภาพันธ์ 2012 แบบไม่เปิดเผยเงื่อนไข
วอนโดลอฟสกี้ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในนักเตะ เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ ออล-สตาร์ 2012 พบกับทีม เชลซี ซึ่งในเกมนั้นเขาได้ถูกประกบโดย จอห์น เทอร์รี่ ก่อนที่จะสามารถทำประตูได้ในนาทีที่ 21
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2012 เขาได้กลายเป็นตำนานผู้สร้างประวัติศาสตร์ยิงประตูสูงสุดตลอดกาล โดยเป็นการทำแฮตทริกหนที่สี่ในฤดูกาล และทาบสถิติของ รอย ลาสซิเตอร์ ที่เคยทำไว้ 27 ลูกในฤดูกาลเดียว ซึ่งบทสรุปซีซั่นนั้นทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนเดียวของ เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ ที่ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนถึง 4 ครั้งในซีซั่นเดียว ในเดือน เมษายน, มิถุนายน, กันยายน และ ตุลาคม
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2014 วอนโดลอฟสกี้ กลายเป็นนักเตะรายที่สามในศึก เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ ที่สามารถยิงประตูได้อย่างน้อยถึงเลขสองหลักในฤดูกาลเดียวติดต่อกัน 5 ซีซั่น ด้วยการยิง 14 ประตูตลอดฤดูกาล 2014
ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2015 ซัดจุดโทษตีเสมอให้กับทีมและเป็นประตูที่ 100 ของเขาในศึก เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ อีกด้วย และทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนที่ 9 ในประวัติศาสตร์ของลีกที่สามารถทำได้
เส้นทางในการรับใช้ทีมชาติ
หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จกับ ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ ในฤดูกาล 2010 และคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ ทำให้เขาถูกเรียกตัวมารับใช้ทีมชาติ สหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้เวลาเก็บตัวในแคมป์ซ้อมกว่า 3 สัปดาห์ เขาก็ได้รับโอกาสลงสนามเป็นครั้งแรกในวันที่ 22 มกราคม 2011 เป็นเกมกระชับมิตรกับทีมชาติ ชิลี
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2013 วอนโดลอฟสกี้ สามารถซัดประตูแรกให้กับทีมชาติในเกมที่พบกับ กัวเตมาลา ที่สนาม ควอลคอมม์ สเตเดี้ยม ในเมืองซาน ดิเอโก้ รัฐแคลิฟอร์เนีย และให้อีก 4 วันต่อมา เขาก็สามารถซัดแฮตทริกในครึ่งแรกจากเกมที่พบกับ เบลิซ และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงของทีมชาติ สหรัฐอเมริกา ในเวลาต่อมา
คริส วอนโดลอฟสกี้ ถูกเรียกไปติดทีมชาติอีกครั้งเป็นหนึ่งใน 23 นักเตะที่ถูกเลือกไปลุยศึก ฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายที่ประเทศบราซิล โดยในวันที่ 22 มิถุนายน 2014 เขาถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองแทนที่ของ คลิ้นท์ เดมพ์ซี่ย์ ในนาทีที่ 87 ในเกมที่พบกับ โปรตุเกส รอบแบ่งกลุุ่ม ๆ จี น่าเสียดายที่ทัวร์นาเม้นท์นี้เขาไม่สามารถจบสกอร์ได้เลย
เกียรติประวัติ
ระดับสโมสร
ฮุสตัน ไดนาโม
- แชมป์ เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ คัพ : 2006, 2007
ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์
- แชมป์ เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ ซัปพอร์เตอร์ส ชิลด์ : 2012
ระดับทีมชาติ
สหรัฐอเมริกา
- แชมป์ คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ : 2013
ส่วนตัว
- รองเท้าทองคำ เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ : 2010, 2012
- 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ : 2010, 2011, 2012
- เอ็มวีพี เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ : 2012
- ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสร ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์
- ดาวยิงสูงสุด คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ : 2013