ประวัติ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ จอมถล่มประตูผู้ถูกมองข้าม
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ศูนย์หน้าเจ้าของฉายา "หล่อเหลา" ของทีมชาติฝรั่งเศส ที่ล่าสุดเพิ่งเหมาคนเดียวสองเมล็ดช่วยให้ "ตราไก่" ถล่มทีมชาติยูเครน ไปแบบขาดลอยถึง 7-1 พร้อมกับส่ง ชิรูด์ ขึ้นแท่นดาวซัลโวอันดับ 2 ในนามทีมชาติเป็นที่เรียบร้อยที่ 42 ประตู
ชื่อเต็ม : โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (Olivier Giroud)
วันเดือนปีเกิด : 30 กันยายน 1986 (อายุ 34 ปี)
สถานที่เกิด : แชมเบรี่ ประเทศฝรั่งเศส
ส่วนสูง : 193 เซ็นติเมตร
ตำแหน่ง : กองหน้า
ชิรูด์ เกิดในเมือง แชมเบรี่ ประเทศ ฝรั่งเศส ก่อนที่จะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมในหมู่บ้าน เขาใช้เวลาฝึกฝนกับทีมระดับหมู่บ้านประมาน 6 ปี ก่อนที่จะโดน เกรโนเบิ้ล จับเซ็นต์สัญญาเข้าสังกัดด้วยวัยแค่ 13 ปีโดยใช้เวลา 5 ปีในการพัฒนาฝีเท้าก่อนที่จะได้รับการเซ็นต์สัญญาเป็นนักเตะอาชีพเมื่อตอนที่อายุได้ 21 ปี และเพียงแค่ฤดูกาลแรก ชิรูด์ ก็ฉายแววการเป็นกองหน้าสุดฮอตด้วยการกดไปถึง 15 ประตูจากการลงเล่น 15 เกมในฤดูกาล 2005/2006
หลังจากนั้นการเดินทางอันแสนพิเศษของศูนย์หน้ารายนี้ก็เริ่มขึ้นเพราะมีหลายทีมจ้องตามจีบและในที่สุดก็เป็น 3 ทีมจากในประเทศอย่าง อิสเทรส (ยืมตัว), ตูร์ส และ มงเปลลิเยร์ ที่คว้าตัวไปร่วมทีมโดยเฉพาะผลงานกับ มงเปลลิเยร์ ที่โคตรจะปังเนื่องจาก "หล่อเหลา" กระหน่ำยิงไปได้ถึง 33 ประตูและด้วยผลงานดังกล่าวทำให้ทีมยักษ์ใหญ่ต่างสนใจคว้าตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ อาร์เซน่อล
26 มิถุนายน 2012 อาร์เซน่อล ยักษ์ใหญ่จากศึก พรีเมียร์ลีก จัดการคว้าตัว ชิรูด์ มาเสริมทัพด้วยค่าตัว 9.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 387 ล้านบาท) พร้อมกับสวมเสื้อเบอร์ 12 โดยเขาประเดิมเกมแรกกับทัพ ''ปืนใหญ่'' ในเกมลีกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2012 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาในเกมที่พบกับ ซันเดอร์แลนด์ และประตูแรกกับต้นสังกัดใหม่เกิดขึ้นเมื่อ 26 กันยายน ในเกมลีกคัพ ที่ถล่มเอาชนะ โคเวนทรี่ ไปได้ 6-1 หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้ยึดตำแหน่งตัวจริงมาโดยตลอด
หลังจากค้าแข้งอยู่กับอาร์เซน่อล นานถึง 5 ปีเจ้าตัวก็เริ่มมองหาความท้าทายใหม่เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเจ้าตัวไม่สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์สูงสุดอย่างพรีเมียร์ลีก ได้เลยนั่นเอง ซึ่งท้ายที่สุดก็เป็นคู่แข่งจากเมืองลอนดอนเหมือนกันอย่าง เซลชี คว้าตัวไปร่วมทัพในปี 2018
หลังจากที่ลงเดบิวต์ให้เชลซีในเกมเยือนวัตฟอร์ด ชิรูด์ก็สร้างความประทับใจได้อีกครั้งในเกมแรกที่ลงเป็นตัวจริงนัดเปิดบ้านเจอกับเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ทำประตูแรกให้สโมสรได้ในเกมต่อมาที่ชนะฮัลล์ 4-0 ในเอฟเอ คัพและหลังจากนั้นเจ้าก็โชว์ผลงานในรายการนี้ได้เป็นอย่างดีและมีส่วนสำคัญช่วยให้ เชลซี ผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เหนือทีมอย่างแมนฯยู ซึ่งนับว่าเป็นสมัยที่ 4 ของเจ้าตัว
หลังจากการเข้ามากุมบังเหียนของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทำให้โอกาสในการลงสนามของ ชิรูด์ เริ่มถูกดร็อปเป็นสำรองให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็ในฤดูกาลนี้เนื่องจาก "สิงห์บลูส์" มีการซื้อแนวรุกเข้ามาหลายรายยกตัวอย่างแข้งเด็ดๆเลยก็คือ ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ซ นั่นเอง
แม้ในสโมสรเจ้าตัวจะถูกดองนั่งก้นด้าน แต่สำหรับทีมชาติฝรั่งเศสแล้วเหมือนหนังคนล่ะม้วนเลยทีเดียวเพราะ "หล่อเหลา" โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในช่วงคัดยูโรและล่าสุดในเกมกระชับมิตรทีมชาติเมื่อคืนวานนี้ ชิรูด์ ได้ตอกย้ำความเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าด้วยการเหมาคนเดียว 2 ประตูช่วยให้ทีมชาติฝรั่งเศสเอาชนะ ทีมชาติยูเครน ไปแบบขาดลอย 7-1 เชื่อว่าผลงานส่วนตัวของ ชิรูด์ เหมือนเป็นการตอกหน้า แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือเชลซี ไม่น้อยเลยทีเดียว