ประวัติ ยูเซบิโอ
ยูเซบิโอ “ไอ้เสือดำแห่งโมซัมบิค”
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม : ยูเซบิโอ ดา ซิลวา แฟร์ไรร่า
วันเกิด : 25 มกราคม 1942 (อายุ 66 ปี)
สถานที่เกิด : โลเร็นโก้ มาร์เควสต์, โมซัมบิค
ส่วนสูง : 1.77 เมตร (5 ฟุต 9 นิ้วครึ่ง)
ทีมชาติ : โปรตุเกส (รีไทร์)
ตำแหน่ง : กองหน้าประวัติความเป็นมา
ยูเซบิโอ อดีตนักฟุตบอลระดับตำนานของโลกและของประเทศโปรตุเกส มีชื่อเต็มๆ ว่า ยูเซบิโอ ดา ซิลวา แฟร์ไรร่า เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1942 ที่เมืองโลเร็นโก้ มาร์เควสต์ ประเทศ โมซัมบิค ซึ่งหากจะกล่าวว่า ยูเซบิโอ เป็นนักเตะที่นำพา โปรตุเกส ก้าวขึ้นสู่ความเป็นทีมฟุตบอลชั้นนำของยุโรปและของโลกก็คงจะไม่เกินไปนักถึงขั้นได้รับสมญานามว่า ‘Black Panther’หรือ ‘Black Pearl’ โดยเขาคือผู้ยิง 9 ประตูในฟุตบอลโลกปี 1966 ที่ประเทศอังกฤษ พร้อมกับคว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปครอง ซึ่งส่งผลให้เขาเป็นนักเตะแอฟริกัน คนแรกของโลก ที่ได้รับรางวัลนี้
เริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง
“ไอ้เสือดำแห่งโมซัมบิก” เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับทีมเล็กๆในระแวกบ้านเกิดอย่าง สปอร์ติ้ง คลับ โลเร็นโก้ มาร์เควสต์ ยูเซบิโอ มีแววดีตั้งแต่สมัยเด็กๆด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ (1.75 เมตร หนัก 73 กิโลกรัม) จิตใจห้าวหาญ ไม่ยากนักที่ทีมใหญ่ๆของ ลิสบอนจะให้ความสนใจ ทั้ง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ยันไปถึง เบนฟิก้า อีกฟากนึงของประเทศ
ยูเซบิโอ ได้เซ็นสัญญากับ เบนฟิก้า ตอนอายุ 18 แต่กว่าจะได้ลงเล่นเกมชุดใหญ่ครั้งแรกก็ต้องอาศัยเวลา 1 ปีเต็ม และยิงประตูได้ซะด้วย จากนั้นมาก็ยิงไม่หยุดให้กับยอดทีมแห่งเมืองหลวง รวมแล้วกับการลงเล่นในเกมลีกสูงสุดของโปรตุเกส 301 เกม ยิงไป 317 ประตู เป็นสถิติที่น่าขนลุกใช่ย่อย
คุณสมบัติของยอดนักเตะรายนี้นับเป็นที่ปรารถนาของบรรดาผู้จัดการทีมกับนักเตะตำแหน่งกองหน้า มีทั้งความแข็งแกร่ง, ดุดัน และความเร็วที่ผิดธรรมดาตรงข้ามกับรูปร่าง โดยเฉพาะยามครองบอล บุคลิกอันคล่องแคล่วของ ยูเซบิโอถูกนำไปเปรียบเทียบกับ แมว ซึ่งเจ้าตัวได้ฝึกฝนตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆ เตะบอลตามถนนแถวบ้าน
ยูเซบิโอ ใช้เวลา 2 ปีกับเบนฟิก้า ในการเป็นตัวหลักพาทีมคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ เหนือ ทีมเต็งของ อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ เรอัล มาดริด เมื่อปี 1962 รวมถึงคว้ารองแชมป์ถ้วยใบนี้ ได้ 3 สมัย กับ เบนฟิก้า ในปี 193, 1965 และ 1968 อีกด้วย
ในปี 1965 ยูเซบิโอ ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของยุโรป ก่อนที่ในปี 1968 เขาจะสามารถคว้ารางวัล โกลเด้น บูท ได้ครั้งแรก ในฐานะที่เป็นนักเตะที่ยิงประตูได้มากที่สุดในทวีปยุโรป และในอีก 5 ปี ถัดมา ยูเซบิโอ ก็สามารถคว้ารางวัลดังกล่าวได้อีกครั้ง
อาจกล่าวได้ว่า ช่วงระยะเวลาค้าแข้ง 15 ปี กับ เบนฟิก้า ยูเซบิโอ ได้สร้างสถิติมากมายให้กับสโมสรแห่งนี้ โดยเขาเคยคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดในลีกดิวิชั่น 1 โปรตุเกส ถึง 7 ครั้ง ในช่วงปี 1964-1973 และช่วยให้ทีม "เหยี่ยวแดงลิสบอน" คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ถึง 11 สมัย (1961, 1963-65, 1967-69, 1971-73, 1975) รวมถึงแชมป์บอลถ้วยอีก 5 ครั้ง (1962, 1964, 1969, 1970, 1972) นอกจากนี้ เขายังมีสถิติยิงประตูให้กับทีม เบนฟิก้า ไปถึง 727 ลูก จากการลงสนามทั้งสิ้น 715 นัด โดยหากนับเฉพาะเกมในลีก เขาก็ยิงประตูได้ถึง 317 ลูก จากการลงสนาม 301 นัด
หลังจากใช้ชีวิตนักเตะอย่างรุ่งโรจน์กับ เบนฟิก้า ในที่สุด ยูเซบิโอ ก็ตัดสินใจย้ายไปเล่นยังต่างแดนในลีกฟุตบอลของทวีปอเมริกาเหนือ (North American Soccer League หรือ NASL) โดยในช่วงระหว่างปี 1975 ถึง 1977 ยูเซบิโอ ได้เล่นให้กับทีม บอสตัน มินูเมน (1975) และ มอนเตเรย์ (1976) ก่อนที่ เขาจะย้ายกลับมาค้าแข้งในโปรตุเกสอีกครั้ง กับทีมเล็กๆ ในลีก อย่าง เอสซี ไบร่า-มาร์ ทีมในดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล 1976/77
แต่จากนั้นไม่นาน ยูเอซีบิโอ ก็เหินฟ้ากลับไปเล่นในลีกทวีปอเมริกาเหนืออีกครั้งกับทีม โตรอนโต้ เมโทรส-โครเอเชีย (1976) และ ลาสเวกัส ควิกซิลเวอร์ (1977) และประสบความสำเร็จสูงสุดกับทีม นิวเจอร์ซี่ย อเมริกันส์ ในฤดูกาล 1977/78 ด้วยการพาต้นสังกัดความแชมป์ลีกได้สำเร็จ ซึ่งหลังจากนั้น เขาก็กลับมาเล่นในโปรตุเกสอีกครั้ง กับทีมเล็กๆ อย่าง ยูนิเอา เดอ โตมาร์ ทีมในดิวิชั่น 2 ในฤดูกาล 1977/78
ทีมชาติโปรตุเกส
ยูเซบิโอ ได้ลงเล่นเกมแรกให้กับทีมชาติเมื่อเดือนตุลาคม ปี 1962 เจอกับ ลักเซมเบิร์ก แต่เกมสำคัญและมีความหมายจริงๆที่ “ไอ้เสือดำ” ได้ลงเล่นคือเกมในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเมื่อปี 1966 ซึ่งเป็นยุคเริ่มๆของ โมเดิร์น ฟุตบอลแล้ว และยูเซบิโอ ก็สร้างปรากฏการณ์ได้ในทัวร์นาเมนต์นั้นเช่นกัน
ในรอบแรก โปรตุเกส เตะ ฮังการีตกรอบด้วยสกอร์ 3-1 ตามด้วยบัลแกเรีย (3-0) และแมตช์ที่แฟนๆไม่มีวันลืมคือการเจอกับเต็งแชมป์อย่าง บราซิล ที่โดน ยูเซบิโอ ขย่มบัลลังก์ พ่ายเละด้วยสกอร์ 3-1
รอบควอเตอร์ ไฟนัล เป็นเกมที่ประวัติศาตร์เวิล์ดคัพต้องจารึกไว้ โปรตุเกส ตามหลัง เกาหลีเหนือ ถึง 3-0 แต่ในที่สุดทีมจากแดนฝอยทองกลับมาได้อย่างน่าตื่นเต้นจาก 4 ประตูของ “ไอ้เสือดำ” ก่อนชนะไปชนิดแทบไม่มีใครอยากเชื่อว่าคือความจริงด้วยสกอร์ 5-3 ซึ่งเกมนั้นส่งให้ ยูเซบิโอ และทั้งทีมโปรตุเกส ถูกจารึกในพงศาวดารฟุตบอลโลกทันทีในฐานะ เป็นทีมคัมแบ็กสุดยอด และเป็นแมตช์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของทัวร์นาเมนต์
ในรอบตัดเชือก โปรตุเกสเจอของแข็ง เจ้าภาพ อังกฤษ แชมป์ทัวร์นาเมนต์นั้น ซึ่งพ่ายไปด้วยสกอร์ 1-2 แต่กับสถิติของ ยูเซบิโอ ยิง 9 ประตูใน 6 เกม ย่อมได้รับสิ่งตอบแทนบ้างคือพาโปรตุเกสขึ้นรับเหรียญอันดับ 3 ของทัวร์นาเมนต์ แต่จากนั้นชื่อเสียงของนักเตะผู้นี้ก็ได้รับการกล่าวถึงไปอีกยาวจวบจนทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ยูเซบิโอ ก็ไม่เคยได้แข่งขันในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ในปีอื่นๆ เลย โดยเขามีส่วนร่วมกับทีมชาติโปรตุเกส แม้ว่าเขาจะมีส่วนในทีม ชุดที่ทำศึกฟุตบอลโลก คัดเลือก ในปี 1970 และ 1974 ก็ตาม และเกมนัดสุดท้ายในนามทีม "ฝอยทอง" ของเขาก็เกิดขึ้นในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่เสมอกับ บัลแกเรีย 2-2 ในวันที่ 19 ตุลาคม 1973 ก่อนที่หลังจากนั้น เขาจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดในที่สุด
เกียรติประวัติที่เคยได้รับ
ระดับสโมสร
สปอร์ติ้ง คลับ โลเร็นโก้ มาร์เควสต์
- ลีก โมคัมบิก : 1960
สปอร์ติ้ง ลิสบอน
- แชมป์ดิวิชั่น 1 โปรตุเกส : 1961, 1963, 1964, 1965, 1967, 1968, 1969, 1971, 1972, 1973, 1975
- แชมป์โปรตุกีส คัพ : 1962, 1964, 1969, 1970, 1972
- แชมป์ถ้วยเกียรติยศของโปรตุเกส : 1963, 1965, 1968, 1973, 1975
- แชมป์ถ้วยยุโรป : 1961, 1962
นิวเจอร์ซี่ อเมริกันส์
-แชมป์ลีกทวีปอเมริกาเหนือ (เอ็นเอเอสแอล) : 1976โปรตุเกส
ฟุตบอลโลก : อันดับ 3 (1966)
ระดับส่วนตัว
- เหรียญเงินนักฟุตบอลชาวยุโรปยอดเยี่ยม: 1962
- นักฟุตบอลชาวยุโรปยอดเยี่ยมในลีกฝรั่งเศส: 1965
- ดาวซัลโวยูโรเปี้ยนคัพ: (9 ประตู) 1965
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีเวิร์ลดซอคเกอร์: 1965
- ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 1966: (9 ประตู)
- เหรียญเงินนักฟุตบอลชาวยุโรปยอดเยี่ยม: 1966
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีเวิร์ลดซอคเกอร์: 1966
- ดาวซัลโวยูโรเปี้ยนคัพ: (7 ประตู) 1966
- ดาวซัลโวยูโรเปี้ยนคัพ: (6 ประตู) 1968
- รองเท้าทองคำ : 1968, 1973 (42, 40 ประตู)
- เหรียญรางวัลมาดามตูซาส
- ดาวซัลโวลีกสูงสุดโปรตุเกส : (42 ประตู)
- ฟุตบอลทองคำของโปรตุเกส: 1991
- นักกีฬายอดเยี่ยมชาวโปรตุเกส: 1970
- นักกีฬายอดเยี่ยมชาวโปรตุเกส: 1973
- 1957-1978 ทำประตูได้รวม: 1137 ลูก.