ประวัติ คาริม เบนเซม่า

| 01/01/1970 07:00 น. | 2711 Views

ล่าเบนซ์ 75 ลป.! ตำนานปืนจวกสโมสรไม่กล้าทุ่มเหมือนโกงแฟนบอล

     พอล เมอร์สัน อดีตนักเตะของอาร์เซนอล ตำหนิสโมสรที่ไม่กล้าทุ่มเงินคว้านักเตะระดับโลกอย่างเช่น คาริม เบนเซมา มาร่วมทัพ ทั้งที่คิดราคาค่าตั๋วแพงที่สุด

     ทีมปืนใหญ่ตกเป็นข่าวว่าต้องการคว้านักเตะในตำแหน่งศูนย์หน้ามาร่วมทัพ โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ คาริม เบนเซมา กองหน้าของเรอัล มาดริด ทว่าไม่อาจคว้าตัวมาร่วมทีมได้สำเร็จ แต่ดาวเตะระดับตำนานของสโมสรรายนี้ชี้ว่าต้นสังกัดเก่าของเขาควรแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทกว่านี้

     "ถ้าคุณเป็นแฟนบอลอาร์เซนอลที่ถือตั๋วปี คุณกำลังจ่ายเงินในราคาที่แพงที่สุด" เมอร์สันกล่าวทาง Sky Sports "มันเป็นเงินของพวกเขา มันเป็นเงินของแฟน มันไม่ใช่เงินของอาร์แซน เวงเกอร์ ไม่ใช่เงินของสโมสร มันเป็นเงินของแฟนบอลที่พวกเขาจ่ายมาเพื่อซื้อนักเตะ

     "ไอเดียทั้งหมดของการขยายสนามให้ใหญ่ขนาดจุคนได้ 60,000 ที่นั่งก็คือการนำนักเตะคุณภาพสูงเข้ามา ผมไม่รู้ว่าทำไมอาร์เซนอลถึงไม่ยอมจ่ายเงิน

     "ก็แค่ลองยื่นซื้อเบนเซมาไป 75 ล้านปอนด์ ถ้ามาดริดปฏิเสธและบอกว่า เราไม่ขายเขา คุณก็คงทำอะไรกับมันไม่ได้

     "คุณต้องลองทุ่มยื่นข้อเสนอ แล้วถ้าพวกเขาปฏิเสธ หรือนักเตะไม่อยากมา ก็คงต้องปล่อยไปตามนั้น แต่แสดงให้เห็นถึงอะไรบ้างสิ

     "มันคือการโกงแฟนบอล แฟนบอลหลายๆ คนคงคิดว่า เราจะมาที่นี่ทำไม เรามาทุกสัปดาห์ เราจ่ายค่าตั๋วแพงที่สุดไปเพื่ออะไร ท็อปโฟรเหรอ เราอาจจะได้ไปเล่นที่เวมบลีย์อีกครั้งในเอฟเอ คัพ ก็ได้นะ โอโห้"


      

ชื่อ : คาริม เบนเซม่า
 
เชื้อชาติ : ฝรั่งเศษ
 
วันเกิด : 17 ธ.ค. 1987
 
อายุ : 25 ปี
 
สถานที่เกิด : ลียง ,ฝรั่งเศษ
 
ส่วนสูง : 184 ซม.
 
ต้นสังกัด : เรอัล มาดริด

ตำแหน่ง : กองหน้า

 

        ถ้าจะพูดถึงกองหน้าทีมชาติฝรั้งเศษที่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวชูโรงของวงการลูกหนังเมืองน้ำหอม ก็คงหนีไม่พ้น คาริม เบนเซม่า ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เขาพัฒนาฝีเท้าให้ตนเองกลายเป็นดาวยิงอันดับต้นๆของโลกไปแล้วในขณะนี้ และยังเป็นศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของทีมชาติฝรั่งเศษในชุดปัจจุบัน
      
        เบนเซม่า เป็นผลผลิตของทีมเยาวชนลียง ก่อนจะก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี โดยนอกจากจะเป็นหัวหอกตัวเป้าในการเล่นระบบ 4-3-3 ของทีมแล้ว เบนเซม่า ยังสามารถเล่นในตำแหน่งปีกทั้งสองข้างได้ด้วย และเขาสามารถทำประตูได้ทันทีในการลงเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรก ในเกมที่พบกับ โรเซนบอร์ก ฤดูกาล 2005/06 ซึ่งเป็นการทำสกอร์ได้ก่อนลีก เอิงด้วยซ้ำไป



         ในฤดูกาล 2007/08 เบนเซม่า ก็เริ่มเป็นที่รู้จักไปในวงกว้าง หลังกดไป 31 ประตูในการลงสนาม 52 นัดด้วยฟอร์มการถล่มประตูที่ร้อนแรงดังกล่าวทำให้มีหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปจ้องจะดึงตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งรวมไปถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, บาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด แต่เขาออกมาบอกว่าไม่มีทางย้ายแน่นอน

         นอกจากจะทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในลีกแล้ว เบนเซม่า ยังช่วยให้ ลียง ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นครั้งแรก หลังจากเหมาคนเดียว 2 ประตูให้ทีมดังจากฝรั่งเศส บุกไปเอาชนะ เรนเจอร์ส ได้ถึงไอบร็อกซ์ สเตเดี้ยม 3-0

         เบนเซม่า เคยได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีในฝรั่งเศส โดยมีเพื่อนร่วมทีมลียง อย่าง ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมไปครอง ดาวเตะวัย 20 ปีในขณะนั้นถูกยกย่องว่าเป็น "นิว ซีดาน" เนื่องจากรูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกัน อีกทั้งยังมีเชื้อสายแอลจีเรียนเหมือนกันด้วย แต่ที่ เบนเซม่า เหมือนกับ ซีเนอดีน ซีดาน มากที่สุดก็คือสไตล์การเล่น โดยเฉพาะเวลาที่เขาพาบอลตะลุยเลี้ยงหลบกองหลัง

         ในฤดูกาล 2008/09 กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ก็ตัดสินใจจรดปากกาต่อสัญญากับ ลียง ออกไปอีกเพื่อสยบข่าวลือเรื่องย้ายทีม และการเซ็นสัญญาครั้งนี้จะทำให้เขาอยู่กับแชมป์ลีกเอิงไปจนถึงฤดูกาล 2013 และมีอ็อปชั่นต่อสัญญาเพิ่มอีก 1 ปีได้อีก และหลังจากการเซ็นสัญญาก็ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงสุดในแดนน้ำหอมทันที



         ถึงอย่างไรทีมอย่างลียงที่ชอบปล่อยนักเตะด้วยค่าตัวแพงๆอยู่แล้วแล้วนั้น ก็ไม่อาจจะทนแรงกดดันจากราชันชุดขาว เรอัล มาริดยักษ์ใหญ่แห่งลีกสเปนได้ จึงจำใจต้องปล่อยกองหน้าที่ดีที่สุดของทีมออกไปในฤดูกาล 2009/10 ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 35 ล้านปอนด์

         เบนเซม่า เริ่มต้นฤดูกาล 2009/10 ในถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ได้ไม่สมกับค่าตัวที่ย้ายมาจากลียง เพราะเขาลงเล่นให้กับชุดขาวไปทั้งหมด 33 นัด ยิงได้เพียง 9 ประตูเท่านั้น จึงทำให้หลายคนคิดว่าเขาไม่มีศักยภาพเพียงพอกับทีมใหญ่แบบมาดริด แต่เขาออกมาให้สัมภาษณ์ว่าในฤดูกาลถัดไปจะเป็นปีของเขาอย่างแน่นอน

         ฤดูกาล  2010/11 เป็นปีที่ 2 ของเขาหลังจากย้ายมาจากลียง และในปีนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เข้ามาคุมทัพและให้โอกาสเขาลงสนามมากขึ้นจนทำให้เขาซัดไป 26 ประตูจาก 48 เกมที่ลงเล่นทั้งหมด และสามารถทำสถิติให้ตนเองด้วยการยิงใส่คู่แข่ง 2 ลูกได้ึถึง 3 เกมติดต่อกันในเกมลีก ถือว่าเป็นการปรับตัวที่ดีในถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว และเป็นการร่วมงานที่ดีระหว่างเขากับ มูรินโญ่

          ต่อมาในฤดูกาล 2011/12 ปีนี้ถือว่าเป็นปีทองของเขากับ เรอัล มาดริด อย่างแท้จริงเพราะเปิดหัวมาเขาก็ยิงใส่คู่ปรับตลอดการอย่างบาร์เซโลน่าได้ทันทีในเกมซูปเปอร์คัพถึงแม้จะแพ้ไปในที่สุดก็ตาม แต่ถึงอย่างไรในฤดูกาลน้เขาก็สามารถยิงประตูในหนึ่งฤดูกาลได้เยอะที่สุดในชีวิตค้าแข็งของเขาด้วยสถิติ 32 ประตู ในการเล่นทั้งหมด 52 เกม



        มาถึงฤดูกาล 2013/14 เป็นฤดูกาลที่เขาหวังว่าจะทำสกอร์ให้ได้อย่างต่อเนื่องอย่างทีผ่านๆมา และยิ่งปีนี้ เรอัล มาดริด ได้ขาย กอนซาโล อิกวาอิน กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ออกไปจากทีมทำให้เขากลายเป็นกองหน้าตัวเป้าเบอร์ 1 ของทีมไปทันที และพอเริ่มฤดูกาลมาเขาก็ยังโชว์ฟอร์มเทพด้วยการซัด 2 ประตูจาก 2 เกมแรกในลีก แล้วก็มายิงใส่กาลาตาซาราย ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก 2 ลูก

         ปีนี้เราทุกคนต้องคอยเฝ้าดูว่าเขาจะสามารถทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำอย่างที่ผ่านๆมาได้หรือไม่และในทีมชาติฝรั่งเศษที่เขาเป็นดาวยิงหมายเลข 1 ของทีม เขาจะสามารถพาทีมเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกที่บราซิลได้หรือไม่เราต้องติดตามและให้กำลังใจกันต่อไป

 


Updated by [Jarupat]

ADS