ประวัติ ไมเคิ่ล โอเว่น

| 01/01/1970 07:00 น. | 1493 Views

 

     ไมเคิล โอเว่น อดีตศูนย์หน้าระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล ออกมาคาดหวังว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกหัวหยอยของหงส์แดง ควรต้องคิดทบทวนให้มากกว่านี้ หากคิดจะขอพักจากเกมทีมชาติอังกฤษ ชี้สมัยเป็นวัยรุ่นตนไม่เคยขอดร็อปตัวเองเลย

     "เรากำลังคิดกันว่าเขาเหนื่อยล้า แต่ผมไม่เคยคิดจะบอกผู้จัดการคนไหนเลยว่าเหนื่อย เพราะผมไม่เคยเลยที่อยากจะพัก ผมรู้ว่าผู้คนต่างพากันพูดว่า เราไม่ต้องการเห็นใครต้องเหนื่อยล้า แต่ผมถามคุณตอนนี้เลยนะ คุณพอจะบอกชื่อนักบอลคนไหนที่เคยล้าบ้าง ผมไม่เห็นรู้จักสักคน"

     "ผู้คนต่างพากันชี้นิ้วมาที่ผม แต่ผมอยากบอกว่า มันเป็นเพราะอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์ พ่อของผมเคยเตะบอลตอน 15 ขวบ และเขาก็มีปัญหากล้ามเนื้อฉีก พี่ชายผมอีกสองคนก็เป็นแบบนั้น พวกเขาวิ่งกันได้เร็วมาก แต่ก็ต้องบาดเจ็บกล้ามเนื้อ"

     "ผมไม่คิดว่าต้องมาวิเคราะห์ว่าจะเล่นมากน้อยแค่ไหน ผมไม่รู้หรอกว่าใครเหนื่อยล้า บางทีผมอาจคิดผิดก็ได้ มันยากที่บอกได้ว่ากรณีของ ราฮีม เราควรทำอย่างไร ผมได้แค่บอกประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้นในสถานการณ์นี้ และเราใช้เคยมันเป็นเรื่องโจ๊กที่ ลิเวอร์พูล เพราะ เชราร์ อุลลิเยร์ มักถามเสมอว่า มีใครเหนื่อยไหม"

     "แล้วคุณก็จะพูดว่า ไม่ๆๆๆ ผมสบายดี เพราะคุณไม่อยากพักหรอก แต่ถ้า ราฮีม ร้องขอที่จะพัก เพราะเขารู้สึกล้ากว่าคุณที่วิจารณ์เขา เพราะการจัดเขาเป็นตัวจริง เขาก็อาจมีบาดเจ็บได้"

owen

ไมเคิ่ล โอเว่น "เซนต์ ไมเคิ่ล ของทีมสิงโตคำราม"

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม : ไมเคิ่ล เจมส์ โอเว่น
วันเกิด : 14 ธันวาคม ปี 1979
สถานที่เกิด : เชสเตอร์ เชสเชียร์ อังกฤษ
ส่วนสูง :  5 ฟุต 8 นิ้ว (1.73 เมตร)
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ตำแหน่ง : กองหน้า
เบอร์เสื้อ : 10

ไมเคิ่ล โอเว่น มีชื่อเต็มว่า ไมเคิ่ล เจมส์ โอเว่น เกิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปี 1979 ที่เมืองเชสเตอร์ เชสเชียร์ เป็นบุตรชายของ เทอร์รี่ โอเว่น อดีตนักฟุตบอลของเอฟเวอร์ตัน และในวัยเด็กโอเว่น ก็เป็นแฟนบอลของเอฟเวอร์ตัน โดยมี แกรี่ ลินิเกอร์ เป็นนักเตะในดวงใจ แต่สุดท้ายเขากลับมาสร้างชื่อในวงการลูกหนังด้วยการเป็นนักเตะขวัญใจของแฟนบอลลิเวอร์พูล ทีมคู่ปรับร่วมตัวฉกาจของเอฟเวอร์ตัน ไปในที่สุด

เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล

โอเว่น เริ่มเส้นทางสายลูกหนังตามความประสงค์ของผู้เป็นพ่อ ที่นำตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนรายนี้ ไปฝากฝังไว้กับผู้จัดการทีมระดับเยาวชนที่ชื่อ “โมล์ด อเล็กซานดร้า” ในตอนที่เจ้าหนูโอเว่น อยู่ในวัย 10 ขวบ

แม้ว่าจะมีรูปร่างเล็กกว่าเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน แต่ โอเว่น ก็มีพรสวรรค์ที่เด็กคนอื่นๆไม่มีกัน จนทำให้เขาเป็นนักเตะดาวเด่นของทีม โดยนอกจากจะเล่นให้กับ “โมล์ด อเล็กซานด้า”แล้ว โอเว่น ยังเป็นตัวโรงเรียน ลงเล่นให้กับทีมโรงเรียนประถมของเขา ในฮาวาร์เด้น ประเทศเวลส์ และยิงประตูได้แบบระเบิดเถิดเทิง

หลังจากนั้น โอเว่น ย้ายมาเรียนระดับมัธยมที่ ฮาวาร์เด้น ไฮสคูล และก็ยังลงเล่นให้กับทีมโรงเรียนเช่นเดิม ขณะที่บรรดาสโมสรดังๆของพรีเมียร์ลีก ที่ได้ยินกิตติศัพท์ความร้ายกาจในเชิงลูกหนังของเขา ก็พยายามมาชักชวน โอเว่น ไปร่วมทีมเยาวชนของตนเอง แต่ทางโรงเรียนของเขา ไม่อนุญาตให้นักเรียนที่อายุยังน้อยมาก เซ็นสัญญากับทีมใด

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล หนึ่งในทีมดังที่ต้องการตัว โอเว่น ก็ยื่นมือเข้ามาชี้แนะให้ โอเว่น ไปฝึกฝนวิชาด้านฟุตบอลเพิ่มเติมที่โรงเรียนสอนฟุตบอลของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ที่ลีลล์แชลล์ เมืองสแตฟฟอร์ดเชียร์ ในตอนที่เขาอายุ 14ปี ขณะที่ก็ยังเรียนวิชาสามัญทั่วไปที่ ฮาวาร์เด้น ไฮสคูล

หลังจากที่ประคบประหงม กล่อมเกลา โอเว่น มาจนถึงในวัย 16 ปี ที่สามารถเซ็นสัญญาเข้าทีมเยาวชนของสโมสรได้แล้ว และจบการฝึกจากโรงเรียนลูกหนังของเอฟเอ แล้ว ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็คว้าตัว โอเว่น ไปร่วมทีมได้สำเร็จ ตัดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ อาร์เซน่อล

ชีวิตนักฟุตบอลอาชีพ

โอเว่น

1996-2004 : ลิเวอร์พูล

ภายหลังจากที่ โอเว่น มาร่วมทีมเยาวชนของลิเวอร์พูล เขาก็ช่วยพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ในปี 1996 มาครองได้ และอีก 4 เดือนต่อมาเขาก็เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพของทีม “หงส์แดง” หลังจากที่อายุครบรอบ 17 ปี ไปได้ไม่นาน

โอเว่น ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรก ในนัดที่พบกับ วิมเบิลดัน ในเดือนพฤษภาคมปี 1997 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาจากม้านั่งสำรอง และก็ลงมาทำประตูได้ตั้งแต่นัดนั้น

จากการที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ดาวยิงอันดับหนึ่งของลิเวอร์พูล ในตอนนั้น ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ โอเว่น ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงให้กับลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 1997/1998 และเขาก็ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำจนทำให้บรรดา “เดอะ ค็อป” ลืม ฟาวเลอร์ ไปเลย โดยในฤดูกาลนั้น โอเว่น ทำได้ 18 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ร่วมกับ คริส ซัตตัน และ ดิออน ดับลิน และได้รับตำแหน่งนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษ

ในปี 2001 โอเว่น ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วยพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ คือ ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ โดยใน เอฟเอ คัพ โอเว่น ช่วยยิง 2 ประตูทำให้ “หงส์แดง” พลิกแซงกลับมาเอาชนะ อาร์เซน่อล ไปได้ และในตอนสิ้นปีเขายังได้รับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป หรือ บัลลงดอร์ มาครอง โดยเป็นนักเตะในสหราชอาณาจักรคนแรกในรอบ 20 ปี ที่คว้ารางวัลนี้มาครองได้

หลังจากอยู่รับใช้ ลิเวอร์พูล มานาน โอเว่น ก็อยากไปแสวงหาความท้าทายใหม่ๆให้กับอาชีพค้าแข้ง เนื่องจากที่ ลิเวอร์พูล เขายังไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยเหตุนี้ ลิเวอร์พูล จึงขายเขาไปให้กับ รีล มาดริด ทีมมหาอำนาจของสเปน ในวันที่ 13 สิงหาคม ปี 2004 ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ และ รีล มาดริด ต้องแถม อันโตนิโอ นูนเยซ มาให้ ลิเวอร์พูล อีกด้วย

owen

2004-2005 : เรอัล มาดริด

ดูเหมือนว่าชีวิตค้าแข้งในทีมรวมดาราโลกอย่าง รีล มาดริด ไม่สวยงามเท่าใดนัก เมื่อเขาต้องนั่งเป็นตัวสำรองของ โรนัลโด้ และ ราอูล กอนซาเลซ โดยได้ลงสนามไป 36 นัด ในทุกรายการ ทำได้ 13 ประตู โดยส่วนใหญ่เขาจะถูกส่งลงมาในฐานะตัวสำรอง แต่ก็อุตส่าห์ทำประตูได้เสมอๆ ทั้งที่มีเวลาในสนามไม่มาก

แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้ อนาคตของโอเว่น ในซานติอาโก้ เบอร์นาบิว สดใสขึ้น หลังจากที่สโมสรไปคว้า โรบินโญ่ และ อันโตนิโอ คาสซาโน่ เข้ามาอีก ทำให้ โอเว่น ต้องย้ายกลับมาเล่นในอังกฤษ อีกครั้ง โดยมี นิวคาสเซิ่ล ยื่นเงินสูงเป็นสถิติสูงสุดของสโมสร 17 ล้านปอนด์ คว้า โอเว่น ไปร่วมทีม

โอเว่น

2005-2008 : นิวคาสเซิ่ล

ความหวังที่จะกลับมาแจ้งเกิดให้ได้อีกครั้งของโอเว่นต้องมีอันเจออุปสรรคก้อนโต เมื่อเขาโดนอาการบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่กำลังทำผลงานได้ดี ยิงประตูให้กับนิวคาสเซิ่ล ได้เรื่อยๆ แทบทุกนัดที่ลงสนาม แต่ทุกๆ คนก็ยังมั่นใจในตัวเขาอยู่ และในที่สุด เขาก็หายเจ็บกลับมาโชว์ฟอร์มยิงประตูให้ทีมได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม โอเว่น ก็ต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอีกจนได้ โดยครั้งนี้ เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดเลยทีเดียว

แม้จะเข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 ของตนเอง แต่อาการบาดเจ็บยังคงรุมเร้าชีวิตค้าแข้งในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ของ โอเว่น อยู่ต่อไป จนส่งผลให้เขาไม่สามารถระเบิดฟอร์มยิงประตูให้ทีมได้มากนัก อย่างไรก็ตาม ในที่สุด โอเว่น ก็สามารถจัดการยิงประตูให้ทีม "สาลิกา" ได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของซีซั่น จนมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมรอดพ้นจากโซนหนีตกชั้นได้สำเร็จ ส่งให้จบปีนี้ โอเว่น ทำประตูได้ ทั้งหมด 11 ลูก และเป็นนักเตะที่ยิงประตูมากสุดเป็นอันดับ ที่ 13 ของศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ

เข้าสู่ฤดูกาลที่ 3 เกิดเรื่องแย่ๆกับเขามากมาย เขาลงเล่นให้กับทีมได้ 31 นัด ยิงได้ 10 ลูกเท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะระบบทีมที่ไม่เอื้ออำนวยให้เขาทำผลงานได้ดี สภาพทีมที่แย่มากส่งผลให้ต้นสังกัดของโอเว่นตกชั้น !!! โอเว่นคิดหาทีมใหม่อยู่ทันทีที่ปิดฤดูกาล แต่ไม่ยักจะมีใครมีต้องการตัวเขาจริงๆจังๆ เอเย่นต์ส่วนตัวถึงกับต้องแจกใบปลิวบรรยายสรรพคุณพิษสงของโอเว่น 23 รูปแบบให้กับทีมต่างๆ และในที่สุดก็......

2009- ปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

และแล้ว การย้ายกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ของโอเว่น ก็ประสบความสำเร็จ และทีมที่ซื้อตัวเขาไปก็คือทีมคู่อริทีมแจ้งเกิดของเขาอย่าง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" นั่นเอง

ทีมชาติอังกฤษ

สำหรับเส้นทางในทีมชาติอังกฤษ นั้น โอเว่น โด่งดังมาตั้งแต่ในการลงเล่นในทีมชุดเยาวชนของ “สิงโตคำราม” ก่อนที่จะลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในนัดที่แพ้ ชิลี ในเกมอุ่นเครื่อง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1998

หลังจากนั้น โอเว่น มาทำประตูแรกให้กับทีมชาติอังกฤษ ได้สำเร็จ ในนัดอุ่นเครื่องกับ โมร็อกโก จนเป็นเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ทีม “สิงโตคำราม” ได้ ก่อนจะมาโดน เวย์น รูนี่ย์ ทำลายสถิตินี้ลงได้

