ประวัติ เวนย์ รูนี่ย์

gobaggio | 11/01/2017 07:41 น. | 643 Views

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney 2017 picture

ชื่อ : เวย์น รูนี่ย์

เชื้อชาติ : อังกฤษ
 
วันเกิด : 24 ต.ค. 1985
 
อายุ : 31 ปี
 
สถานที่เกิด : ลิเวอร์พูล ,อังกฤษ
 
ส่วนสูง : 176 ซม.
 
ต้นสังกัด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ตำแหน่ง : กองหน้า

          รูนี่ย์ มีบ้านเกิดอยู่ในย่านคร็อกซ์เทธ และได้รับแรงบันดาลใจในการฝากตัวเป็นสาวกท๊อฟฟี่จากคนในครอบครัว และยังคงมีใจให้กับเอฟเวอร์ตันเสมอ โดยภาพที่ประทับใจผู้คนคือการสวมเสื้อยืดที่พิมพ์ลายสกรีนว่า "Once a blue, Always a blue"

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney everton 1st goal

          แน่นอนว่าด้วยความรักที่มีต่อเอฟเวอร์ตัน ทำให้เจ้าหนูรูน มีความปรารถนาที่จะสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มลงเล่นในสนามกูดิสัน ปาร์ค ต่อหน้าชาวเอฟเวอร์โตเนี่ยนและฝันนั้นของรูนี่ย์ ก็เริ่มมีเค้าลางของความจริงเมื่อเขาได้รับการเซ็นสัญญาเป็นผู้เล่นในทีมเยาวชนในวันเกิดอายุครบรอบ 11 ปี อันเป็นผลพวงมาจากผลงานที่โดดเด่นสุดๆในสมัยเป็นนักเรียนโรงเรียน ลิเวอร์พูล สคูลบอยส์ และทีมเยาวชนเดอะ ไดนาโม บราวนิ่งส์ หลังจากนั้นรูนี่ย์ ก็ใช้เวลาขัดเกลาตัวเองอยู่ในรั้วหัวใจของชาวกูดิสัน ปาร์ค และรอเวลาที่จะเปล่งประกายเป็นดาวจรัสแสงดวงใหม่ของวงการฟุตบอลอังกฤษ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney everton 1st goal

             ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเทพนิยาย และความสำเร็จก็อาจมาโดยไม่ทันตั้งตัวก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องราวบทแรกในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาก็ต้องถูกจารึกไว้ เมื่อกลายเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกได้ด้วยวัยเพียง 16 ปีกับอีก 360 วัน (ก่อนที่จะโดนแซงหน้าไปอีก 2 ครั้ง) ในวันที่ 19 ต.ค. 2002 แต่ที่เหนือไปกว่านั้นคือประตูแรกของรูนี่ย์ มีความหมายอย่างยิ่งเพราะเป็นประตูในช่วงนาทีสุดท้ายที่ช่วยให้เอฟเวอร์ตัน เอาชนะอาร์เซนอล ที่ไม่เคยแพ้ใครมา 30 เกมได้สำเร็จ และยังเป็นประตูสุดสวยด้วยการปั่นไซด์โค้งระยะกว่า 30 หลาเข้าสามเหลี่ยมมุมบนแบบสุดอัศจรรย์อีกด้วย นับตั้งแต่นั้นมา รูนี่ย์ ก็ถูกจับตามองจากสื่อมวลชนในอังกฤษ และได้รับการยกย่องให้เป็นวันเดอร์คิดคนใหม่ของวงการฟุตบอล และได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปี 2002 ด้วยเมื่อจบฤดูกาลแรก

 

          แต่ชีวิตของรูนี่ย์ ก็ประสบปัญหาในฤดูกาลต่อมา เมื่อเอฟเวอร์ตัน มีผลงานตกต่ำลงอย่างน่ากลัว ขณะที่รูนี่ย์ เองก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไปมาก รวมทั้งยังเริ่มมีพฤติกรรมในทางที่ไม่เหมาะสมเช่นการไปเที่ยวสถานเริงรมย์และมีรสนิยมชอบสาวที่มากประสบการณ์เป็นต้น อย่างไรก็ดี คนเมื่อถูกฟ้าลิขิตมาให้เป็นดาวประดับฟ้า อะไรจะมาหยุดนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงอย่างรูนี่ย์ได้

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ฤดูกาล 2004/2005
                 

                  รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
          แต่ถึงจะรักเอฟเวอร์ตันแค่ไหน รูนี่ย์ ก็ไม่สามารถปฏิเสธโอกาสที่จะได้เติบโตก้าวหน้าไปอีกหลายก้าวกับทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ ซึ่งแม้ว่าเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะต้องยอมเสี่ยงซื้อนักเตะที่ยังบาดเจ็บอยู่มาด้วยค่าตัวถึงกว่า 27 ล้านปอนด์ แต่รูนี่ย์ ก็ได้ตอบแทนความไว้วางใจด้วยผลงานเหนือเมฆในเกมแรกที่ลงสนามด้วยการยิงแฮตทริกทันทีในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กระนั้นฟอร์มการเล่นของเขาก็ยังไม่ค่อยมีความสม่ำเสมอมากนัก เนื่องจากแมนฯ ยูไนเต็ด เองก็มีปัญหาความไม่ลงตัวโดยเฉพาะรุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าตัวเป้าที่มีปัญหาคาใจกับทางคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกดาวรุ่งของทีมจนเป็นชนวนบาดหมางและลงเอยที่กองหน้าชาวฮอลแลนด์ ที่เป็นดาวซัลโวประจำทีมต้องย้ายออกไปในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา

ฤดูกาล 2005/2007

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

          สามารถคว้าแชมป์แรกกับแมนฯยูได้สำหรับในฟุตบอลลีก คัพ ที่ถล่มเอาชนะวีแกน 4-0 จากการเบิ้ลคนเดียว 2 ตุงทำให้เขาได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนั้นไป ก่อนจะมาได้รับบาดเจ็บหนักในเกมพ้ายต่อ เชลซี 0-3 แชมป์ลีกในตอนนั้นจากการเข้าปะทะของ เปาโล เฟอร์เรร่า ซึ่งฤดูกาลนั้น รูนี่ย์ ซัดไปได้ 16 ประตูจากการลงเล่น 26 นัด 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

          รูนี่ย์ เริ่มต้นฤดูกาล 2006/2007 ด้วยการถูกสมาคมฟุตบอลของอังกฤษคร่าโทษแบนถึง 3 นัด จากการสับศอกใส่ เปเป้ กองหลัง ปอร์โต้ ในตอนนั้น ในฟุตบอลรายการ อัมสเตอร์ดัม ทัวร์นาเม้น ช่วงปรีซีซั่นแม้ต้นสังกัดอย่าง แมนฯยู จะยื่นขออุธรณ์แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ หลังจากพ้นโทษแบนมาเจ้าตัวงัดฟอร์มเก่งไม่ออกแต่อย่างใดก่อนจะจบช่วงครึ่งซีซั่นแรกด้วยการทำประตูไม่ได้เลย ก่อนจะมาปลดล็อคได้สำเร็จด้วยการซัดแฮตทริคใส่ โบลตัน สุดท้ายฤดูกาลนั้น รูนี่ย์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของเขาด้วยผลงานกดไป 14 ประตูด้วยกัน และแจ้งข่าวดีต่อแฟนๆด้วยการจรดปากกาต่อสัญญาออกไปจนถึงปี 2012

ฤดูกาล 2009/2010

          เวย์น รูนี่ย์ ได้ถูกจับตามองเป็นพิเศษด้วยเหตุที่ว่าการจากไปของ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงประจำทีมที่ย้ายไปซบ ราชันย์ชุดขาว เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งสเปน แฟนบอลต่างพากันตั้งความหวังกับเขาในฐานะดาวยิงคนใหม่ของทีมแทนที่โรนัลโด เพราะเขาคือความหวังเดียวในตำแหน่งศูนย์หน้าในขณะนั้น ซึ่งรูนีย์ก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังโดยเขายิงประตูในพรีเมียร์ลีกไปได้ 26 ประตูมากที่สุดเท่าที่เขาเคยค้าแข้งมา ทำให้แฟนผีแดงลืมโรนัลโดไปสนิท


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ฤดูกาล 2010/2011

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney 2010/2011

          28 สิงหาคม 2010 เบิกสกอร์แรกให้กับตัวเองด้วยการสังหารจุดโทษในเกมเปิดบ้านไล่ต้อน เวสต์แฮม 3-0 เดือนตุลาคม เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้แจ้งว่า รูนี่ย์ ต้องการย้ายออกจากทีม โดยหวังจะย้ายทีมไป เรอัล มาดริด ตามรอย โรนัลโด้ อดีตคู่หูในแดงหน้าของผีแดง เหตุการณ์วุ่นวายนี้ยืดเยื้ออยู่พักใหญ่จนในที่สุด เวย์น รูนี่ย์ ก็ตัดสินใจต่อสัญญาออกไปเป็นเวลา 5 ปีจนได้ และตัวเขาก็ออกมาขอโทษเพื่อนรวมทีมและแฟนบอลกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นและเจ้าตัวก็กลับมาลงสนามในอีกครั้ง 12 กุมภาพันธ์ รูนี่ย์ ซัดประตูสุดสวยใส่คู่เพื่อนบ้านอย่าง แมนฯซิตี้ ช่วยพาทีมเอาชนะไปได้ 2-1

