ประวัติ แกเร็ธ แบร์รี่

| 01/01/1970 07:00 น. | 730 Views

 

แกเร็ธ แบร์รี่

หลังจากจบยูโร 2008 ซึ่งสเปนก็คว้าแชมป์ไปครองเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ไฮไลท์ของวงการลูกหนังก็คงจะอยู่ในตลาดซื้อขายนักเตะกันซะมากกว่า โดยคอลัมน์แนะนำนักเตะก็จะขอตามกระแสด้วยการนำเอานักเตะเด่น ๆ ในการซื้อขายในช่วงนี้มาแนะนำให้รู้จักกันครับ

สำหรับคนที่กำลังเป็นประเด็นร้อนของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถ้าไม่นับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ย่อมหนีไม่พ้นแกเร็ธ แบร์รี่ กองกลางไดนาโมจากสโมสรแอสตัน วิลล่า ที่ลิเวอร์พูลนั้นอยากได้นักอยากได้หนา แต่ติดที่ว่าต้นสังกัดอย่างทีมสิงห์ผงาดก็โก่งราคาซะเหลือเกิน แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วแบร์รี่ ไม่พ้นเงื้อมมือหงส์แน่ เพราะว่าใจของกัปตนทีมคนเก่งของวิลล่า ลอยละล่องไปที่ถิ่นแอนด์ฟิลด์ซะแล้ว

ว่าแล้วก็มาดูประวัติเขากันดีกว่า ว่าทำไมวิลล่าถึงได้เสียดายขนาดนี้ แบร์รี่นั้นเป็นเด็กฝึกของสโมสรสิงห์ผงาดมาตั้งแต่แรกเริ่ม และก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของทีมมิดแลนด์ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น ในฤดูกาล 1997/1998 แต่ว่าได้ลงเล่นในลีกเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น

ในฤดูกาลถัดมาเจ้าหนูแบร์รี่ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวจริงของทีมแอสตัน วิลล่า ภายใต้การนำทีมของจอห์น เกรกอรี่อย่างเต็มตัว โดยแบร์รี่นั้นเริ่มต้นเล่นในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางของทีม ซึ่งผลงานในช่วงต้นฤดูกาลของวิลล่าไฉไลสุด ๆ ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก ตอนที่ผ่านครึ่งฤดูกาลแรก

แต่ว่าหลังจากนั้นด้วยความอ่อนประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์ทำให้ทีมสิงห์ผงาดจบฤดูกาลนั้นแค่อันดับ 7 แต่แบร์รี่ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นดาวรุ่งพรสวรรค์สูงของวงการฟุตบอลอังกฤษคนหนึ่งเลยทีเดียว

barry

จุดเด่นของแบร์รี่ในช่วงนั้นคือเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรับ ในทีมวิลล่า บางครั้งเขาก็เล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ หรือยามที่แบ็กบาดเจ็บ เขาก็พร้อมที่จะประจำการที่แนวรับฝั่งซ้ายได้อย่างไม่เคอะเขิน จนทำให้เควิน คีแกน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในตอนนั้นอดใจไม่ไหว เรียกตัวแบร์รี่ ติดทีมสิงโตคำรามไปเล่นศึกยูโร 2000 ที่ประเทศฮอลแลนด์และเบลเยี่ยม แม้ว่าจะไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมทรีไลออนส์ แม้แต่เกมเดียวในรายการนั้นแต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าของหนุ่มน้อยวัย 18 ปีคนนี้เลยทีเดียว

ในระดับสโมสรด้วยความที่วิลล่ามีขนาดในทีมที่ค่อนข้างเล็ก ทำให้ยามที่มีนักเตะบาดเจ็บจึงไม่มีตัวทดแทน ทำให้แบร์รี่ต้องเล่นตำแหน่งอื่นในแผงมิดฟิลด์ตามไปด้วย โดยช่วงนับตั้งแต่ปี 2004 เขาประจำการในตำแหน่งปีกซ้ายของทีม ก่อนที่จะหุบเข้ามาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งกลายเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของ เดวิด โอเลียรี่ ผู้จัดการทีมของวิลล่าในขณะนั้นเลยทีเดียว