โอเว่น ติดทีมชาติอังกฤษ ชุดทำศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ปี 1998 ที่ฝรั่งเศส ด้วย แม้ว่าจะไปฐานะตัวสำรอง แต่เขาก็สามารถสร้างความประทับใจได้ด้วยการลงไปยิงประตู โรมาเนีย ในรอบแรก นัดที่สอง ก่อนจะมาโชว์ความสามารถเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยมลากบอลจากระยะเกือบครึ่งสนามไปยิงประตู อาร์เจนติน่า ได้ในการลงเตะ รอบสอง แม้ว่า อังกฤษ จะพ่ายแพ้ตกรอบไปในที่สุด แต่ประตูของ โอเว่น ก็ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดประตูหนึ่งในการแข่งขัน

หลังจากนั้น โอเว่น ก็ค่อยๆก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษ ไปในที่สุด และทุกคนฝากความหวังในการทำประตูเอาไว้ที่เขา โดยที่ โอเว่น ก็ร่วมทีมอังกฤษ ลงทำศึกรายการสำคัญมาโดยตลอด ทั้ง ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2000 และ 2004 และ ฟุตบอลโลก ปี 2002 แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยพาอังกฤษ คว้าแชมป์มาครองได้ซักที

ในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ เยอรมัน โอเว่น ไม่สามารถทำประตูในทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าวได้เลย แถมยังต้องได้รับบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าฉีกอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้ฟอร์มการเล่นของเขาไม่เฉียบขาดเหมือนเดิม และหลังจากที่ต้องหยุดพักรักษาตัวเป็นเวลานาน โอเว่น ก็กลับคืนสู่ทีมชาติอังกฤษ โดยเริ่มจาก ชุดบี ก่อนที่จะมีชื่อติดทีมชุดใหญ่ได้อีกครั้ง

ในวันที่ 11 ธันวาคม ปี 2007 โอเว่น ติดทีม "สิงโตคำราม" ครบ 88 นัด และทำได้ 40 ประตู ซึ่งเป็นสถิติที่ทำให้เขาก็นักเตะที่ยิงประตูให้ทีมชาติอังกฤษมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ตามหลัง เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน (49 ประตู), แกรี่ ลินิเกอร์ (48 ประตู) และ จิมมี่ เกรฟส์ (44 ประตู) อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มที่ดร็อปลงไป ก็ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า โอเว่น ยังเหมาะที่จะเป็นดาวยิงเบอร์ 1 ของทีมชาติต่อไปหรือไม่ เนื่องจาก มีผู้เล่นดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มได้ดีขึ้นมา ไม่่ว่าจะเป็น เวย์น รูนี่ย์ และ ธีโอ วัลค็อตต์ 

ชีวิตส่วนตัว

-โอเว่น ได้หมั้นกับ หลุึยส์ บอนซัลล์ แฟนสาวชาวอังกฤษ ซึ่งคบหาดูใจกันตั้งแต่ปี 1984 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2004 ก่อนที่จะแต่งงานกันในวันที่ 24 มิถุนายน 2005 ที่ โรงแรม คาร์เดน พาร์ค ในเชสเตอร์, เชสเชียร์ ประเทศ อังกฤษ และทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 3 คน โดยเป็นผู้หญิง 2 คน ชื่อว่า แกมม่า โรส (เกิด 1 พฤษภาคม 2003), อีมิลี่ เมย์ (เกิด 29 ตุลาคม 2007) และ ลูกชาย  1 คน ชื่อว่า เจมส์ ไมเคิ่ล (เกิด 6 กุมภาพันธ์ 2006)

- โอเว่น เป็นเจ้าของรถยนต์สุดหรูหลายคัน และ เฮลิค็อปเตอร์ 1 ลำ สำหรับงานอดิเรกที่เขามักทำในเวลาว่างนั้น ได้แก่ การแข่งม้า และการพนันขันต่อเสี่ยงโชคต่างๆ

เกียรติประวัติที่เคยได้รับ

ระดับสโมสร

ลิเวอร์พูล
แชมป์

1995–96 เอฟเอ ยูธ คัพ
2000–01 ลีก คัพ 
2000–01 เอฟเอ คัพ 
2000–01 ยูฟ่า คัพ
2001–02 ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ
2001–02 แชริตี้ ชีลด์ 
2002–03 ลีก คัพ
รองแชมป์
2001–02 พรีเมียร์ลีก
2002–03 แชริตี้ ชีลด์

เรอัล มาดริด
รองแชมป์
2004–05 ลา ลีกา

ระดับส่วนตัว
1998 นักเตะดาวรุ่ง พีเอฟเอ
1998 ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก, 18 ลูก
1998 รางวัลชีวิตส่วนตัวดีเด่น จากบีบีซี สปอร์ต
1998 นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี
1999 ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก, 18 ลูก
2001 ผู้เล่นยอดเยี่ยมระดับโลกแห่งปี
2001 บัลลงดอร์


 

ADS