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney 2010/2011 premier league champion

          2 เมษายน 2010 รูนี่ย์ ถลุงประตูครบ 100 ในศึกพรีเมียร์ ลีก ได้สำเร็จ ตามรอยรุ่นพี่ในทีมอย่าง ไรอัน กิ๊ก และ พอล สโคลส์ 14 มิถุนายน 2011 ทำประตูสำคัญช่วยให้ทีมแบ่งแต้มกลับออกมาจากถิ่น อีวู้ด ปาร์ค ของ แบล็คเบิร์น ได้สำเร็จและดีพอที่จะคว้าแชมป์ลีกไปครองได้ในปีนั้น

ฤดูกาล 2011/2012

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney 2011/2012

          ซัดประตูครบ 150 ในพรีเมียร์ ลีก เกมเปิดบ้านถล่ม อาร์เซน่อล 8-2 และได้รับแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ด้วยการซัดฟรีคิก 2 ลูก, จุดโทษ 1 และแอสซิสต์ให้กับ นานี่ เพื่อนร่วมทีมอีก1ครั้ง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยังคงผลิตสกอร์ได้อยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012 ลงเล่นครบ 500 นัดในเกมเฉือนเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูลไปได้ 2-1ส่งผลให้ รูนี่ย์ ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 6 ในการทำประตูตลอดกาลของสโมสร จบฤดูกาลนั้น รูนี่ย์ คว้ามือเปล่าไม่สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ได้

ฤดูกาล 2012/2013

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

          จากการมาของศูนย์หน้าคนใหม่อย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ทำให้ เวย์น รูนี่ย์ ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองบ่อยครั้งพร้อมด้วยถอยลงไปเล่นเป็นหน้าต่ำ ทำให้เจ้าตัวกลับมางอแงไม่พอใจอีกครั้งจนถึงขั้นขอย้ายทีมอีกครั้ง แต่ในที่สุดเจ้าตัวก็ไม่ได้ตัดสินใจย้ายไปไหนแถมยังประสานงานกับ โรบิน ฟานเพอร์ซี่ ได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วยจนสุดท้ายพาต้นสังกัดผงาดคว้าชัยแชมป์ ลีก เป็นสมัยที่ 20 ซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดาทีมอังกฤษ และในปีนั้นเป็นการสิ้นสุดการคุมทัพ ปีศาจแดง ของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยระยะเวลาถึง 26 ปี

ฤดูกาล 2013/2014                  

          หลายคนจับจ้องไปที่เดวิด มอยส์ นายใหญ่คนใหม่ที่มาแทนที่การลาออกของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเพราะ 2 คนนี้เคยทะเลาะกับตั้งแต่สมัยอยู่เอฟเวอร์ตัน แต่สุดท้ายแล้ว รูนี่ย์ ก็เปลี่ยนใจไม่ย้ายไปไหนเหมือนเดิม และมอยส์ก็ยังคงให้เขาเป็นตัวหลักของทีม

 

 รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

          เริ่มฤดูกาล 2013/14 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เวย์น รูนี่ย์ สามารถช่วยทีมทำประตูถึง 2 ลูก และชนะทีมจากเยอรมันไปด้วยสกอร์ 4-2 ทำให้ รูนี่ย์ สร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเขาเองโดยเขาสามารถทำประตูให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครบ 200 ประตู ตามหลังดาวยิงตลอดกาลอย่าง เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เพียงแค่ 49 ลูกเท่านั้น ในฤดูกาลนั้น รูนี่ย์ จบฤดูกาลด้วยการคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทีมที่ 17 ประตู 10 แอสซิสต์ 

