ประวัติ ดิโอโก้ โชต้า กับความท้าทายครั้งใหญ่ที่ลิเวอร์พูล
ดิโอโก้ โชต้า กับความท้าทายครั้งใหญ่ที่ลิเวอร์พูล
ดิโอโก้ โชต้า แข้งผู้มีฝีเท้าจัดจ้านและจัดเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ในตำแหน่งศูนย์หน้า เตรียมพิสูจน์ตัวเองครั้งใหญ่ที่สุดในอาชีพการค้าแข้งหลังจรดปากกาเซ็นร่วมทัพแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่าง ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์รวมเงื่อนไขเพิ่มเติม พร้อมกับคว้าหมายเลข 20 สานต่อจากเจ้าของเก่าอย่าง อดัม ลัลลาน่า ที่ย้ายออกจากทีมไปก่อนหน้านี้
"มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับผมและครอบครัว การย้ายมาร่วมทีมอย่างลิเวอร์พูลซึ่งเป็นแชมป์สโมสรโลกนั้นเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ ผมพร้อมจะลุยแล้ว นี่คือหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของโลก เจ๋งที่สุดในเวลานี้ เพราะพวกเขาคือแชมป์โลก"
"เมื่อคุณได้ดูพรีเมียร์ลีกคุณจะเห็นได้ว้าลิเวอร์พูลคือหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะปฏิเสธโอกาสนี้ ดังนั้นผมแค่ต้องการย้ายมาที่นี่เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีม และหวังว่าผมจะกลายเป็นตัวเลือกที่ดีของลิเวอร์พูลในอนาคต" โชต้า กล่าวหลังเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ
ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสรายนี้เกิดในวันที่ 4 ธันวาคม 1996 ในเมือง ปอร์โต้ โดยเจ้าตัวได้เริ่มต้นเข้าสู่วงการฟุตบอลกับสโมสร ปากอส เดอ เฟร์เรยร่า พร้อมกับได้โอกาสประเดิมในทีมชุดใหญ่ในวัยเพียง 17 ปี เท่านั้น โดยในเกมแรกที่มีโอกาสลงสนามเจ้าตัวก็สามารถทำได้หนึ่งประตู และหนึ่งแอสซิสต์ในศึกโปรตุกีส คัพ เดือนตุลาคมในฤดูกาล 2014-15 ก่อนจะพัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในแต่ละซีซั่น
อีกสองฤดูกาลถัดมา ดิโอโก้ โชต้า ได้เซ็นสัญญากับสโมสร แอตฯ มาดริด สโมสรชั้นนำใน ลา ลีกา สเปน ในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 แต่ไม่อาจสอดแทรกเข้าสู่ทีมชุดใหญ่และไม่มีโอกาสลงเล่นแม้แต่เกมเดียว ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจย้ายกับบ้านเกิดไปที่ ปอร์โต้ ในรูปแบบยืมตัวที่มี นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ คุมทีมในเวลานั้น
แม้ซีซั่นแรกกับ ปอร์โต้ ทางด้าน โชต้า จะไม่สามารถช่วยทีมค้าแชมป์ลีกและเป็น เบนฟิก้า ที่ทำได้ดีกว่าแม้ทีมของเขาจะพ่ายในลีกไปแค่ 2 นัด แต่มองในแง่ของผลงานส่วนตัว โชต้า เริ่มพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาเรื่อยๆและจบด้วยการทำไป 8 ประตูจากการลงเล่นไป 27 นัด นอกจากนั้นยังไม่พอ โชต้า ยังได้โอกาสเล่นในเวทีใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยังสามารถทำประตูได้ในเกมเจอ เลสเตอร์ ซิตี้ แม้ท้ายที่สุดพวกเขาจะตกรอบในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่หลังจากนั้นไม่นาน นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ก็ตัดสินใจประกาศอำลาทีมพร้อมกับรับโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน
หลังจากนั้น โชต้า ได้โอกาสมาค้าแข้งยังแผ่นดินอังกฤษหลังถูกทาบทามจาก นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ที่ต้องการปลุกปั้น วูล์ฟส์ ให้กลับมาโลดแล่นในเวทีลีกสูงสุดอีกครั้ง และก็เป็น โชต้า ที่มีส่วนสำคัญจากการทำไป 17 ประตู และมีส่วนช่วยทีมเก็บคะแนนไปถึง 99 แต้ม พร้อมกับคว้าแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ไปอย่างสวยงาม
ดิโอโก้ โชต้า ช่วยทีมทำไป 16 ประตูตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาและมีส่วนสำคัญที่ทำให้ วูล์ฟส์ คว้าอันดับดับ 7 ได้ทั้งสองซีซั่นตั้งแต่ขึ้นมายังพรีเมียร์ลีก แม้ช่วงท้ายซีซั่น โชต้า จะถูกลดบทบาทและไม่ได้ลงสนามสม่ำเสมอนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ ลิเวอร์พูล มองข้ามความสามารถและเล็งเห็นโอกาสที่จะพัฒนาแข้งรายนี้ขึ้นมาโดดเด่นประดับวงการลูกหนังและช่วย ลิเวอร์พูล ไล่ล่าและป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกที่การแข่งขันดุเดือดขึ้นทวีคูณ