ประวัติ โกรัน ปานเดฟ สุดยอดแข้งแห่งยุคของมาซิโดเนีย

         

          บนวัย 37 ปีชายที่ชื่อว่า โกรัน ปานเดฟ ยังสร้างเซอร์ไฟรส์ให้กับวงการฟุตบอลไม่หยุดเพราะล่าสุดเพิ่งพาทีมชาติตัวเองอย่าง นอร์ธ มาซิโดเนีย เข้าไปเล่นฟุตบอลยูโร ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แถมคนที่ทำประตูชัยให้กับทีมก็คือ โกรัน ปานเดฟ ผู้นี้นี่เอง

 

ชื่อเต็ม : โกรัน ปานเดฟ (Goran Pandev)

วันเกิด : 27 มิถุนายน 1983 (อายุ 37 ปี)
สถานที่เกิด : เมืองสตรูมิก้า, ประเทศนอร์ธ มาซิโดเนีย
ส่วนสูง : 184 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : กองหน้า

          โกรัน ปานเดฟ เกิดและเติบโตที่เมืองสตรูมิก้า ประเทศ มาซิโดเนีย ซึ่งเป็นส่วนนึงของสหภาพยูโกสลาเวีย ก่อนที่ภายหลังจะแยกตัวออกมาและเปลี่ยนชื่อเป็น นอร์ธ มาซิโดเนีย ในปัจจุบัน ปานเดฟ เริ่มต้นอาชีพฟุตบอลด้วยการเล่นให้กับสโมสร บาลาซิก้า ทีมในบ้านเกิดตัวเองแต่ก็ค้าแข้งได้เพียงแค่ซีซั่นเดียวเท่านั้นเพราะด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นเกินวัยทำให้ถูกทีมยักษ์ใหญ่อย่าง อินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี ตามจีบไปร่วมทีมช่วงซัมเมอร์ปี 2001 โดยตอนนั้น ปานเดฟ มีอายุแค่เพียง 18 ปีเท่านั้นเอง

          และเป็นที่รู้กันว่านักเตะโนเนมที่เพิ่งย้ายมาลีกใหญ่ของยุโรปแบบนี้ต้องใช้เวลาพิสูจน์ฝีเท้าตัวเองแบบสุดๆ ทำให้หลังจากย้ายมา ปานเดฟ ถูกต้นสังกัดปล่อยยืมให้ สเปเซีย ทีมในศึกเซเรีย บี ใช้งานแต่ผลงานก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร ก่อนที่ในปีเดียวกันนั้นจะถูกปล่อยยืมอีกครั้งให้ อันโคน่า ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาไปใช้งานอีกหนึ่งฤดูกาล แต่เหมือนเป็นฝันร้ายเพราะทีมน้องใหม่ดันโชว์ฟอร์มได้อย่างเละเทะก่อนที่ท้ายที่สุดจะตกชั้นไปตามระเบียบทำให้ ปานเดฟ ถูกส่งตัวกลับต้นสังกัดทันที

          มกราคม ปี 2004 มีการทำสัญญาระหว่าง 2 สโมสรนั่นก็คือ อินเตอร์ มิลาน และ ลาซิโอ ด้วยการแลกเปลี่ยนนักเตะกันทำให้ ปานเดฟ ถูกส่งไปร่วมทีม ลาซิโอ ไปโดยปริยายพร้อมเม็ดเงินแลกเปลี่ยน 500 ยูโรด้วยกัน ซึ่งฤดูกาลแรกของเขากับ ลาซิโอ ถือว่าดูดีไม่น้อยเพราะได้โอกาสลงสนามไปถึง 29 นัดและพังประตูไปได้ถึง 3 ประตูด้วยกัน แต่หลังจากนั้น ปานเดฟ ดันไปมีปัญหากับประธานสโมสรอย่าง เคลาดิโอ โลติโต้ จนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลยทีเดียวและแน่นอนว่าเจ้าตัวก็โดนตัดสิทธิ์ไม่ได้ลงสนามเป็นเวลานานถึง 4 เดือนด้วยกัน

          จนท้ายที่สุด 26 กันยายน 2009 ปานเดฟ ก็โดนยกเลิกสัญเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสโมสรได้ออกมาแถลงการณ์ว่าเขา ขัดขืนกับกฏระเบียบของต้นสังกัดจึงถูกไล่ออก แต่ ปานเดฟ ได้ทำฟ้องสโมสรกลับ ก่อนที่เขาจะชนะคดีในท้ายที่สุด ทำให้ลาซิโอ ต้องจ่ายค่าสัญญามากถึง 170,000 ยูโรด้วยกัน (ประมาณ 6,000,000 บาท) เลยทีเดียว

