ประวัติ อิวาน ราคิติช

| 01/01/1970 07:00 น. | 948 Views

ชื่อเต็ม : อิวาน ราคิติช
วันเกิด : 10 มีนาคม 1988
อายุ : 27 ปี
เกิดที่ : โมห์ลิน, สวิตเซอร์แลนด์
สัญชาติ : โคตรเอเชีย
ส่วนสูง : 184 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : กองกลาง
สโมสร : บาร์เซโลน่า

เส้นทางการค้าแข้งในระดับสโมสร


บาเซิล (1995-2007)
หลังจากใช้เวลาสั้นๆกับทีมเยาวชน ราคิติชก็ทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของบาเซิล ประเดิมสนามนัดแรกวันที่ 29 กันยายน 2015 ในศึกยูฟ่าคัพ ที่บุกไปเยือน ซิโรกี้ บริเย็ก ลงสนามเวทีสวิสส์ ซูเปอร์ ลีก นัดแรกในเกมที่บาเซิลบุกไปเยือนนูชาเตล ซาแม็กซ์ เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2006 แต่เจ้าตัวมาระเบิดฟอร์มได้ในซีซั่นที่สองของการค้าแข้ง ยิงไป 11 ประตู จาก 33 นัด ลงเล่นในยูฟ่า คัพ 9 เกม และได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี 2006-07 ของลีก พร้อมกับรางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งปีอีกด้วย

 

ชาลเก้ 04 (2007-2011)
หลังโชว์ฟอร์มน่าประทับใจ ฝีเท้าของราคิติชก็ไปเตะตาทีมใหญ่อย่างชาลเก้ 04 ที่สนใจความสามารถของดาวรุ่งเป็นพิเศษ จนคว้าตัวไปร่วมทีมเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2007 ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ ลงประเดิมสนามนัดแรกในเกมพรีเมียร์ ลีกาโพคาลกับคาร์ลสรูห์ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2007 และลงสนามในอีกสองนัดที่เหลือ ซึ่งทีมของเขาคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศไปครอง ต่อมาในวันที่ 5 สิงหาคม 2007 ราคิติชก็ทำประตูแรกของเขาให้กับทีมได้ในเกมที่บุกไปเอาชนะไอน์ทรัคท์ เทรียนร์ รอบแรกของศึกเยอรมัน คัพ

 

เซบีญ่า (2011-2014)
2011
ราคิติชเซ็นสัญญา 4 ปีครึ่ง ย้ายซบทีมดังแห่งลา ลีกา อย่างเซบีญ่า ด้วยค่าตัว 2.5 ล้านยูโร เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2011 และได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทันทีตั้งแต่เกมแรกหลังพักเบรคหนีหนาวกับมาลาก้า เกมถัดมากับราซิ่ง ซานตานเดร์ เขาทำเข้าประตูตัวเองสองลูก แต่ก็แก้ตัวได้โดยการทำประตูแรกในเกมถัดมากับกับเอร์กูเลส แต่ด้วยอาการบาดเจ็บฝ่าเท้าแตก ทำให้เขาพลาดลงสนามถึงสี่นัด ซัดไป 5 ประตูในครึ่งซีซั่นแรกของเขากับเซบีญ่า ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง 13 นัด หลังย้ายร่วมทีมและได้รับบาดเจ็บ

2011-2012
ในช่วงปี 2011-12 ราคิติชยังคงเป็นกำลังหลังของทีม แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงแท็คติกของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างมาร์เซลิโน่ ที่ภายหลังถูกแทนที่โดยมิเชล โดยราคิติชได้เล่นคนละตำแหน่งกับซีซั่นก่อน ในบทบาทกองกลางตัวคุมเกมตลอดทั้งซีซั่น ผลงานของเขาลงเล่นไป 39 นัด ทำได้ 6 แอสซิสต์กับอีกหนึ่งประตู

2012-13
ราคิติชเริ่มซีซั่นนี้โดยการทำแอสซิสต์ในเกมเปิดหัวกับเกตาเฟ่ ทำอีกหนึ่งแอสซิสต์ให้กับปิโอเตอร์ ทรอชอฟสกี้ เปิดบ้านเอาชนะเรอัล มาดริด 1-0 ประตูแรกของเขาในซีซั่นนี้เกิดขึ้นในเกมที่ 5 กับเดปอร์ติโว ลา กอรุนญ่า ซัดสองประตูในเวลา 20 นาทีแรก ของศึกเซบิลดาร์บี้กับเรอัล เบติส จากนั้นก็โชว์ฟอร์มดีเรื่อยมาจนจบซีซั่น ลงสนาม 42 นัด ซัดไป 12 ลูก บวกกับอีก 10 แอสซิสต์

2013-2014
ราคิติช ได้รับแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมคนใหม่ โดยอูไน เอเมอรี่ โชว์ฟอร์มเป็นนักเตะที่โดดเด่นที่สุดในลีกตั้งแต่เริ่ม จนได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมกราคม และก็ยังทำผลงานดีต่อเนื่องจนจบซีซั่น ซัดไปถึง 15 ประตู กับอีก 17 แอสซิสต์ แถมเล่นอย่างสุภาพจนได้รับรางวัลแฟร์ เพลย์ ของลา ลีกา

 

