ประวัติ ทรอย ดีนี่ย์
ชื่อ : ทรอย ดีนี่ย์
เชื้อชาติ : อังกฤษ
วันเกิด : 29 มิถุนายน 1988
อายุ : 27 ปี
สถานที่เกิด : เบอร์มิงแฮม , อังกฤษ
ตำแหน่ง : กองหน้า
สโมสร : วัตฟอร์ด
ประวัติ
ทรอย ดีนี่ย์ เส้นทางชีวิตของเขาไม่เริ่ดหรูเอาเสียเลยเพราะหลังจากที่เข้าเรียนมาจนถึงอายุ 11 ปี เขาก็ต้องถูกไล่ออกเนื่องจากทางครอบครัวไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าเทอมให้ ก่อนที่เขาจะได้กลับมาเรียนอีกครั้งในตอนอายุ 15 ทว่าเรียนได้ปีเดียวเขาก็ต้องออกจากโรงเรียนอีก จนถึงอายุ 16 ปี เขาจึงตัดสินใจเลิกเรียน และหาอาชีพเสริมโดยทำงานก่อสร้างซึ่งได้ค่าจ้าง 120 ปอนด์ต่อสัปดาห์
25 มิถุนายน 2012 ดีนี่ย์ เคยติดคุกถึง 10 เดือนข้อหาทำร้ายร่างกาย ทว่ายังดีที่เขาต้องอยู่ในคุกเพียง 3 เดือนเท่านั้นหลัง ดีนี่ย์ ยอมรับข้อกล่าวหาและนี่ก็เป็นความผิดครั้งแรกของเขาเลยได้ลดโทษจนถูกปล่อยตัวออกมาในที่สุดแอสตัน วิลล่า (2004) (เยาวชน)
ตอนอายุ 15 ปี เขาได้ถูก แอสตัน วิลล่า เชิญไปฝึกฝีเท้าด้วยเป็นเวลา 4 วัน ทว่าด้วยความเกเรของเขาวันสุดท้ายของการทดสอบฝีเท้า ทรอย ดีนี่ย์ เลือกที่จะไปหาสาวที่สวนสาธารณะมากกว่าการมาเล่นฟุตบอล เลยทำให้ตัวเขาเองนั้นถูกปฎิเสธไปในการเข้าร่วมทีมกับ แอสตัน วิลล่าเชลมสลี่ย์ ทาวน์ (2004-2006) (เยาวชน)
เขากลับมาฝึกฟุตบอลกับ เชลมสลี่ย์ ทาวน์ โดยใช้เวลาฝึกอยู่ 2 ปี และมีอยู่วันหนึ่งของการแข่งขันทดสอบฝีเท้าของศึก ลีกทู แมวมองทีมเยาวชนของ วอลซอลล์ ตอนนั้นอย่าง มิค ฮัลซัล ก็สนใจที่จะดึง ดีนี่ย์ เข้าไปร่วมทีมเนื่องจากลูกชายของ ฮัลซัล ไม่ว่างพอดีกับการแข่งขันในวันนั้นทำให้เขาต้องไปวานให้ ดีนี่ย์ มาลงสนามให้แทน ซึ่ง ทรอย ดีนี่ย์ ก็ตอบตกลงที่จะลงเล่นให้ทั้งๆที่เขาดื่มมาก่อนหน้านี้แล้วด้วย แต่ทว่าเขาสามารถซัดไปคนเดียว 7 ประตู พาทีมเอาชนะไปได้ 11-4 และได้รับเชิญให้เข้าร่วมทดสอบฝีเท้าด้วยในทันที แต่ทว่าก็สร้างความไม่พอใจให้กับกุนซือของ เชลมสลี่ย์ ในตอนนั้นพอสมควร จนโดนไล่ออกจากที่พักและส่งขึ้นแท็กซี่ออกจากทีมไปทันที ทว่า 18 ธันวาคม 2006 เขาก็ได้เซ็นสัญญาร่วมทีมกับ วอลซอลล์ จนได้
วอลซอลล์ (2006-2010)
18 ธันวาคม 2006 ดีนี่ย์ กลายเป็นนักเตะของ วอลซอลล์ เป็นที่เรียบร้อยแต่ทว่าเขาก็ยังไม่ได้ลงสนามให้กับ วอลซอลล์ และถูกส่งไปให้กับ ฮาเลโซเวน ทาวน์ ยืมตัวไปในฤดูกาล 2006-2007 โดยเขาไปเล่นอยู่เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นได้โอกาสลงสนามไปทั้งหมด 10 นัดและยิงไปได้ 8 ประตู
กันยายน 2007 เขายิงประตูแรกในการเป็นนักเตะอาชีพได้สำเร็จในการพบกับ มิลล์วอลล์ ฤดูกาล 2008-2009 ชื่อเสียงของ ดีนี่ย์ เริ่มดังขึ้นมาบ้างแล้วหลังเจ้าตัวสามารถทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นศูนย์หน้าที่กุนซือ วอลซอลล์ ในตอนนั้นอย่าง คริส ฮัตชิงส์ ชื่นชอบเอามากๆ โดย ดีนี่ย์ ยิงไปได้ถึง 9 ประตูจาก 12 เกมที่ ฮัตชิงส์ เข้ามาคุมทีม
9 กันยายน 2009 ทรอย ดีนี่ย์ ได้รับการต่อสัญญาออกไปอีก 2 ปี โดยในฤดูกาล 2009-2010 ดีนี่ย์ จัดการซัดไปถึง 14 ประตู และกลายเป็นดาวซัลโวประจำทีมในฤดูกาลนี้พร้อมกับคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรไปครองได้อีกด้วย ขณะที่เขาเล่นให้กับ วอลซอลล์ ได้รับโอกาสลงสนามไปทั้งหมด 123 นัด ยิงไปได้ 27 ประตูวัตฟอร์ด (2010-ปัจจุบัน)
4 สิงหาคม 2010 ดีนี่ย์ ออกนิสัยเกเรอีกแล้วหลังเขารู้ว่ามีหลายทีมในศึก แชมป์เปี้ยนชิพ สนใจในตัวเขาทำให้เขาได้จัดการเขียนหนังสือไปยังสโมสรว่าเขาต้องการขอขึ้นบัญชีขายเพื่อไปโลดแล่นอยู่ในระดับ แชมป์เปี้ยนชิพ แทน ซึ่งตอนนั้นทางสโมสร วอลซอลล์ ก็พยายามที่จะยื้อเขาไว้โดยบอกไปว่าจะพิจารณาอีกทีในช่วงซัมเมอร์ แต่ทว่าเหมือนใจของ ดีนี่ย์ จะไม่อยู่กับทีมอีกต่อไปแล้วหลังเขาตัดสินใจประท้วงทีมโดยไม่ไปร่วมซ้อมในช่วงปรีซีซั่น จนทำให้ท้ายที่สุดแล้ว วอลซอลล์ ก็ตัดสินใจขึ้นบัญชีขายเขาจนได้
ไม่กี่วันต่อมาเป็นทีมอย่าง วัตฟอร์ด ที่ยื่นข้อเสนอ 250,000 ปอนด์ (ประมาน 13.4 ล้านบาท) และจะเพิ่มให้ในภายหลังเป็น 500,000 ปอนด์ โดยเซ็นต์สัญญาด้วยกันทั้งหมด 2 ปี แถมยังได้ค่าเหนื่อยเพิ่มจาก 1,200 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เป็น 6,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เลยอีกด้วย
ไม่กี่วันหลังจากที่เขาเซ็นต์สัญญากับ วัตฟอร์ด ดีนี่ย์ ก็ถูกส่งลงสนามในทันทีโดยถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน มาร์วิน ซอร์เดล ในครึ่งหลังซึ่งก็สามารถเอาชนะ นอริช ไปได้ 3-2 ประตูแรกของเขาในสีเสื้อของ วัตฟอร์ด เป็นการยิงใส่ น็อตส์ เคาน์ตี้ ในศึก ลีก คัพ เมื่อ 24 สิงหาคม ฤดูกาลแรกกับ วัตฟอร์ด เขาได้โอกาสลงเล่นไปถึง 36 นัดและยิงไปได้ 2 ประตู โดยทั้งหมดนี้เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพียง 17 เกมเท่านั้น
ฤดูกาลที่ 2 กับ วัตฟอร์ด ดีนี่ย์ ได้โอกาสลงสนามมากขึ้นโดยได้ลงเล่นไปทั้งหมด 40 นัดภายใต้การคุมทัพของ ซีน ไดเช่ และเขาก็จบฤดูกาลนี้ด้วยการซัดไปทั้งหมด 11 ประตู และสามารถคว้าลูกยิงยอดเยี่ยมไปครองได้สำเร็จ โดยลูกนี้เกิดขึ้นในเกมที่พบกับ อิปสวิช ทาวน์ เมื่อ มีนาคม 2012 ผลงานของเขาอาจจะดูไม่หวือหวาอะไรมากแต่ทว่าก็ยังคงรักษามาตรฐานได้ดีจนทำให้ วัตฟอร์ด ได้ตัดสินใจต่อสัญญาเขาออกไปถึงปี 2016
12 พฤษภาคม 2013 ในเกมพบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ดีนี่ย์ ทำประตูที่น่าจะถือว่าสำคัญที่สุดในชีวิตเขาประตูหนึ่งเลยทีเดียวเพราะตอนนั้นช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย เลสเตอร์ ซิตี้ ได้จุดโทษและเป็น อัลมูเนีย เซฟออกมาได้ ซึ่งในจังหวะสวนกลับนั่นเองกลายเป็น ทรอย ดีนี่ย์ ที่กลับมายิงประตูชัยให้กับทีมเอาชนะและผ่านเข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศศึกเพลย์ออฟได้สำเร็จ ฤดูกาล 2012-2013 ทรอย ดีนี่ย์ ซัดไปได้ถึง 20 ประตูด้วยกัน
ฤดูกาล 2013-2014 ในวันที่ 10 สิงหาคม ดีนี่ย์ ซัดแฮตทริคแรกในการลงเล่นให้กับ วัตฟอร์ด จนได้ซึ่งเป็นการยิงใส่ บอร์นมัธ พา วัตฟอร์ด เอาชนะไปได้ถึง 6-1 โดยเขาถือเป็นนักเตะ วัตฟอร์ด คนแรกตั้งแต่ปี 1996 เลยทีเดียวที่สามารถทำแฮตทริคได้สำเร็จ
ฤดูกาล 2014-2015 หลังจากที่ มานูเอล อัลมูเนีย ตัดสินใจอำลาทีมไป ทรอย ดีนี่ย์ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมคนใหม่ให้กับ ''แตนอาละวาด'' ภายใต้การทำทีมของ จูเซปเป้ ซานนิโน่ และฤดูกาลนี้ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ ดีนี่ย์ ทำได้ดีที่สุดตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ วัตฟอร์ด เลยทีเดียว หลังเขาสามารถพา วัตฟอร์ด เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จด้วยการคว้าอันดับ 2 ของศึก เดอะ แชมป์เปี้ยนชิพ โดยจัดการซัดไปได้ถึง 20 ประตูในลีก และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสร และ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลได้สำเร็จ
8 สิงหาคม 2015 ดีนี่ย์ พาลูกทีมลงประเดิมในศึก พรีเมียร์ลีก พบกับ เอฟเวอร์ตัน ก่อนที่จะสามารถบุกไปยันเสมอได้ถึง กูดิสัน ปาร์ค 2-2 วันที่ 24 ตุลาคม เขาก็สามารถยิงประตูแรกในศึก พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จในเกมที่ วัตฟอร์ด บุกไปเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ ได้ถึง บริทานเนีย 2-0
21 พฤศจิกายน 2015 เกิดเรื่องดราม่าอย่างสุดๆขึ้นซึ่งน่าจะเป็นฝันร้ายของ ดีนี่ย์ พอสมควรหลังเขาเป็นคนยิงจุดโทษให้ วัตฟอร์ด ตีเสมอ แมนยู ได้สำเร็จในนาทีที่ 87 แต่ทว่าในนาทีที่ 90 ก็กลายเป็นเขาเองที่ทำเข้าประตูตัวเองทำให้ วัตฟอร์ด แพ้ไปในเกมที่เหลือเชื่อ 1-2 ทว่าเขาลบฝันร้ายออกไปได้อย่างรวดเร็วเพราะหลังจากนั้นเขายิงประตูมาได้ถึง 5 ลูกติดต่อกันจาก 6 เกมล่าสุดที่่ผ่านมา นับตั้งแต่ชัยชนะเหนือ นอริช 2-0 เมื่อ 5 ธันวาคม 2015 ถึงตอนนี้เขาลงสนามให้กับ วัตฟอร์ด ไปแล้วทั้งหมด 223 นัด ยิงไปได้ 83 ประตู