ประวัติ เคอร์ติส โจนส์ สเกาเซอร์ที่เจอร์ราร์ดรับบทเป็นป๋าดัน

เคอร์ติส โจนส์ มีชื่อเต็มว่า "เคอร์ติส จูเลี่ยน โจนส์" เป็นเด็กหนุ่มชาวเมืองลิเวอร์พูล ที่ก้าวเข้าสู่อะคาเดมี่ของลิเวอร์พูลตั้งอายุ 9 ขวบ ก่อนจะพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาตามลำดับ

ซึ่งเป็นจุดสำคัญของจุดเริ่มต้นเส้นทางสายฟุตบอลเมื่อ เคอร์ติส โจนส์ ได้ถูกปลุกปั้นโดยการทำหน้าที่ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แข้งระดับตำนานของสโมสรที่ทำหน้าที่เฮดโค้ช ยู-18 ณ เวลานั้น และที่สำคัญ สตีวี่ ยังเป็นไอดอลในวัยเด็กของ เคอร์ติส โจนส์ อีกด้วย

 

ชื่อเต็ม : เคอร์ติส จูเลี่ยน โจนส์
วันเดือนปีเกิด : 30 มกราคม ค.ศ. 2001 
สถานที่เกิด : ลิเวอร์พูล, อังกฤษ
ส่วนสูง : 185 ซม.
ตำแหน่ง : กองกลาง

"คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เห็นสิ่งที่เราได้ทำงานร่วมกัน เพื่อที่ผลักดันผมขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่ ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เขาคือคนที่เพอร์เฟกต์และมาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะในการช่วยเหลือผม"

"เขาคือโค้ชคนสำคัญที่คอยแนะนำว่าผมต้องปรับปรุงอะไรบ้าง ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของเกมเท่านั้น แต่รวมถึงทุกอย่างในตัวผมเลย เขาทราบถึงพรสวรรค์ที่ผมมี และคอยใส่รายละเอียดที่เหมาะสมเพิ่มให้กับผม" โจนส์ พูดถึง เจอร์ราร์ด

เจ้าหนูรายนี้เริ่มต้นจากการสวมหมายเลขเสื้อ 48 ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้เบอร์ 17 ในฤดูกาล 2020-2021 หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งต่อสัญญาระยะยาวกับ "หงส์แดง" ไปเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2020 หลังจากที่เจ้าตัวได้ถูกนายใหญ่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ดันขึ้นชุดใหญ่ตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว

หมายเลข 17 ถือว่ามีความสำคัญสำหรับ โจนส์ ไม่น้อย เนื่องจากตำนานของสโมสรอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด เคยใช้หมายเลขนี้ในระหว่างปี 2000-2004 หลังจากใช้เบอร์ 28 ในช่วงแรกที่ขึ้นมาจากทีมเยาวชน ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้หมายเลข 8 ที่เราคุ้นหูคุ้นตา

โจนส์ ได้โอกาสลงเล่นนัดแรกในนามทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 7 มกราคม ปี 2019 ในศึก เอฟเอ คัพ รอบสาม นัดบุกไปเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน ก่อนจะได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องในนัดพบกับ มิลตันคีนส์ดอนส์ โดยเขาถูกเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัดนั้นด้วย

ไฮไลท์ในซีซั่นดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในเกมที่เขายิงประตูชัยช่วยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 ในศึก เอฟเอคัพ วันที่ 5 มกราคม 2020 และถือเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในศึกเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ต่อจาก ร็อบบี ฟาวเลอร์ ที่เคยทำได้ในปี 1994

ซึ่งในซีซั่นนี้เชื่อว่า เคอร์ติส โจนส์ จะได้รับโอกาสจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ มากขึ้นในเวทีฟุตบอลถ้วยในประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการอำลาสโมสรไปของ อดัม ลัลลาน่า และทางนายใหญ่ชาวเยอรมันก็ต้องการวางแข้งสเกาเซอร์ผู้นี้รับบทบาทต่อจากแข้งตัวเก๋าที่ย้ายไป ไบรท์ตัน นั่นเอง

แต่การที่ทีมเสริมทัพแดนกลางด้วยแข้งระดับเวิลด์คลาสอย่าง ติอาโก้ อัลคันทาร่า เข้ามา รวมไปถึงแข้งแนวรุกอย่าง ทาคูมิ มินามิโนะ และ ดิโอโก้ โชต้า ที่เพิ่งดึงมาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน นับเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญว่าเจ้าหนูรายนี้จะทำผลงานชนะใจ คล็อปป์ ได้มากขนาดไหนในซีซั่นนี้