ประวัติ ซามูแอล เอโต้
โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือชาวสเปนของ เอฟเวอร์ตัน ออกมาเผยว่า ซามูแอล เอโต้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ชาวแคเมอรูน วัย 33 ปี ยังคงมีความสุขดีกับทีม แม้มีข่าวว่าอยากย้าย หลังจากไม่ค่อยมีโอกาสเล่นต่อเนื่อง
"นั่นเป็นเรื่องที่ผมกำลังตัดสินใจก่อนเกมเริ่ม และเรายังต้องการ ซามูแอล มันคงไม่ถูกต้องแน่ถ้าผมไม่ดูเกมที่ ซามูแอล ลงเล่น เว้นเสียว่าเราจะตัดสินใจไปแบบอื่น เราอนุญาติให้ ซามูแอล มุ่งมั่นเต็มที่ในสิ่งที่เขาอยากทำ"
"ผมยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ ผมกำลังนั่งคุยกับ ซามูแอล ในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ว่าเขาจะเอายังไง"
"ความคิดของเขาไม่ค่อยถูกนัก เพราะเมื่อตลาดซื้อขายเปิด คุณย่อมมีผู้เล่นที่อยากย้ายออก และถ้าคุณกำลังคิดถึงการย้ายทีม คุณกำลังเผชิญความท้าทาย 50/50 ในอาชีพของคุณอยู่ดี"
"กับ ซามูแอล คุณลองถามเขาสิ ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก เขายังอารมณ์ดีและยังอยากลงเล่นอีกมากเลยให้กับเรา"
ซามูแอล เอโต้
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม : ซามูแอล เอโต้ ฟิลส์
วันเกิด : 10 มีนาคม 1981
เกิดที่ : เอ็นคอน, แคเมอรูน
ตำแหน่ง : กองหน้า
ส่วนสูง : 180 ซม.
สโมสรปัจจุบัน : บาร์เซโลน่า
หมายเลขเสื้อ : 9
สโมสรปัจจุบัน : บาร์เซโลน่า
ทีมชาติ : แคเมอรูน (1966-ปัจจุบัน)
ประวัติความเป็นมา
หนึ่งในศูนย์หน้าที่ครบเครื่องที่สุดในยุโรปก็คงจะมีชื่อของ ซามูแอล เอโต้ ของบาร์เซโลน่า รวมอยู่ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย ล่าสุดเจ้าตัวก็เพิ่งสร้างชื่อด้วยการเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ หลังกดไป 16 ประตูให้กับทีมชาติแคเมอรูนเอโต้ เริ่มฉายแววความโดดเด่นในวงการฟุตบอลมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น เพราะนอกจากสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งตามแบบฉบับนักเตะจากวีปแอฟริกาแล้ว เขายังมีทักษะและสัญชาตญาณการทำประตูที่ยอดเยี่ยมด้วย และนั่นทำให้เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ของสเปน เซ็นสัญญาคว้าตัวเขามาร่วมทีมตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี
เริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง
1997-2000 : เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในปี 1997 เอโต้ เข้าร่วมเป็นสมาชิกในทีม เรอัล มาดริด ในฐานะนักฟุตบอลฝึกหัดในทีมชุด บี ซึ่งเล่นอยู่ในระดับเซกุนด้า บี ซึ่งไม่อนุญาตให้นักเตะนอกอียูลงทำการแข่งขัน บวกกับด้วยความที่อายุของเอโต้ยังน้อยมากได้ ส่งผลให้ เรอัล มาดริด จึงปล่อยตัวเขาให้ เลกาเนส ยืมตัวไปใช้งานในช่วงฤดูกาล 1997-1998
หลังหมดสัญญายืมตัวกับ เลกาเนส เอโต้ ก็ถูกเรอัล มาดริด ส่งให้ไปหาประสบการณ์กับ เอสปันญ่อล แต่ได้ลงสนามเพียงน้อยนิด ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมเรอัล มายอร์ก้า แบบยืมตัวเช่นเคย ซึ่งหลังจากที่โชว์ฟอร์มได้อย่างประทับใจให้กับ "ทีมชาวเกาะ" มายอร์ก้า ก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาคว้าตัว หัวหอกชาวแคเมอรูน มาร่วมทีม โดยมีสถานะเป็นเจ้าของร่วมกับเรอัล มาดริด
2000-2004 : แจ้งเกิดกับ เรอัล มายอร์ก้าระหว่างที่อยู่กับ มายอร์ก้า เขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังกดไปทั้งสิ้น 54 ประตู จากนั้น ก็ย้ายมาร่วมทีมบาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 ด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโร (ราว 1,152 ล้านบาท) หลังจากการเจรจาที่ยาวนาน 3 ฝ่าย ร่วมกับมารยอร์ก้า และ เรอัล มาดริด ซึ่งนั่นทำให้ เอโต้ กลายเป็นคเมอรูนคนแรก ที่ได้เล่นให้ทีมยักษ์ใหญ่แห่งคาตาลัน
