ประวัติ วิจารณ์ พลฤทธิ์

| 01/01/1970 07:00 น. | 1803 Views

 

"วิจารณ์ พลฤทธิ์" สุภาพบุรษนักชก 
 

ประวัติความเป็นมา

วิจารณ์ พลฤทธิ์ นักชกเหรียญทองประวัติศาสตร์คนที่สองของประเทศไทย เป็นบุตรคนที่ 3 จากพี่น้อง 4 คนของคุณพ่อจิ้ม คุณแม่ทองม้วน พลฤทธิ์ (แม่ได้เสียชีวิตแล้ว) เกิดในวันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 1976 ที่ ตำบลบ้านตึก อำเภอ ศรีสัชนาลัย เดิมพ่อจิ้มทำงานในป่าดูแลเป็นควาญช้างลากซุง แต่ด้วยความเป็นคนที่ชอบกีฬามวยเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงส่งให้ลูกชายไปฝึกมวยไทย โดยให้พี่ชายของวิจารณ์คือ บรรจง พลฤทธิ์ หรือชื่อมวยไทยว่า คมเคียวเล็ก ศิษย์ครูงาน เพราะ ครูงานเป็นครูมวยผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชามวยไทยให้เป็นคนแรกตั้งแต่อายุราว 10 ขวบ จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันก็ให้ลูกชายอีกคนคือ วิจารณ์ ชกมวยไทยด้วย โดยมีชื่อว่า แสนเชิงลูกเมืองดัง

เริ่มต้นอาชีพหมัดมวย
       
วิจารณ์ย้ายมาอยู่ในเมืองกรุง โดยมี ร.ท.ไฉน ผ่องสุภา เป็นผู้ดึงมาให้อยู่ในค่าย พันธ์ยุทธภูมิของ ยุทธภูมิ แจ้งโพธิ์นาค พ่อของ ภาคภูมิ แจ้งโพธิ์นาค เนื่องจาก คมเคียวเล็ก ต้องเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดด่านสำโรง ซึ่งเห็นว่าอยู่ใกล้กับค่ายของ ยุทธภูมินั่นเอง โดยคมเคียวเล็ก เปลี่ยนมาใช้ชื่อเป็น สุโขทัย ตามจังหวัดเกิด เมื่อแสนเชิง ลูกบ้านดัง หรือ วิจารณ์ พลฤทธิ์ เห็นพี่ชายมาก็ย้ายมาเรียนที่สมุทรปราการซึ่งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ตัวเองก็อยากจะมาอยู่ด้วย เมื่อราวปี 1987 วิจารณ์เพิ่งอายุ 11 ปี จึงย้ายมา และก็ได้อาศัยอยู่ที่ค่ายพันธ์ยุทธภูมิ โดยเรียนหนังสือไปด้วย ซ้อมมวยไปด้วย โดยเปลี่ยนชื่อมาเป็น สุโขทัยเล็ก ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น ศรีสัชนาลัย ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย
      
"ศรีสัชนาลัย"ชกมวยจนกระทั่งปี 1992 ชกที่เวทีราชดำเนินครั้งแรกได้ค่าตัว 2,000 บาท ต่อมาอีกไม่นาน เมื่อ พ.ต.อ. เสวก ปิ่นสินชัย ได้แต่งตั้งเป็นโปรโมเตอร์ของเวทีราชดำเนินใช้ชื่อ "ศึกอัศวินดำ" ได้รับการโอนสิทธิ์ขาดในความเป็นผู้จัดการ และหัวหน้าคณะแต่เพียงผู้เดียวจาก ร.ท. ไฉน ผ่องสุภา โดยถือเป็น "มวยแถม" หลังจากที่ได้มีการตกลงเจรจากันเรื่องสิทธิ์ของ "ขุนเข่าไร้น้ำใจ" หลังสวน พันธ์ยุทธภูมิ ซึ่ง พ.ต.อ. เสวก รับจัด ศรีสัชนาลัยมาโดยตลอดจนกระทั่งได้เป็นแชมป์มวยไทยรุ่น จูเนียร์แบนตั้มเวตหรือพิกัด 115 ปอนด์ ที่เวทีรังสิต

แต่ภายหลังเมื่อ พ.ต.อ. เสวก ไม่ได้เป็นโปรโมตอร์ ของเวทีราชดำเนินแล้ว มีเพียงรายการถ่ายทอดสดทางช่อง 9 ก็เกรงว่า ศรีสัชนาลัย จะหาเงินจากการชกมวยไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องจึงสนับสนุนให้ ศรีสัชนาลัย รับราชการตำรวจ จนปัจจุบันได้รับยศเป็น ส.ต.ต. ซึ่งในช่วงเวลาปีนี้เอง พ.ต.อ. เสวก ได้นำศรีสัชนาลัยมาชกมวยสากลสมัครเล่นให้กับทีมสโมสรตำรวจโดยสลับกับการชกมวยไทย ก่อนที่ "วิจารณ์" จะติดทีมชาติ เพราะเหตุว่า ประมวลศักดิ์ โพธิ์สุวรรณ นักชกทีมชาติคนก่อนขอแขวนนวม ซึ่ง วิจารณ์ ถือเป็นมวยนอกสายตา หรือมวยในระดับเกรดบีเท่านั้น เพราะเพิ่งชกมวยสากลได้ราว 2 ปี เท่านั้น คือ ครั้งแรกชิงแชมป์ประเทศไทยปี 1999 ตกรอบแรก ก่อนที่จะได้แชมป์กีฬากองทัพไทย และเป็นแชมป์ซีเกมส์ปีเดียวกัน

ติดทีมชาติมวยสากลสมัครเล่น
      
เมื่อต้นปี 2000 ในเดือนเมษายน วิจารณ์ถูกเรียกตัวติดทีมชาติ อันมาจากอดีตนักชกแขวนนวม พ.ต.อ. เสวก ยอมมอบให้ แต่ในเดือนเมษายน จะขอให้กลับมาชกรับใช้สโมสรต้นสังกัด สโมสรตำรวจในศึกสี่เหล่าทัพและคัดเลือกได้แชมป์เลกที่ 3 ที่เมืองไทยในการคัดเลือกเป็นตัวแทนไปแข่งโอลิมปิก

วิจารณ์จึงถือว่าเป็นมวยนอกสายตาคนหนึ่งก่อนที่จะเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิปิกที่ซิดนีย์ แต่ด้วยความขยัน อดทน และได้โค้ชดีอย่าง ฮวน ฟอนตาเนียล อีกทั้งมีพรสวรรค์ในการประยุกต์เชิงมวยไทยผสมเข้ากับมวยสากลสมัครเล่นอย่างกลมกลืน จึงประสบผลสำเร็จ สร้างความฝันให้เป็นจริงในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกปี 2000 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งไม่นานหลังได้เหรียญทองโอลิมปิก วิจารณ์ก็ได้ประกาศแขวนนวม โดยนำเงินรางวัลที่ได้เปิดร้านขายผ้าไหมร่วมกับภรรยาคือ จุฬาพร พลฤทธิ์

ADS