แบร์รี่นับวันยิ่งเด่นขึ้นเรื่อย ๆ ในแผงมิดฟิลด์ของวิลล่า ส่วนในทีมชาติอังกฤษเขายังต้องเป็นเบี้ยล่างของแฟร็งค์ แลมพาร์ด และ สตีเว่น เจอร์ราด 2 ซูเปอร์สตาร์ประจำทีม ที่แม้ว่าจะเล่นคู่กันไม่ได้ความในการลงเล่นทีมชาติ แต่ด้วยความมีบารมีของทั้งคู่ทำให้ผู้จัดการทีมอย่าง สเวน โกรัน อีริคส์สัน และ สตีฟ แม็คลาเรน ไม่กล้าที่จะดร็อปใครออกจากทีม

จนในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2008 รอบคัดเลือก แฟร็งค์ แลมพาร์ด ได้รับบาดเจ็บ ทำให้แบร์รี่ ได้โอกาสลงเล่นแทนในเกมที่อังกฤษ พบกับ อิสราเอล และนี่เองก็เหมือนสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ

เพราะแบร์รี่ทำหน้าที่เป็นลูกหาบให้กับสตีเว่น เจอร์ราด ได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งการคุมจังหวะเกม และ การวางบอลเขาทำได้ไม่มีที่ติ จนสิงโตคำรามเอาชนะอิสราเอลอย่างง่ายดาย 3-0 และแบร์รี่ได้รับเลือกให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์อีกด้วย

ที่สำคัญในเกมถัดมากับทีมชาติรัสเซีย แบร์รี่ก็ยังโชว์ฟอร์มเป็นพระเอกจนได้รับตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมเป็นนัดที่สองติดต่อกัน ในเกมที่ต้อนหมีขาวอีก 3-0

barry

ส่วนผลงานในระดับสโมสรในฤดูกาล 2007/2008 แบร์รี่ซึ่งเป็นกัปตันทีมวิลล่า โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด จนเกือบพาทีมสิงห์ผงาดไปเล่นฟุตบอลยุโรปได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี แต่ว่าความที่ฟอร์มแผ่วในช่วงปลายฤดูกาลทำให้ต้องจบฤดูกาลเพียงแค่อันดับ 6 เท่านั้น

อย่างไรก็ตามฟอร์มการเล่นที่แบร์รี่ได้โชว์ให้แฟนบอลได้ประจักษ์ในฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่ร่วมลีก พร้อมที่จะทุ่มเงินดึงตัวมิดฟิลด์รายนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจ คว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ปี 1991

ข้อเสนอ 10 ล้านปอนด์ (630 ล้านบาท) ที่ลิเวอร์พูล ยื่นไปครั้งแรกถูกปฏิเสธไปแบบไม่ใยดี โดยวิลล่า เรียกค่าตัวของปราการหลังรายนี้ไว้ที่ 18 ล้านปอนด์ (1,134 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าแพงเกินกว่าที่ลิเวอร์พูลยื่นให้ครั้งแรกถึงเกือบเท่าตัว

ท้ายที่สุด ลิเวอร์พูลถอยทัพ ไม่เจรจาต่อ ทำให้แบร์รี่ ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของทีมวิลล่า ต่อไป

จากการที่ลิเวอร์พูลยึกยัก จะซื้อไม่ซื้อ และทีมวิลล่าเองก็ยึกยักจะขายไม่ขาย ท้ายที่สุดก็เป็นตาอยู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเรือใบสีฟ้า ที่เอาเงินจากนายทุนค้าน้ำมันฟาดหัวแอสตันวิลล่า 12 ล้านปอนด์ ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2009 ซึ่งน้อยกว่าที่เรียกทีมลิเวอร์พูลอยู่พอสมควร การย้ายทีมครั้งนี้ แบร์รี่จะรับค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์สูงถึง 8 หมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์

ADS