ฤดูกาล 2014/2015

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney van gaal

          ถือว่าเป็นปีที่มีการเปลี่ยนค่อยข้างเยอะเลยทีเดียวสำหรับ รูนี่ย์ และสโมสร เนื่องจากการลาทีมของ เนมันย่า วิดิช และ การเข้ามาของกุนซือจอมปรัญชาอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ส่งผลให้ รูนี่ย์ กลายเป็นกัปตันคนใหม่ของทีมทันที ประเดิมฤดูกาลใหม่ด้วยการซัดประตูจักรยานอากาศใส่ สวอนซี แต่ก็ไม่เพียงพอช่วยให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ไปได้ 27 กันยายน ทำสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลแซงหน้า เธียร์รี่ อองรี ขี้นไปรั้งอันดับที่ 3 ได้สำเร็จในเกมเอาชนะ เวสต์แฮม ไปได้ 2-1 แต่ต้องสังเวยด้วยการโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป

          ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล รูนี่ย์ ถูกถอยให้มาเล่นเป็นตำแหน่งมิดฟิลด์ทำให้เจ้าตัวสังหารประตูได้น้อยลงเรื่อยๆแม้จบฤดูกาลนั้น รูนี่ย์ จะเป็นดาวซัลโวของทีมแต่เป็นดาวซัลโวที่น้อยมากที่ 14 ประตูเท่านั้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 1982 

ฤดูกาล 2015/2016

26 สิงหาคม 2015 สิ้นสุดการไร้ซึ่งการทำประตูยาวนานถึง 878 นาทีลงได้สำเร็จในเกมซัดแฮตทริคใส่ คลับ บรูก ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยน ลีก รอบแบ่งกลุ่ม 17 ตุลาคม สามารถซัดประตูในเกมบุกชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-0 ส่งผลให้เขาทาบตำแหน่งอันดับที่สองดาวยิงสูงสุดของพรีเมียร์ ลีก ร่วมกับ แอนดี้ โคล รุ่นพี่ของทีม ที่ 187 ประตู

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney fa cup

2 กุมภาพันธ์ 2016 ทำประตู 238 แซงหน้า เดนนิส ลอว์ ในการทำประตูสูงสุดของสโมสรตามหลังเพียงแค่ เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน คนเดียวเท่านั้น ในปีนั้น รูนี่ย์ พสต้นสังกัดทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลเอฟเอ คัพ และเป้นแชมป์เดียวเท่านั้นที่เขายังไม่เคยได้ สุดท้าย รูนี่ย์ ก็สมหวังสามารถคว้ามันมมาครอบครองได้สำเร็จด้วยการเฉือนเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษปิดท้ายฤดูกาล 2015/2016 ไปได้อย่างสวยหรู

ฤดูกาล 2016 - ปัจจุบัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney community shield 2-1

          ภายใต้การนำทีมยุคใหม่ของ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" โจเซ่ มูรินโญ่ รูนี่ย์ได้ลงเล่นในเกมคอมมูนิตี้ ชิลล์ ที่พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และมีส่วนร่วมในการเปิดสกอร์แรกของทีมก่อนทีมจะคว้าแชมป์มาครองเปิดฤดูกาลนี้ไปได้ ในวันที่ 6 พศจิกายน เป็นรายที่ 3 ของฟุตบอล อังกฤษ ที่แอสซิสต์ครบ 100 ครั้ง ในนัดบุกเอาชนะ สวอนซี 3-1

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney reading fa cup

          24 พศจิกายน สร้างสถิติอีกครั้งด้วยการพังประตูที่ 39 ในเวทียุโรปแซงหน้า รุด ฟาน นิสเตอรอย หัวหอกรุ่นพี่เป็นที่เรียบร้อยแล้วในศึกยูโรป้า ลีก เอาชนะ เฟเยนูร์ด 4-0 และล่าสุดในวันที่ 7 มากราคมที่ผ่านมาในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่เปิดบ้านพบเร้ดดิ้ง หมูรูน ทำประตูเพิ่มได้อีกหนึ่งประตู ส่งผลให้เขาขึ้นมาเป็นดาวยิงสูงสุดของสโมสรที่ 249 ประตูเทียบเท่า เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

          เหลือเวลาอีกเกือบครึ่งฤดูกาล รูนี่ย์ มีสิทธิ์แซงดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร ต้องคอยดูว่า หมูรูน จะทำได้สำเร็จหรือไม่

เส้นทางทีมชาติ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney england 2004

          รูนี่ย์ กลับมาแจ้งเกิดได้อย่างยิ่งใหญ่แบบเต็มตัวในช่วงศึกยูโร 2004 โดยได้ถูกเรียกตัวจากสเวน โกรัน เอริคส์สัน ให้เข้ามาติดทีมชาติ โดยมีไมเคิล โอเว่น สตาร์รุ่นพี่เป็นคู่หู ซึ่งก่อนหน้านั้นรูนี่ย์ เคยถูกเรียกตัวติดทีมชาติมาเป็นเวลาปีเศษแล้ว โดยเกมแรกที่ได้ลงเล่นในสีเสื้อสิงโตคำรามคือเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติออสเตรเลีย ในวันที่ 12 ก.พ. 2003 และเป็นอีกครั้งที่ทำสถิติเป็นผู้เล่นทีมชาติอังกฤษที่อายุน้อยที่สุด (ก่อนจะโดนธีโอ วัลค็อตต์ วันเดอร์คิดคนต่อมาทำลาย)

          ในยูโร 2004 ที่โปรตุเกส รูนี่ย์ สามารถผลิตผลงานระดับเทวดาเรียกพี่ได้ และเป็นแกนนำคนสำคัญในทีมไปอย่างไม่น่าเชื่อ กลบรัศมีของดาวเด่นอย่างโอเว่นลงสนิท ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน กล้าหาญ และเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ในการเล่น

          รูนี่ย์ ยังเป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปด้วยเมื่อทำได้ 2 ประตูในเกมกับสวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็ถูกโยฮัน ฟอนลันเธน กองหน้าทีมชาติสวิสแก้ตัวคืนได้ในอีก 4 วันถัดมา

          ฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นของรูนี่ย์ ทำให้ทีมชาติอังกฤษมีความหวังที่จะประสบความสำเร็จในเวทีระดับชาติอีกครั้ง แต่พวกเขาก็ต้องฝันสลายเมื่อรูนี่ย์ เกิดได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับโปรตุเกส จนต้องเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ก่อนที่ทีมสิงโตคำรามจะตกรอบด้วยการพ่ายจุดโทษ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney england 2006 


          สำหรับฟุตบอลโลก 2006 นั้นเป็นอีกครั้งที่รูนี่ย์ ต้องผิดหวังด้วยฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ เนื่องจากก่อนหน้าจะเริ่มฟุตบอลโลกที่เยอรมันไม่ถึง 2 เดือน เกิดได้รับบาดเจ็บกระดูกเท้าแตกที่เดิมและต้องเร่งรักษาตัวท่ามกลางการเอาใจช่วยของแฟนบอลชาวผู้ดีแต่เขาต้องฝืนลงช่วยทีมทั้งๆที่มีอาการบาดเจ็บ และในรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับโปรตุเกส เขาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในจังหวะที่เขาเข้าแย่งบอลกับ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ และต่อมาทีมก็ตกรอบด้วยการแพ้ลูกโทษ

          แฟนบอลและสื่อของอังกฤษต่างจับจ้องมาที่ คริสเตียโน โรนัลโด เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของเขา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฟ้องกรรมการทำให้รูนี่ย์โดนใบแดง ทำให้สื่อให้ข่าวว่าเวย์น รูนีย์ตั้งตนเป็นศัตรูกับโรนัลโด้ซึ่งอาจส่งผลให้โรนัลโด้ย้ายทีมแต่อย่างไรก็ดี รูนี่ย์ได้สยบข่าวลือนั้น ในฤดูกาล 2006 โรนัลโด้ได้เล่นให้กับแมนฯ ยูไนเต็ดต่อไปและทั้งคู่ก็เล่นกันได้อย่างลงตัวจนทำให้เขาสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในชีวิตค้าแข้งได้สำเร็จ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney england 2010

          หลังจากจบฤดูกาล 2009/10 กลางปี 2010 ก็เป็นช่วงของฟุตบอลโลก 2010 เวย์น รูนี่ย์ ก็ได้ติดทีมไปเล่นกับอังกฤษ ที่แอฟริกาใต้ซึ่งเขาทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เขาไม่สามารถทำประตูได้เลยและที่ชาติอังกฤษก็กระเด็นตกรอบ 16 ทีม ด้วยฝีมือของทีมชาติเยอรมัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ rooney england 2016 

          ล่าสุดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ที่ผ่านมาภายใต้การคุมทีมของ รอย ฮอดสัน รูนี่ย์ ในฐานะกัปตันทีมชาติอังกฤษผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มมาได้อย่างสวยหรูด้วยสถิติชนะรวดแต่พอถึงรอบน็อคเอ้าท์กับทำหมูหกหระเด็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปอย่างเหลือเชื่อด้วยการพ่ายแพ่ต่อ ไอซ์แลนด์ 1-2 แม้ในวันนั้น รูนี่ย์ จะสามารถทำประตูได้ก็ตาม

 



   

ADS