บาร์เซโลน่า (2014-ปัจจุบัน)
ทีม "เจ้าบุญทุ่ม" คว้าตัวราคิติชไปร่วมทัพด้วยสัญญา 5 ปี รับเสื้อหมายเลข 5 ลงประเดิมสนามในเกมปรี-ซีซั่นกับนีซ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทนเซร์กี้ โรเบร์โต้ ลงเล่นเล่นเกมทางการครั้งแรกในเกมเปิดซีซั่นกับเอลเช่ แถมทำแอสซิสต์ให้ มูเนียร์ เอล ฮัดดาดี้ ทำประตูได้ด้วย

ประตูแรกของเขา มาจากการซัดนอกกรอบเขตโทษ บุกเอาชนะเลบานเต้ได้ 5-0 เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2014 ทำผลงานน่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง ช่วยทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในฤดูกาลนี้ไปครอง และเป็นปีที่สองติดต่อกัน ที่ราคิติชมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของลา ลีกา และเวทียุโรป

 

2015-16

ราคิติช ลงเล่น 120 เต็มในเกมที่บาร์เซโลน่า เอาชนะต้นสังกัดเก่าของเขาอย่างเซบีญ่าไปแบบสุดมันส์ 5-4 คว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ไปครอง ต่อมาในเดือนตุลาคม เขาได้รับการประกาศชื่อเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี 2015 ของโครเอเชีย และอีกหนึ่งรางวัลคือนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี 2015 ของโครเอเชีย อีกด้วย

 

ทีมชาติ
ประสบการณ์รับใช้ชาติครั้งแรกของราคิติชคือในระดับเยาวชน กับทีมชาติสวิสส์ยู-17, ยู-19 และ ยู-21 แต่ตัดสินใจเลือกเล่นทีมชาติชุดใหญ่ให้กับโครเอเชีย ภายใต้การคุมทีมของสลาเวน บิลิช ลงประเดิมสนามเกมแรกแบบเต็มๆเกมในศึกยูโร 2008 รอบคัดเลือก ที่เจอกับเอสโตเนีย ได้รับคำชมอย่างมากจากแฟนบอล แม้จะลงสนามเป็นตัวสำรอง และก็ทำประตูแรกได้ในเกมที่บุกชนะอันดอร์ร่า 6-0 ทั้งๆที่เป็นการรับใช้ชาตินัดที่สองของเขาเท่านั้น

 

ยูโร 2008
ราคิติช ติดทีมชาติไปลุยศึกยูโร 2008 โดยทำสถิติเป็นนักเตะที่เด็กสุดอันดับสองของโครเอเชีย ลงเล่นนัดแรกในเกมที่เจอกับเยอรมัน และมีส่วนในการทำประตูของอิวิก้า โอลิช ช่วยทีมชนะไป 2-1 ประสานงานกับลูก้า โมดริช และนิโก้ ครานจ์ชาร์ ได้อย่างแข็งแกร่งตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ แต่ทีม "ตราหมากรุก" ก็ตกรอบไปอย่างน่าเสียดายโดยการดวลจุดโทษตุรกี

 

ยูโร 2012
หลังจากได้ลงเล่นทุกนัดในรอบคัดเลือก เขาก็เป็นหนึ่งในขุนพล "ตราหมากรุก" ไปทำศึกยูโร 2012 ที่โปแลนด์และยูเครน อยู่กลุ่ม ซี ร่วมกับสเปน, อิตาลี่ และ ไอร์แลนด์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกเกมในรอบแบ่งกลุ่ม เกือบจะได้เข้ารอบตัดเชือก แต่โดนทีม "กระทิงดุ" หักอกในเกมชี้เป็นชี้ตาย ตกรอบไปตามระเบียบ

 

ฟุตบอลโลก 2014
ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2014 ราคิติชยิงฟรีคิกในเกมกับมาเซโดเนีย ช่วยทีมเอาชนะไปได้ 2-1 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2012 ซึ่งเป็นเกมเพลย์-ออฟ หาทีมเข้ารอบ โครเอเชียได้เข้าไปอยู่กลุ่มเอ ร่วมกับเจ้าภาพบราซิล, เม็กซิโก และแคเมอรูน โครเอเชียแพ้บราซิลไป 1-3 ในเกมแรก เอาชนะแคเมอรูน 4-0 ในเกมที่สอง และก็ต้องตกรอบไปตามระเบียบเมื่อพ่ายให้กับเม็กซิโกไป 1-3 ซึ่งราคิติชทำแอสซิสต์ได้แค่ลูกเดียว

 

เกียรติประวัติ
สโมสร
บาเซิล
- สวิสส์ คัพ 2006-07

เซบีญ่า
- ยูโรป้า ลีก 2013-14

บาร์เซโลน่า
- ลา ลีกา 2014-15
-โกปา เดล เรย์ 2014-15
- แชมเปี้ยนส์ ลีก 2014-15
- ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2015
- ฟีฟ่า คลับ เวิร์ลด์ คัพ 2015

ส่วนตัว
- ดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี สวิสส์ ซูเปอร์ ลีก 2006-07
- ประตูยอดเยี่ยมแห่งปี สวิสส์ ซูเปอร์ ลีก 2006-07
- BBVA แฟร์ เพลย์ อวอร์ด 2013-14
- นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมกราคม ลา ลีกา 2014
- แมน ออฟ เดอะ แมตช์ นัดชิงชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก 2014
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งปี ลา ลีกา 2013-14, 2014-15
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งปี ยูโรป้า ลีก 2013-14
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งปี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2014-15
- นักฟุตบอลโครเอเชียแห่งปี 2015
- นักกีฬาโครเอเชียแห่งปี 2015

ADS