          หลังจากเดินเตะฝุ่นไม่มีสโมสรให้ลงเล่นนานเกือบ 1 ปีท้ายที่สุดก็เป็น "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ทีมแรกที่พามาค้าแข้งทำการเซ้งตัวต่อด้วยสัญญาระยะยาว 4 ปีครึ่ง โดย ปานเดฟ สวมหมายเลข 27 และการกลับมาค้าแข้งคราวนี้ ปานเดฟ ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง

          ซึ่งปีทองของ ปานเดฟ ก็คือปี 2010 ที่พาต้นสังกัดผงาดคว้า 3 แชมป์ทั้ง เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นอกจากนี้เจ้าตัวยังถูกจารึกอีกด้วยว่าเป็นนักเตะมาซิโดเนีย คนที่ 3 ที่ได้คว้าโทรฟี่นี้มาครอง ซึ่งหลังจากหมดฤดูกาลอันยอดเยี่ยมด้วยวัยที่มากขึ้นและต้นสังกัด ต้องการดันผู้เล่นชุดใหม่ขึ้นทำให้โอกาสลงสนามย่อมน้อยตามไปด้วย

          จนท้ายที่สุด 26 สิงหาคม 2011 ปานเดฟ ก็ถูกเร่ขายทอดตลาดอีกครั้งและคราวนี้ก็เป็นทีมอย่าง นาโปลี ที่ตอนนั้นกำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมรับเซ้งดาวยิงตัวเก๋ามาร่วมทัพด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งผลงานเด่นๆของ ปานเดฟ ในสีเสื้อของนาโปลี ก็คือการลงมายิงคนเดียว 2 ประตูช่วยให้ทีมเปิดบ้านเจ๊ากับ ยูเวนตุส ไปอย่างสุดมัน 3-3 นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญช่วยทีมผงาดคว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย ซึ่งเป็นสมัยที่ 2 ของเจ้าตัว 6 มิถุนายน 2012 ปานเดฟ ย้ายร่วมทัพนาโปลี แบบถาวรแต่มีข้อแม้จาก ออเรลิโอ เด ลอเรนติส ประธานสโมสรว่า ปานเดฟ จะถูกลดค่าเหนื่อยลงพร้อมกับโอกาสในการลงสนามด้วย

 

          ก่อนที่ กันยายน 2014 ปานเดฟ ตัดสินใจย้ายข้ามประเทศไปเล่นให้กับยอดทีมของตุรกี อย่าง กาลาตาซาราย แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวังไว้ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต, สังคมที่เปลี่ยนแปลงเกินไปและการปรับตัวที่ยากซะเหลือเกิน ส่งผลให้ ปานเดฟ อยู่ค้าแข้งในดินแดนไก่งวงเพียงซีซั่นเดียวเท่านั้นเองและการกลับมาคราวนี้เหมือนทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเพราะด้วยอายุที่มากขึ้นฝีเท้าที่ตกลงไปทำให้ถูกทีมอย่าง เจนัว คว้าไปร่วมทัพทำให้จนมาถึงฤดูกาลปัจจุบันเจ้าตัวก็ยังสับเปลี่ยนในซุ้มมานั่งสำรองอยู่บ่อยครั้ง

          แม้ผลงานกับสโมสรจะตกลงไปอย่างชัดเจน แต่สำหรับทีมชาติ ปานเดฟ ก็ยังเป็นเบอร์หนึ่งและเป็นเดอะ แบก เหมือนเคยเพราะลงรับใช้ชาติไปทั้งหมด 114 นัดพร้อมกับยิงไปได้ถึง 36 ประตูทำให้เขานำโด่งเป็นดาวซัลโวนั่นเองและเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ปานเดฟ ก็ได้แสดงความยอดเยี่ยมอีกครั้งด้วยการยิงประตูชัยให้ทีมชาติ นอร์ธ มาซิโดเนีย เอาชนะ ทีมชาติจอร์เจีย 1-0 พร้อมกับการันตีไปเล่นศึกยูโร ในปีหน้าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อีกด้วย เรียกได้ว่าชายที่ชื่อว่า โกรัน ปานเดฟ คือไอค่อนของความพยายามและความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง