ประวัติ มิชาเอล บัลลัค
มิชาเอล บัลลัค "ไกเซอร์แข้งทองของเยอรมัน"
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม : มิชาเอล บัลลัค
วันเกิด : 26 กันยายน 1976
สถานที่เกิด : กอร์ลิตซ์, เยอรมัน ตะวันออก
สัญชาติ : เยอรมัน
สโมสร : เชลซี
ตำแหน่ง : มิดฟิลด์
เบอร์เสื้อ : 13มิชาเอล บัลลัค นักฟุตบอชื่อดังชาวเยอรมัน เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน ปี 1976 ที่เมืองกอร์ลิตซ์ ประเทศเยอรมัน ในฝั่งตะวันออก ปัจจุบันค้าแข้งอาชีพกับ สโมสร เชลซี ทีมดังในศึกพรีเมียร์ชิพ อังฤษ นอกจากนี้ เขายังเป็นกัปตันทีม "อินทรีเหล็ก" อีกด้วย
เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล
1983-1997 : เชมนิตเซอร์
บัลลัค เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลตั้งแต่ในวัย 7 ขวบ เมื่อพ่อของเขาส่งตัวลูกชายไปร่วมทีมเยาวชนของสโมสรเบเอสจี "ฟริตซ์ เฮคเกิร์ต" คาร์ล มาร์กซ์ สต๊าดท์ และเจ้าหนูบัลลัค ก็ค่อยๆฝึกฝนเพิ่มทักษะ และฝีเท้าในเชิงลูกหนังขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย จนวันเวลาผ่านไปเขาก็ได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมเยาวชนชุดใหญ่ของสโมสร และได้ลงสนามอย่างเป็นทางการนัดแรก ในวันที่ 4 ตุลาคม ปี 1983
ในปีที่ 3 ของการลงเล่นให้กับสโมสร บัลลัค ในวัย 10 ขวบ ทำผลงงานได้ยอดเยี่ยม ซัดกระจุยกระจายถึง 57 ประตู จากการลงสนามเพียง 16 นัด เก่งเกินพวกเด็กๆในวัยเดียวกันอย่างชัดเจน ทำให้ได้ย้ายไปสู่สโมสรที่ใหญ่ขึ้นก็คือ เอฟซี คาร์ล มาร์กซ์ สตั๊าดท์ ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นสโมสรเชมนิตเซอร์ เอฟซี
ในปี 1995 บัลลัค ได้รับสัญญานักเตะอาชีพเป็นครั้งแรก จากนั้นก็ได้ลงสนามในฐานะนักฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรก ในวันที่ 4 สิงหาคม ปี 1995 ในนัดเปิดสนามของลีกา 2 เยอรมัน ฤดูกาล 1995/1996 โดยในเกมนั้น เชมนิตเซอร์ แพ้ ไลป์ซิก 1-2 และในตอนจบฤดูกาลนั้น ต้นสังกัดของบัลลัค ก็หล่นสู่ลีกระดับดิวิชั่น 3 แต่ บัลลัค ซึ่งลงสนามไป 15 นัด ก็ยังก้าวไปติดทีมชาติเยอรมัน ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี เป็นครั้งแรก ในวันที่ 26 มีนาคม 1996
ในฤดูกาลต่อมา บัลลัค กลายเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญของทีม โดยที่เขาไม่พลาดการลงสนามเลยแม้แต่นัดเดียว ทำได้ 10 ประตู เกือบจะช่วยให้ เชมนิตเซอร์ เลื่อนชั้นขึ้นมาได้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ
1997-1999 : ไกเซอร์สเลาเทิร์น
อย่างไรก็ตาม บัลลัค ก็ไม่ต้องทนเล่นในระดับลีกา 3 ต่อไป เมื่อ ไกเซอร์สเลาเทิร์น ภายใต้การคุมทีมของ อ็อตโต้ เรห์ฮาเก้ล กุนซือคนเก่ง ที่เพิ่งเลื่อนชั้นจากลีกา 2 ขึ้นสู่บุนเดสลีกา ในฤดูกาล 1997/1998 คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในช่วงหน้าร้อนของปี 1997 และนี่ก็คือก้าวสำคัญในการผงาดขึ้นมาเป็นสุดยอดนักเตะเมืองเบียร์ของเขา
บัลลัค ได้ลงสนามให้กับ ไกเซอร์สเลาเทิร์น เป็นนัดแรก ในเกมที่ออกไปเยือน คาร์ลสรูห์ โดย เรห์ฮาเก้ล ส่งเขางสนามในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกม หลังจากนั้น ในวันที่ 28 มีนาคม 1998 บัลลัค ก็ได้ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับไกเซอร์สเลาเทิร์น เป็นนัดแรก โดยคู่ต่อสู้ในนัดนั้นก็คือ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และหน้าที่สำคัญของเขาก็คือการตามประกบ เอเมอร์สัน เพลย์เมกเกอร์ของทีม "ห้างขายยา" ในตอนนั้น ซึ่ง บัลลัค ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ เอเมอร์สัน โดนตัดขาดไปจากเกมเลย
ในฤดูกาลแรกกับ ไกเซอร์สเลาเทิร์น นั้น บัลลัค ลงสนามไป 16 นัด เป็นหนึ่งในนักเตะที่ช่วยพาทีมสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เลื่อนชั้นมาจากลีกา 2 เป็นทีมแรก และในฤดูกาลต่อมา บัลลัค ก็กลายเป็นกำลังสำคัญของทีม ลงสนามไป 30 นัด ทำได้ 4 ประตู พาทีมผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนจะโดน บาเยิร์น มิวนิค เขี่ยตกรอบ
หลังจากที่ บัลลัค ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ ได้ประมาณ 2 เดือน เขาก็ถูก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซื้อตัวไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 4.8 ล้านปอนด์ โดยที่ในทีม "ห้างขายยา" เขาได้รับอิสระในการเล่นจากทั้ง คริสโตฟ ดอม และ เคลาส์ ท็อปโมลเลอร์ กุนซือของทีม ให้ขึ้นมาทำหน้าที่ในเกมรุกมากขึ้นกว่าในสมัยที่เล่นให้กับ ไกเซอร์สเลาเทิร์น ที่เขาเล่นเป็นกองกลางตัวรับ
1999-2002 : ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
บทบาทใหม่ในทีมเลเวอร์คูเซ่น ทำให้ บัลลัค ทำได้ถึง 36 ประตู จาก 3 ฤดูกาลในไบอารีน่า แม้ว่าจะไม่มีแชมป์รายการใดติดมือเลยก็ตาม โดยนัดสุดท้ายของฤดูกาล 1999/2000 เลเวอร์คูเซ่น ต้องการแค่เสมอกับทีมรองบ่อนอย่าง อุนเตอร์ฮัคกิ้ง ก็จะได้แชมป์บุนเดสลีกา มาครองแล้ว แต่พวกเขาก็แพ้ โดยการทำเข้าประตูตัวเองของ บัลลัค
ในฤดูกาล 2001/2002 บัลลัค และ เลเวอร์คูเซ่น ต้องเจ็บปวดอย่างแรกอีกครั้ง เมื่อพวกเขามีลุ้นแชมป์บุนเดสลีกา แต่ก็มาพลาดในช่วงสุดท้ายอีกครั้ง ทำให้ได้แค่รองแชมป์ ขณะที่เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็แพ้ รีล มาดริด และยังมาแพ้ในนัดชิงชนะเลิศของ เดเอฟเบ โพคาล หรือ เยอรมัน คัพ อีกด้วย พลาดแชมป์ 3 รายการในปีเดียว อย่างน่าเจ็บใจ นอกจากนั้น บัลลัค ยังพลาดถ้วยที่ 4 ในฤดูกาลนั้นอีก เมื่อพาทีมชาติเยอรมัน เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ก็แพ้ บราซิล ชวดแชมป์ไปอีกรายการ
2002-2006 : บาเยิร์น มิวนิค
หลังจากนั้น บัลลัค ก็ถูก บาเยิร์น มิวนิค ทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศ คว้าตัวไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 12.9 ล้านปอนด์ และก็ประสบความสำเร็จอย่างมากมายร่วมกับทีม "เสือใต้" ด้วยการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 3 สมัย เดเอฟเบ โพคาล 2 สมัย ทำได้ 47 ประตู จากการลงสนาม 135 นัด จากการลงสนามรับใช้ บาเยิร์น มานาน 4 ปี
บัลลัค หมดสัญญากับบาเยิร์น ในช่วงปิดฤดูกาลนี้ และเขาก็เลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับทีม "เสือใต้" ทำให้เขาสามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัวตามกฎบอสแมน ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะย้ายไปร่วมทีมเชลซี มหาเศรษฐีแห่งอังกฤษ และรับค่าเหนื่อยมหาศาล ทำให้บรรดาทีมอื่นๆที่เล็งตัวเขาไว้เช่นกัน ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, รีล มาดริด และ เอซี มิลาน ต้องผิดหวังไปถ้วนหน้า
2006-ปัจจุบัน : เชลซี
บัลลัค ย้ายมาร่วมทีมเชลซี แบบไร้ค่าตัว ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2006 และลงเล่นให้กับทีมนัดแรกในเกมช่วงปรี-ซีซั่น ในเดือน ก.ค. 2006 ซึ่งในฤดูกาลแรกของเขาก็เชลซี ยังไม่ถือว่าโดดเด่นมากนัก โดยกว่าที่เขาจะยิงประตูแรกในพรีเมียร์ชิพให้กับทีม "สิงห์บูลส์" ได้ก็ปาเข้าไปในเดือนตุลาคม ในเกมที่พบกับ พอร์ทสมัธ ก่อนที่ฟอร์มของเขาจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ และจบฤดูกาลนี้ ด้วยการยิงประตูให้ทีมไป 8 ลูก ในทุกรายการ พร้อมกับ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ อีกด้วย
เข้าสู่ฤดูกาล 2006-2007 ฟอร์มของ บัลลัค เริ่มชัดเจนและอันตรายมากขึ้น โดยเขามีส่วนช่วยให้ เชลซี ลุ้นถึง 4 แชมป์ ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์, เอฟเอ คัพ, คาร์ลิ่ง คัพ และ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ว่าจะเป็นปีที่เขาต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่หลายครั้งหลายจนต้องพักยาวไปนานหลายเดือน อย่างไรดี ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่อาจนำทีม เชลซี คว้าแชมป์ใดๆ ได้เลย หลังจบฤดูกาล 2007
ฤดูกาลที่ 2008-09 ฟอร์มของบัลลัคถือว่าใช้ได้ แม้เขาจะยิงให้ทีมเพียงแค่ 4 ประตูรวมทุกรายการ แต่ก็ผ่านบอลให้คนอื่นยิงหลายต่อหลายครั้ง เป็นขุมกำลังสำคัญที่ทำให้สิงห์บลู คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ และได้ต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 1 ปี
ทีมชาติเยอรมัน
บัลลัค เริ่มติดธงทีมชาติเยอรมัน ในทีมชุดยู-21 ปี สมัยที่เขายังค้าแข้งอยู่กับทีม เชมนิตเซอร์ และหลังจากที่เขาย้ายไปร่วมทีม ไกเซอร์ฯ ได้เพียง 2 เดือน วันที่ 1 กรกฎาคม 1999 บัลลัค ในวัย 22 ปี ก็ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ โดยเกมแรกที่เขาได้ลงสนาม เกิดขึ้นในนัดที่พบกับ สกอตแลนด์ ซึ่งเขาถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองแทน ดีทมาร์ ฮามันน์
ในยูโร 2000 บัลลัค มีชื่อติดทีม "อินทรีเหล็ก" ด้วยเช่นกัน แต่ทว่า เขาก็ไม่ได้โอกาสลงเล่นมากนัก จนเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2002 บัลลัค ก็สามารถยึดตำแหน่งในทีมชาติได้อย่างถาวร พร้อมกับช่วยให้ เยอรมัน ทำผลงานผ่านเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ก่อนที่จะไปพ่ายต่อ บราซิล ซึ่งในเกมนั้น เขาไม่ได้ลงสนาม เนื่องจาก ติดโทษแบนพอดี
ในยูโร 2004 เยอรมัน ภายใต้การคุมบังเหียนของ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ กุนซือคนใหม่ในตอนนั้น ก็มอบหมายปลอกแขนกัปตันทีมให้กับ บัลลัค และในศึกฟุตบอลโลก ปี 2006 ที่เยอรมัน บัลลัค ก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บที่น่อง จนทำให้ ไม่สามารถช่วยทีมลงเล่นเกมนัดแรกที่พบกับ คอสตาริก้า ได้ แต่เขาก็กลับมาลงเล่นได้ในอีก 5 เกมถัดมา ก่อนที่ เยอรมัน จะต้องจอดป้ายเพียงแค่รอบรองชนะเลิศ อย่างไรก็ดี เขาก็มีส่วนช่วยทีม คว้าอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ ในที่สุด โดย บัลลัค ได้เป็น "แมน ออฟ เดอะ แมตช์" ในเกมนั้น รวมถึงเมื่อจบทัวร์นาเม้นต์ เขาก็ได้ติดทีม รวมดาราฟุตบอลโกล อีกด้วย
ในศึกยูโร 2008 ที่ออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ บัลลัค มีส่วนสำคัญที่พาทีม "อินทรีเหล็ก" ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ได้สำเร็จ แต่ในท้ายที่สุด ทีมก็ต้องแพ้ให้กับ สเปน ไปในรอบชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม จบทัวร์นาเมนต์ บัลลัค ก็ยังมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่าเป็นการปลอบใจ
ปัจจุบัน บัลลัค แม้จะอายุ 32 แล้ว แต่ก็ยังติดทีมชาติชุดคัดบอลโลกอยู่ในขณะนี้
ชีวิตส่วนตัว
บัลลัค แต่งงานกับ ซิมิโอเน่ ลัมเบ้ โดยทั้งคู่มีลูกวัยน่ารักด้วยกัน 3 คน ได้แก่ หลุยส์, เอมิลิโอ และ จอร์ดี้
เกียรติประวัติที่เคยได้รับ
ระดับส่วนตัว
German Footballer of the Year : 2002,2003,2005
UEFA Club Midfielder of the Year : 2002
Selected in FIFA's 100 Greatest Living Players
Soccer Digest World Player of the Year : 2002ระดับสโมสร
ไกเซอร์สลาเทิร์น
บุนเดสลีกา : 1998บาเยิร์น มิวนิค
บุนเดสลีกา : 2003, 2005, 2006
เยอรมันคัพ: 2003, 2005, 2006เชลซี
ลีกคัพ : 2007
เอฟเอคัพ : 2007, 2009
พรีเมียร์ลีก : รองแชมป์ 2006, 2007
ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก : รองแชมป์ 2008ทีมชาติเยอรมัน
FIFA World Cup : รองแชมป์ ปี 2002
UEFA European Football Championship : รองแชมป์ ปี 2008
FIFA World Cup : อันดับ 3 ปี 2006
FIFA Confederations Cup : อันดับ 3 ปี 2005
รางวัลส่วนตัว
นักฟุตบอลเยอรมันยอดเยี่ยม : 2002, 2003, 2005
กองกลางแห่งปีของยูฟ่า : 2002
ติด 1 ใน 100 นักฟุตบอลยอดเยี่ยมที่ยังมีชีวิตอยู่
รองเท้าทองแดง ยูโร 2008
ติดทีมออฟทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2008, ฟุตบอลโลก 2002, 2006