2004-ปัจจุบัน : ซูเปอร์สตาร์ในถิ่นคัมป์นู
เอโต้ ประเดิมสนามนัดแรกให้กับ บาร์ซ่า ในเกมลีกที่พบกับ ราซิ่ง ซานตานเดร์ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2004 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็กลายเป็นเครื่องจักรถล่มประตูให้กับทีม "เจ้าบุญทุ่ม" มาตลอด โดยฤดูกาลแรกทำไป 25 ประตู และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกมาครอง เนื่องจากประตูที่ทำได้ในเกมกับ เลบานเต้ กลายเป็นประตูตัดสินแชมป์ โดยเขาใช้เวลาเพียง 67 นัด ก็สามารถทำสถิติยิงครบ 50 ประตูให้กับ บาร์ซ่า ได้อย่างรวดเร็ว
ฤดูกาล 2005-06 เอโต้ ก็จบด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลา ลีก้า หลังทำไป 26 ประตู และในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2007 เขาก็เป็นคนทำประตูตีเสมอให้กับ บาร์ซ่า ก่อนที่จะแซงชนะ อาร์เซน่อล และคว้าแชมป์ถ้วยใบใหญ่ของยุโรปไปครองในที่สุด
นับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ในถิ่นคัมป์ นู เขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอด จนทำให้ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกา 3 ปีซ้อน (2004-06) โดย เอโต้ ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทุ่มเทให้กับทั้งทีมชาติอย่างเต็มที่ และนั่นก็ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของคนทั้งชาติ
ช่วงจบฤดูกาล 2009/10 เอโต้ ซึ่งมีปัญหาอยู่ลับๆ กับโจน ลาปอร์ต้า จนทำให้ทางทีมหาทางเอาเขาออกจากทีม ซึ่งก็ได้ทำการแลกตัว เอโต้ กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ของทีมอินเตอร์ มิลาน ของลีกอิตาลี เป็นที่เรียบร้อย
ทีมชาติแคมารูน
ในส่วนของทีมชาติ เอโต้ ก็ประสบความสำเร็จมามากมายเช่นกัน โดยขณะที่เขา อายุได้ 17 ปี 3 เดือน เขาก็กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส และเป็นผู้เล่นที่คนเดียวที่เกิดในทศวรรษ 80 ด้วย
นอกากนี้ เขายังสามารถพาทีมชาติแคเมอรูน ก้าวขึ้นมาคว้าเหรียญทองโอลิมปิกส์ ปี 2000 ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ได้สำเร็จ ก่อนที่ในปีเดียวกันนี้ เขาก็ก็คว้าแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ มาครองได้ด้วย โดยทีม "หมอผี" ได้เป็นเจ้าแห่งกาฬทวีปอีกครั้งในปี 2002
อย่างไรก็ตาม เอโต้ และทีมชาติแคเมอรูน ก็ต้องอกหักพ่าย อียิปต์ ในรอบชิงชนะเลิศในปี 2008 ซึ่งเขาจบด้วยการเป็นดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์หลังทำไป 5 ประตู และกลายเป็นนักเตะที่ทำประตูสูงสุดตลอดกาลในศึกแอฟรืกัน เนชั่นส์ คัพ ด้วยจำนวน 16 ประตู
เกียรติประวัติที่เคยได้รับ
ระดับสโมสร
บาร์เซโลน่า2008-09 แชมป์ลาลีก้า
2008-09 ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก
2008-09 โคปปา เดล เรย์
2006-07 แชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพ
2005-06 แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
2005-06 แชมป์ลา ลีก้า
2005-06 แชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพ
2004-05 แชมป์ลา ลีก้า
ทีมชาติแคเมอรูน
2008 รองแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ
2003 รองแชมป์คอนเฟดเดอเรชั่น คัพ
2002 แชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ
2000 แชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ
2000 เหรียญทองโอลิมปิก ที่ซิดนีย์
ระดับส่วนตัว
2005-06 ดาวซัลโว ลา ลีก้า
2004-05 อันดับ 3 นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า
2004-05 นักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกา
2003-04 นักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกา
2002-03 นักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกา